FASHION

DITP เปิดโลกอิสระแห่งแฟชั่นสุดสร้างสรรค์พร้อมปั้นนักออกแบบรุ่นใหม่กว่า 60 แบรนด์!

เปิดโอกาสสำหรับการส่งเสริมนักออกแบบสัญชาติไทยรุ่นใหม่ในโครงการ Designers' Room / Talent Thai & Creative Studio Promotion 2023 สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพผสานเสน่ห์ความยั่งยืนสู่สายตาสากลทั่วทุกมุมโลก

นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในเวทีระดับสากลที่เล็งเห็นถึงความสามารถ และศักยภาพในการออกแบบแฟชั่นของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ ซึ่งนำไปสู่การออกแบบที่มีความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มขีดความสามารถในงานศิลปะผสานอิสระมากยิ่งขึ้นในโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ปี 2566 หรือ Designers' Room / Talent Thai & Creative Studio Promotion 2023 ทั้ง 60 แบรนด์ ที่ร่วมระดมไอเดียสุดสร้างสรรค์สะท้อนปัญหาการศึกษาไทยผ่านผลงานแฟชั่นในยุคปัจจุบันและสร้างโอกาสทางการค้าในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดโอกาสส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้นำเสนอไอเดียสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบที่สะท้อนปัญหาสังคม นอกจากนี้ยังสามารถยกระดับสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับ ตอบสนองต้องความต้องการของตลาดโลกมากยิ่งขึ้น และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชีย



WATCH




 

โครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ปี 2566 ได้มอบความรู้และเปิดประสบการณ์ที่จำเป็นรอบด้านแก่นักออกแบบรุ่นใหม่ทั้ง 60 แบรนด์ที่ผ่านเข้าร่วมโครงการฯ จากทั้งผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานต่างๆ และเหล่าพันธมิตร ที่มาร่วมมอบองค์ความรู้ คำแนะนำ และโอกาสในการทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์ (CO-BRAND) จนออกมาเป็นผลงานแห่งความสำเร็จสุดสร้างสรรค์ร่วมกับพันธมิตรทั้ง 7 ได้แก่

 

Q DESIGN AND PLAY

แบรนด์แฟชั่นผู้ชายที่มีความโดดเด่นและหยิบยกประเด็นจากสิ่งรอบตัวในสังคมมาเล่าใหม่ผ่านงานออกแบบอย่างมีอารมณ์ขันเชิงประชดประชัน ที่มีแนวคิดการคอแลบอเรชั่น แต่สามารถเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อาทิ แบรนด์ Honnan ที่นำเสื้อสูทมา Upcycle ใหม่เป็นกระเป๋า โดยดึงอัตลักษณ์สไตล์สตรีตของ Q DESIGN AND PLAY มาผสานกับ Jigsaw design concept ของแบรนด์ Honnan กลายเป็นกระเป๋าที่สามารถถอดประกอบได้และยังคงรูปลักษณ์ของเสื้อสูท

SARRAN

แบรนด์เครื่องประดับที่ถ่ายทอดเรื่องราวและความงดงามของผู้หญิงไทยและแบรนด์น้ำหอมน้องใหม่ MADE IN SOUL ผสานความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับนักออกแบบมากมาย อาทิ Marionsiam แบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ออกคอลเล็กชั่นใหม่เป็น Limited Edition Hawaii Shirt โดยลวดลายและสีสันบนเสื้อได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Vincent Van Gogh ที่ดูสนุก เข้าใจง่าย และสวมใส่สบาย

MOBELLA GALLERIA

แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นด้านการนำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาผสานเข้ากับรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว อาทิ แบรนด์กระเป๋า MINCE ที่นำเอา “เก้าอี้ช้าง” ของ MOBELLA มาผสมผสานกับการออกแบบกระเป๋า จนออกมาเป็นเก้าอี้ช้างที่มีลูกเล่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลาย

QUALY

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ ที่เชื่อในพลังของการออกแบบเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนไปพร้อมกับการปกป้องโลกและสิ่งแวดล้อม ที่มีแนวคิดการ CO-BRAND เพื่อสร้างผลงานที่กระตุ้นให้สังคมตระหนักเรื่องความยั่งยืนร่วมกับนักออกแบบรุ่นใหม่ อาทิ แบรนด์ Wastematters ที่ออกแบบแจกัน "Way of Waste" ที่สื่อถึงความสมดุลของคนและธรรมชาติ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการจัดแจกัน Ikebana ที่แปลว่า ดอกไม้มีชีวิต

SC Grand

ผู้ให้ความสนับสนุนด้านวัสดุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน Sustainable Textile จากโรงงานผลิต ซึ่งมีนักออกแบบให้ความสนใจ ร่วมสร้างผลงานจากวัสดุและเศษผ้าเหลือใช้จำนวนมาก อาทิ แบรนด์ SEDAR W. ที่นำด้ายหรือเศษผ้าจาก SC GRAND มาม้วนเป็นก้อนกลม เพื่อทำเป็นก้อนกักเก็บกลิ่นและกระจายกลิ่น หรือ "Scented ball" พร้อมถาดวางลูกบอลที่นำเศษผ้าไปผสมปูนสร้างสีสันและลวดลายจากเศษผ้าที่เหลือบนถาด

บ้านและสวน

อีกหนึ่งพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนนักออกแบบในโครงการภายใต้โจทย์ Techno Local โดยมีนักออกแบบที่ดึงเสน่ห์ท้องถิ่นมาประยุกต์กับความทันสมัยได้อย่างลื่นไหล อาทิ แบรนด์ Tayaliving ที่นำกระติ๊บจากภาคอีสานมาพัฒนาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานในยุคปัจจุบัน ที่สามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใส่ข้าวเหนียวหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ปรับแต่งได้ตามใจชอบ

Limited Education

และสุดท้าย Limited Education โครงการภายใต้การดูแลของร้อยพลังการศึกษา (TCFE) มูลนิธิเพื่อ “คนไทย” ที่มีเป้าหมายในการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้เด็กไทย ผ่านยอดระดมทุนจากการจำหน่ายสินค้าที่ดำเนินงานร่วมกับนักออกแบบในโครงการฯ โดยในปีนี้มีการแบ่งทีมนักออกแบบเป็น 5 ทีม และสื่อสารปัญหาการศึกษาภายใต้โจทย์ 5 วิชาสามัญ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ทั้ง 5 อย่าง ได้แก่ เครื่องประดับ “ลูกเก๋า”, ผ้าห่ม “ลอสสะตาร์”, ชุดเสื้อผ้า “วัตถุฮาไว”, กระเป๋า ฮาว อา ยู ทูเด๊? และกระเป๋าผ้า Tote bag for SOCIETY

 

ซึ่งในปีนี้มีนักออกแบบที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 60 แบรนด์ โดยแบ่งตามประเภทสินค้าได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ นักออกแบบกลุ่มสินค้าแฟชั่น Designers’ Room 34 ราย แบ่งออกเป็น เครื่องประดับ 14 ราย, กระเป๋า 12 ราย และเสื้อผ้า 8 ราย ในส่วนถัดไปเป็นนักออกแบบกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ Talent Thai 22 ราย แบ่งออกเป็น เซรามิก 4 ราย, เฟอร์นิเจอร์ 1 ราย และของตกแต่งบ้าน 9 ราย นอกจากนั้นยังเพิ่มความพิเศษให้กับปีนี้ด้วยนักออกแบบกลุ่มธุรกิจบริการออกแบบ Creative Studio 4 รายเพิ่มเข้ามาเสริมทัพความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น เหล่านักออกแบบทั้งหมดจะได้เข้ารับการอบรมพัฒนาความรู้ในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศใน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรความรู้พื้นฐานของการเป็นนักออกแบบระดับสากล และหลักสูตรค่ายบ่มเพาะนักออกแบบไทยสู่สากล (CO-BRAND) ให้ความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์เป็นหัวใจที่สำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ของนักออกแบบไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมเหล่ารุ่นพี่ศิษย์เก่า (Alumni Team) มาทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในอนาคต รวมทั้งยังมีกิจกรรมที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริงผ่านแบบทดสอบของโครงการ เช่น กิจกรรมของพาร์ตเนอร์อย่าง Limited Education ที่ร่วมมือกับนักออกแบบเพื่อสร้างสรรค์ผลงานออกแบบที่สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และนำไปสู่การระดมทุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เด็กไทย

ซึ่งผลงานของนักออกแบบรุ่นใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์แฝงความโดดเด่นที่แตกต่างและสร้างจินตนาการแห่งแฟชั่นอย่างไม่รู้จบ นอกจากนี้นักออกแบบจะได้รับการส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านสื่อชั้นนำและได้รับโอกาสในการเข้าร่วมเจรจาการค้าในงานแสดงสินค้าและเวทีการออกแบบชั้นนำระดับโลก เช่น งานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair 2024 ระหว่างวันที่ 21 - 25 กุมภาพันธ์ 2567 งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 ระหว่างวันที่ 20 - 24 มีนาคม 2567 การเข้าร่วมงาน Milan Design Week ระหว่างวันที่ 13 - 18 เมษายน 2567 การเข้าร่วม Showroom ณ นครเซี่ยงไฮ้ ช่วงเดือนเมษายน 2567 การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า MAISON & OBJET ณ กรุงปารีส 2024 และเจรจาการค้าผ่านแพลตฟอร์ม m.o.m. ช่วงเดือนกันยายน 2567 อีกด้วย

 

เรียกได้ว่าโครงการนี้สะท้อนถึงความสามารถของนักออกแบบชาวไทยได้เป็นอย่างดีทั้งศักยภาพในด้านความคิดสร้างสรรค์ แรงผลักดันและการสนับสนุนเพื่อยกระดับสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับและตอบสนองความต้องการของตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ DITP ที่ผลักดันเหล่านักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีใจรักในการออกแบบได้ก้าวเดินในเส้นทางแวดวงของแฟชั่นสู่ความสำเร็จระดับโลก ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.ditp.go.th หรือช่องทาง Facebook page : Talent Thai & Designers’ Room

WATCH