John Galliano
FASHION

ทั้งรุ่งเรืองและตกต่ำ! ย้อนรอยผลงานของ John Galliano เมื่อครั้งกุมบังเหียนแบรนด์ Dior

ผลงานของ John Galliano ทำให้ห้องเสื้อ Dior ได้รับการขนานนามว่า 'ยุครุ่งเรือง' ทว่าการกระทำของเขากลับก็ 'ตกต่ำ' อย่างไม่อาจให้อภัยได้!

     ‘พ่อมดแห่งวงการแฟชั่น’ คือฉายาที่เหมาะสมที่สุดของดีไซเนอร์ที่มีความอัจฉริยะที่สุดคนหนึ่งที่อุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกเคยมีมา เขาคนนั้นคือ John Galliano ดีไซเนอร์ลูกครึ่งอังกฤษ-สเปน ซึ่งกรุยทางเริ่มต้นบนหนทางการเป็นดีไซเนอร์ระดับโลกด้วยดีกรีบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้านแฟชั่นจากสถาบันอันเลื่องชื่ออย่าง Saint Martin’s School of Art ก่อนที่ในปี 1995 จอห์นจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักออกแบบประจำแบรนด์ Givenchy โดย Bernard Arnault ผู้ดูแลบริษัท LVMH คนสำคัญ โดยจอห์นได้นำเสนอผลงานโอตกูตูร์เป็นครั้งแรก ณ สนามกีฬา Stade de France ซึ่งคอลเล็กชั่นนั้นได้รับการยกย่องจากสื่อแฟชั่นอย่างล้นหลาม และในปีต่อมา ปี 1996 LVMH ก็ได้โยกย้ายจอห์น ให้ไปทำหน้าที่กุมบังเหียนแบรนด์ Christian Dior แทนที่นักออกแบบชาวอิตาเลียนคนก่อนหน้าอย่าง Gianfranco Ferré ซึ่งที่นั่นเองที่ทำให้ชื่อของ จอห์น กัลลิอาโน ถูกกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้

     จอห์น กัลลิอาโน ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามเมื่อครั้งที่เขากุมบังเหียนอยู่ที่เมซงดิออร์ เนื่องจากเขาได้ยกเครื่องครั้งใหม่ให้กับเหล่าสาวดิออร์อีกครั้ง ให้มีความรุ่นรวยทางด้านศิลปะ และวัฒนธรรมด้านสไตล์อย่างที่หาใครเปรียบได้ยาก กลิ่นอายความ Oriental ที่แฝงอยู่ในการตัดเย็บ ซิลูเอตดีไซน์ และการเลือกใช้สีสันของคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงความอัจฉริยะด้านความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในตัวของจอห์นทั้งสิ้น ผลงานดังที่เหล่าสายแฟชั่นยังคงจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้ก็ต้องยกให้กับชุดกระโปรงในปี 1997 ของ Nicole Kidman ดาราฮอลลีวู้ดสาวที่กำลังขึ้นหม้อถึงขีดสุดในเวลานั้น โดยเธอได้เลือกสวมใส่ชุดดังกล่าวเข้าร่วมงานประกาศรางวัลออสการ์จนกลายเป็นไวรัล และยังคงขึ้นแท่นเป็นชุดที่ดีที่สุดตลอดกาลบนพรมแดงงานระดับโลกอีกด้วย



WATCH




     ไม่เพียงเท่านั้น เพราะยังมีชุดลายพิมพ์หนังสือพิมพ์อันเลื่องชื่อบนรันเวย์โชว์คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปของดิออร์ ประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2000 ที่ต่อมาได้กลายเป็นชุดไอคอนิกตลอดกาลไปโดยปริยาย, ชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ ซึ่งถูกนำมาเล่าใหม่อีกครั้งให้ดูโมเดิร์นกว่าเดิม บนรันเวย์โชว์คอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ ประจำปี 2004 เรื่อยไปจนถึงคอลเล็กชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2007 ของดิออร์ หรือที่คนแฟชั่นส่วนใหญ่เรียกกันง่ายๆ ติดปากว่า ‘คอลเล็กชั่น Madame Butterfly’ กับการผสมผสานวัฒนธรรมการแต่งกายในฝั่งเอเชียอาคเนย์เข้าไปอย่างเต็มเปี่ยมและลงตัว ทั้งรายละเอียดของลวดลายพิมพ์ ไปจนถึงซิลูเอตการตัดเย็บ ที่ทำให้นักวิจารณ์ชื่อดังหลายคนในเวลานั้นต่างออกปากชมว่าเป็นคอลเล็กชั่นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะของจอห์นได้อย่างชัดเจนทีเดียว และต่างกล่าวขานว่า “ห้องเสื้อ Christian Dior ในยุคที่ จอห์น กัลลิอาโน เถลิงอำนาจนั้น นับเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งก็ว่าได้”

John Galliano

     กระนั้นความรุ่งเรืองแห่งชีวิตบนเส้นทางสายนี้ของจอห์นก็มีอันต้องสิ้นสุดลง เมื่อมีการปล่อยคลิปเสียงสุดอื้อฉาวที่จอห์นได้พูดเหยียดหยามชาวยิวที่เกี่ยวข้องกับกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ออกมาในปี 2011 จนกลายเป็นข่าวสุดอื้อฉาว และทำให้อำนาจในห้องเสื้อดิออร์ของเขาต้องจบลงแต่เพียงเท่านั้น และแม้ว่าคอลเล็กชั่นสุดท้ายที่ถูกออกแบบไว้ก่อนหน้านั้นกับทางห้องเสื้อดิออร์ จะได้เดินโชว์บนรันเวย์ในช่วงปารีสแฟชั่นวีก ทว่าทางต้นสังกัดอย่าง Sidney Toledano ผู้บริหารระดับสูงของดิออร์ในเวลานั้น ก็ได้ออกมากล่าวประณามการกระทำของเขาบนรันเวย์หลังจากที่โชว์ดังกล่าวจบลง เป็นอันปิดตายเส้นทางการทำมาหากินของ จอห์น กัลลิอาโน กับแบรนด์ดิออร์ไปตลอดกาล

     (ตามไปอ่านเรื่องราวของเหตุการณืสุดอื้อฉาวของ John Galliano ได้ที่ เมื่อคนดังพูดไม่คิด! ย้อนบทเรียน 'รักฮิตเลอร์' ของ John Galliano ผู้สร้างอาชญากรรมคำพูดเหยียดยิว )

ข้อมูล : Wikipedia: John Galliano, Wikipedia: Christian Dior และ Vogue Runway

WATCH