ผู้หญิงของชาเนลมีอะไรหลักๆ เหมือนกันอยู่ 2 อย่าง...พวกเธอ "ฉะฉาน" ในถ้อยคำ...และพวกเธอ "แตกฉาน" ทางความคิด

     ว่ากันตามจริงสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเมื่อเราออกสำรวจแผนที่ในจินตนาการของแบรนด์ จะพบว่าตัวละครมากมายที่เวียนวนอยู่ในจักรวาลของแบรนด์ C ไขว้ หากไม่เป็นนักคิด ก็ล้วนเป็นนักทำ (หรือไม่ก็เป็นนักอ่าน!) พวกเธอมีมันสมอง เข้าใจสไตล์ รู้จักสถานการณ์ และสื่อสารตัวตนเป็น

     บี- เอกนรี วชิรบรรจง โปรดิวเซอร์สาวทายาทคนบันเทิงรุ่นตำนาน ดุ่มมาเงียบๆ แต่เข้าตากรรมการทั้งเฮดออฟฟิศที่ปารีสและที่ไทย จนสามารถเจาะเข้ามาสู่วงในคนสนิทของแบรนด์ได้ด้วยตัวตนของเธอเองแท้ๆ ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้เธอมักจะปรากฏตัวอยู่เนืองๆ ในลุคแปลกตา ซึ่งน่าจะช่วยสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของชาเนลอีกกลุ่ม (กลุ่มที่ออกแนวเท่ มากกว่าหวาน) ให้แบรนด์มีมิติที่ครบองศายิ่งขึ้น แถมนอกจากเจ้าของร่างเพรียวสูง 178 เซนติเมตรคนนี้จะสวมชาเนลขึ้นแล้ว หน้าที่การงานของเธอซึ่งเอาจริงเอาจังอยู่หลังฉากเสียเป็นส่วนใหญ่ยังโดดเด่น และตอบโจทย์กับตัวแบรนด์เองที่ชอบเลือกร่วมงานกับคนเก่งจากหลากสาขาหลายแนว

     และในโอกาสที่ สธน ตันตราภรณ์ ร่วมเดินทางไปกับเธอยังประเทศโมนาโก เพื่อร่วมชมแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นครูส 2023 ของชาเนลแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เขาไม่วายแอบสะกิดสาวเท่ผู้นั่งห่างไปเพียง 2 แถวเก้าอี้บนเครื่องบินรายนี้ เพื่อชวนคุยฆ่าเวลาด้วยเชื่อว่าเธอน่าจะมีมุมมองไม่ซ้ำใครเกี่ยวกับแบรนด์ที่สาวไทยหลงใหลกันทั่วเมือง

Vogue: มุมมองที่มีต่อแบรนด์ชาเนลก่อนนี้เป็นอย่างไร และเมื่อได้เขยิบเข้ามาสัมผัสแบรนด์ใกล้ๆ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม

Bewachi: เรารู้จักแบรนด์ชาเนลจากคุณแม่ที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ก่อนนี้ก็จะคิดเอาเองว่าเหมาะกับ (รุ่น) คุณแม่มาก คือมีความโก้สไตล์มาดามหน่อยๆ ติดจะคลาสสิกแฝงกลิ่นอายหรู แล้วก็เคยมีหลายครั้งที่คุณแม่บอกเราว่าบีเหมาะกับชาเนลมากๆ แต่เรากลับไม่อินเลย เพราะไม่เคยคิดว่าเป็นแบรนด์ที่เหมาะกับเรา ก็เราไม่ได้เป็นคนแต่งตัวหรืออินกับแฟชั่น แต่หลังจากที่ได้รู้จักแบรนด์มากขึ้น ได้ร่วมงานกันหลายครั้ง ทำให้มุมมองที่เรามีต่อแบรนด์เปลี่ยนไป ยิ่งคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ทำให้รู้สึกว่าเราเข้าถึงได้มากๆ ถึงขนาดที่เรามองเห็นไอเท็มแต่ละชิ้น แล้วสามารถจิ้มได้เลยว่า That’s for me! 

V: แล้วกับการเดินทางไกลครั้งแรกกับแบรนด์ล่ะ คาดหวังอะไรไว้ไหม

B: ไม่ได้คาดหวังอะไรเป็นพิเศษนะคะ อาจเพราะบีเชื่อว่าเราต้องได้รับ “ประสบการณ์ชีวิต” ที่หากันไม่ได้ง่ายๆ จากทริปของแบรนด์ระดับนี้แน่ๆ แต่ขนาดไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ก่อนเดินทางบีก็ยังตื่นเต้นมากนะ ถึงจะเป็นทริปที่สั้น แต่เรามั่นใจว่าเราจะได้อะไรกลับมามากกว่าจำนวนในวันที่กลับมา

 

V: แล้วพอได้ไปสัมผัสมาเองกับตา รู้สึกอย่างไรบ้าง
B: ตื่นเต้นมากกับโชว์ สนุกมากกับงาน และประทับใจกับรายละเอียดต่างๆ ทั้งบรรยากาศในงาน ทั้งผู้คนใหม่ๆ ที่ได้เจอ รวมถึงเพื่อนร่วมเดินทางในทริปนี้ด้วย เราเหมือนกลายเป็นเด็กที่ได้เปิดโลกใบใหม่ทุกครั้งที่ก้าวเดินเข้าไปในแต่ละส่วนของงานที่ชาเนลเตรียมไว้ให้

V: ประทับใจแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ตรงไหนบ้าง
B: ติดใจสถานที่จัดโชว์กับโปรดักชั่นงานสร้างตรงชายหาด Monte-Carlo Beach เพราะมันทำให้รู้สึกถึงความเป็นโชว์ครูสจริงๆ เหมือนเรามาพักผ่อน แล้วก็มีโอกาสชื่นชมคอลเล็กชั่นไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญคือเซอร์ไพรส์กับรายละเอียดในหลายๆ ลุคที่เสริมลูกเล่นความเป็น F1 เข้าไป แต่ก็ยังสามารถคงความเป็นชาเนลไว้ได้แบบไม่ตกหล่น

V: มีลุคไหนที่ชอบหรืออยากใส่เป็นการส่วนตัวไหม
B: ลุคที่แจน (ใบบุญ อรุณปรีชาชัย) ใส่ กับลุคที่เป็นชุดจั๊มป์สูทสีดำติดดอกคามิลเลียที่อก เราเป็นคนชอบใส่ชิ้นเรียบๆ ตัวโปรดส่วนใหญ่จะเป็นสีดำหรือขาวซึ่งหยิบใช้ได้บ่อยๆ คือเราเป็นคนชอบอะไรที่ดูคล่องตัว และแมตช์ใช้ได้กับหลายสไตล์ หลายโอกาส 

V: เห็นสะพายกระเป๋า Chanel 22 รุ่นใหม่ล่าสุดตั้งแต่ขึ้นเครื่องจากไทย แอบถามหน่อยว่าใส่อะไรไว้บ้าง

B: เยอะมากเลยนะคะ มีทั้งหนังสือเดินทาง กล้องถ่ายรูป เอกสารต่างๆ ยาที่ต้องพกติดตัว กระเป๋าใส่ของใบเล็กๆ ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ หนังสือไว้อ่านตอนมีเวลาว่างๆ แล้วก็ลิปสติก Rouge Coco ด้วยนะ

 

V: คำถามสุดท้าย ถ้าทริปนี้เป็นละครสักเรื่อง บีว่าละครเรื่องนี้น่าจะเป็นแนวไหน คุณพ่อพงษ์พัฒน์กำกับไหวไหม

B: บีเห็นภาพเป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้มาเปิดโลกครึ่งใหม่ของเธอ…เธอก้าวออกจากกรอบที่เธอเคยอยู่ ทั้งที่ไม่คิดว่าจะสามารถก้าวข้ามจุดนั้นมาได้ มีโอกาสเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ได้พบผู้คนที่เปลี่ยนความคิดหรือชีวิตเธอไป ไม่แน่ว่าเธออาจจะเจอคำตอบที่ตัวเธอเองตามหามาโดยตลอด…My dad wouldn’t direct it…because it’s too complicated.