FASHION

ย้อนเจาะลึกแฟชั่นในโลกกีฬา ต้นฉบับความสวยงามที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับศตวรรษของสปอร์ตแวร์

จากเรื่องชนชั้นและกฎระเบียบเรื่องการแต่งกาย สู่กลิ่นอายแฟชั่นสปอร์ตแวร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน

     แฟชั่นกับกีฬาถือเป็นของคู่กันมาอย่างยาวนาน ตามประวัติศาสตร์แฟชั่นแล้วเครื่องแบบกีฬามีผลอย่างมากในการพัฒนาเครื่องแต่งกายของคนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาของชนชั้นสูงจากฝั่งยุโรปที่มีเครื่องแบบอันเต็มไปด้วยรายละเอียดและสะท้อนความใส่ใจในการเลือกสรรเสื้อผ้าเพื่อทำกิจกรรมอย่างเฉพาะเจาะจง ตอนนี้เมื่อ Downton Abbey: A New Era ปล่อยภาพตัวอย่างออกมาก็มีภาพหนึ่งที่แสดงถึงเครื่องแต่งกายสำหรับเล่นกีฬาของคนยุคก่อน โว้กจึงอยากพาทุกคนย้อมชมความงดงามของชุดกีฬาที่ยังคงเป็นอมตะเหนือกาลอยู่จวบจนทุกวันนี้

หญิงสาวสมัยก่อนในชุดสำหรับเล่นกีฬาเทนนิส / ภาพ: Merchant of Tennis

     แรกเริ่มเดิมทีต้นกำเนิดกีฬาส่วนใหญ่มักเกิดจากการหากิจกรรมเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของเหล่าชนชั้นนำทางสังคม กีฬาอย่างเทนนิส คริกเก็ต หรือแม้แต่การล่าสัตว์ถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อกว่า 1 ศตวรรษที่แล้ว แต่สมัยนั้นกีฬายังไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการแข่งขันอย่างจริงจังมากนัก ผู้เล่นส่วนมากเป็นคนชนชั้นสูงที่มารวมตัวกันทำกิจกรรมเสียมากกว่า ดังนั้นเครื่องแบบกีฬายุคนั้นจึงเต็มไปด้วยรายละเอียดและยังไม่ได้ส่งเสริมการเล่นกีฬาแต่ละชนิดได้เต็มประสิทธิภาพมากนัก

ตัวอย่างงานศิลปะเมื่อปี 1896 ที่แสดงให้เห็นเครื่องแต่งกายสำหรับการตีเทนนิส / ภาพ: Bust

     กีฬาชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นกีฬาเทนนิส ในช่วงแรกผู้หญิงที่เล่นกีฬานี้จะถือแร็กเกตไม้เรียวยาว สวมชุดที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือกระโปรง “Heavy Skirt” ซึ่งเป็นกระโปรงทรงโบราณ มีขนาดใหญ่และค่อนข้างหนัก ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตกลงร่วมกัน แต่เป็นกฎระเบียบในการลงเล่นอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นมันสะท้อนให้เห็นว่ากีฬาเทนนิส กีฬาที่ต้องใช้พื้นที่สนามหญ้า อุปกรณ์ครบครัน และการแต่งกาย จึงเป็นกีฬาสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ใช่กีฬาสาธารณะที่ได้รับความนิยมเฉกเช่นในปัจจุบัน



WATCH




Suzanne Lenglen นักกีฬาหญิงผู้เปลี่ยนรูปแบบการสวมกระโปรงลงแข่งขันกีฬาเทนนิส / ภาพ: Roland Garros

     การปฏิวัติชุดกีฬาของเหล่าหญิงสาวผู้ต้องการเปลี่ยนแปลง! เรื่องนี้สำคัญกับทั้งวงการกีฬาและแฟชั่น อย่างที่กล่าวไปว่าเทนนิสคือกิจกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นนำในสังคม ทว่าในปี 1922 Suzanne Lenglen เธอริเริ่มการสวมกระโปรงสั้นตีลูกสักหลาดเป็นครั้งแรกในการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันปีนั้น ทำให้เทรนด์โลกเปลี่ยนทั้งในเชิงสังคมและแฟชั่นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวมากมายหันมาสวมชุดคล่องตัวเหมาะสำหรับการเล่นกีฬามากขึ้น จนเกิดเป็นแฟชั่นแนวสปอร์ตคลาสสิกที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายให้เราเห็นจนถึงตอนนี้ ในด้านของโลกแฟชั่นก็ต้องย้อนนึกถึง Jean Patou ที่รังสรรค์เสื้อผ้าที่เป็นต้นแบบของชุดกีฬาสำหรับผู้หญิงในปัจจุบัน เพราะผลงานของเขาผสมผสานระหว่างมิติความสวยงามกับฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างลงตัว

ตัวอย่างแฟชั่นชุดกีฬายุค 1940s ที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงมีการสวมกางเกงขายาวและเสื้อแจ๊กเก็ตคล้ายผู้ชายมากขึ้น / ภาพ: Pinterest

     “Wear Like Men” ในสมัยก่อนชุดกีฬาคลาสสิกจะบ่งบอกเพศได้เป็นอย่างดี เพราะผู้ชายจะมีเครื่องแบบเช่นสูทหรือเบลเซอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกีฬาพายเรือที่ได้รับความนิยมมากในมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก ส่วนของผู้หญิงจะเป็นชุดเดรสหรือชุดกระโปรงพลีตที่ให้ความพลิ้วไหวเคลื่อนไหวง่ายขึ้น แต่สำหรับยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สอดคล้องไปกับเทรนด์แฟชั่นแมสคิวลีน หญิงสาวหลายคนเลือกสวมเสื้อผ้าแบบผู้ชาย มีการสวมกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต และรองเท้าหนังสำหรับเล่นกีฬา เรียกว่านี่คืออีกยุคสมัยหนึ่งที่การแต่งกายสไตล์สปอร์ตมีการปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด

รูปแบบเครื่องแต่งกายสำหรับล่าสัตว์ในสมัยก่อนที่หลายคนคงตั้งคำถามว่ามันสะดวกจริงหรือ / ภาพ: Pinterest

     สมัยที่การล่าสัตว์ยังเป็นกีฬายอดนิยม หนุ่มสาวทั่วยุโรปยังคงจัดเต็มเรื่องแฟชั่นอยู่เสมอ...ย้อนกลับไปกว่า 1 ศตวรรษที่แล้วการล่าสัตว์ยังถือเป็นกีฬาและกิจกรรมของเหล่าชนชั้นสูงอยู่ ตอนนั้นผู้ชายจะสวมชุดสูทหรือเสื้อแจ๊กเก็ตล่าสัตว์ (Hunting Jacket) กันแบบเต็มยศ ส่วนผู้หญิงเองก็มาในลุคชุดเดรสหรือชุดกระโปรงเข้ารูป มาพร้อมเสื้อโค้ตเมื่อเข้าถึงฤดูหนาว แต่เมื่อการล่าสัตว์เสื่อมความนิยมไปตามกาลเวลา แฟชั่นแบบนี้จึงเลือนหายไปเช่นกัน เพราะการล่าสัตว์ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันสมัยได้ คนยุคใหม่ปฏิเสธการทารุณกรรมสัตว์อย่างจริงจัง เครื่องแบบเหล่านี้จึงแทบจะหายไปจากสารบบแฟชั่น ไม่เหมือนกับกีฬาเทนนิสที่มีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยมาตลอด ดังนั้นแฟชั่นจัดเต็มดังกล่าวจึงไม่ได้อยู่เป็นอมตะ หลงเหลือเพียงกลิ่นอายความสวยงามบางอย่างที่ปรากฏให้เห็นในรายละเอียดเสื้อผ้าบางรูปแบบเท่านั้น

รูปแบบการแต่งกายสำหรับขี่ม้าในสมัยก่อนที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายความสวยงามอยู่จนถึงปัจจุบัน / ภาพ: Konia Equestrian

     ถึงแม้แทบทุกกีฬาจะเปลี่ยนรูปแบบการแต่งกายไปมากน้อยแล้วแต่ความเหมาะสม แต่มีกีฬาอยู่หนึ่งชนิดที่ยังผูกติดเรื่องขนบธรรมเดียวไว้อย่างเหนียวแน่น นั่นก็คือกีฬาขี่ม้า กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาที่มีมาแต่โบราณ ดังนั้นกีฬาดังกล่าวจึงยังหลงเหลือกลิ่นอายตามสไตล์โลกยุคเก่าอย่างเห็นได้ชัด ในสมัยก่อนการที่หญิงสาวจะขึ้นควบม้าจะต้องมียศถาบรรดาศักดิ์พอสมควร (ยกเว้นยามสงคราม) ชุดขี่ม้าจึงเต็มไปด้วยความฟูฟ่อง รายละเอียดสุดประณีต และซิลูเอตที่บ่งบอกถึงความหรูหรามีระดับของผู้สวมใส่ ต่อมาแม้จะมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ายุคสมัยมากขึ้น แต่รูปแบบของเครื่องแต่งกายยังคงเชื่อมโยงกับรากฐานความสูงศักดิ์อยู่เสมอ เราจะเห็นว่าโปโลคลับทั่วโลกส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่สำหรับชนชั้นนำทางสังคม เครื่องแบบการแต่งกายจึงยังมีความละเอียดอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ๊กเก็ต รองเท้าบู๊ตจอดเปอร์ รวมถึงหมวกอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นโลกปัจจุบันก็ไม่ได้ปิดกั้นเหมือนสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน ผู้คนสามารถเลือกเล่นกีฬาได้ตามใจชอบมากขึ้น กฎระเบียบเรื่องการแต่งกายก็ลดระดับความเข้มข้นลง บางกีฬาก็แทบไม่เหลือกฎดั้งเดิมอยู่เลย นอกจากกีฬา 2-3 ชนิดที่เราได้กล่าวไปในบทความนี้ยังมีกีฬาอีกหลากหลายรูปแบบที่มีพัฒนาการด้านแฟชั่นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเกตบอล คริกเก็ต ฯลฯ ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าแฟชั่น การขับเคลื่อนสังคม และกีฬาเป็นสิ่งที่สอดประสานกันอยู่ตลอดเวลา สังคมเดินไปทิศทางใดแฟชั่นก็ปรับตัวไปตามนั้น กีฬาปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเช่นไร แฟชั่นก็พัฒนาอย่างสอดคล้องกันเสมอ และนี่คือเหตุผลหลักที่แฟชั่นวนอยู่รอบตัวเราไม่ต่างจากแง่มุมอื่นๆ บนโลกใบนี้

 

ข้อมูล:

fashion-era.com

pageflakes.com

gentlemansgazette.com

les100ciels.com

rolandgarros.com

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Sportwear