FASHION

ส่องวิธีจัดการกับกระเป๋าหนังที่ขึ้นราให้ใช้งานต่อได้ ไม่ต้องทิ้ง

เจาะสาเหตุทำไมกระเป๋าหนังแท้ถึงขึ้นราได้ และจะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไร?

เรื่อง: วราภรณ์ หงส์วรางกูร

 

     บางคนอาจดูแล “กระเป๋าหนัง” แค่ให้สะอาด หนังเงา ไม่มีรอยขีดข่วน แต่นั่นอาจยังไม่พอเพราะกระเป๋าหนังนั้นสามารถขึ้นราได้ด้วย และถ้าเมื่อไหร่ที่กระเป๋าต้องเผชิญกับปัญหา "เชื้อรา" เชื่อว่าคงทำให้หลายคนต้องโบกมือลากระเป๋าใบโปรดไปเสียแล้ว ทว่าปัญหานี้ยังแก้ไขได้ บทความนี้โว้กมีวิธีจัดการกับกระเป๋าหนังที่ขึ้นราอย่างถูกต้องมาฝากกัน กระเป๋าใบเดิมจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งโดยไม่ต้องทิ้ง

 

 

สาเหตุที่ทำให้กระเป๋าหนังขึ้นรา

     โดยทั่วไปแล้วสาเหตุหลักที่ทำให้กระเป๋าหนังขึ้นราคือความชื้น หรือการเก็บในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา เช่น ที่อับชื้น ตู้เสื้อผ้าที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือการปล่อยให้กระเป๋าสัมผัสสิ่งสกปรกโดยไม่ได้รับการทำความสะอาด แม้แต่เหงื่อที่ติดอยู่บนกระเป๋าก็เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อรา เมื่อรู้สาเหตุแล้วต่อไปควรเก็บรักษากระเป๋าหนังให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีกในอนาคต 

 

วิธีสังเกตเชื้อราบนกระเป๋าหนัง

     เชื้อราที่ขึ้นบนกระเป๋าหนังจะมีลักษณะอย่างไรขึ้นอยู่กับประเภทของเชื้อราและระยะเวลาที่มันเติบโต โดยทั่วไปแล้วเชื้อราบนกระเป๋าหนังจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีขาว สีเทา หรือสีเขียว บางครั้งอาจมีสีดำหรือสีเหลือง ลักษณะผิวสัมผัสอาจเป็นฝุ่นแป้งๆ หรือนุ่มฟูเหมือนกำมะหยี่ ยิ่งถ้าปล่อยไว้นานเชื้อราอาจรวมตัวกันเป็นแผ่นและทำให้หนังเสียหายได้ นอกจากนี้เชื้อราที่ขึ้นบนหนังยังมักมีกลิ่นอับเฉพาะตัว ซึ่งหากใครพบสัญญาณเหล่านี้ที่กระเป๋าหนัง แนะนำให้ใช้วิธีแก้ดังต่อไปนี้

 

 

แยกกระเป๋าที่ขึ้นราออกทันที

     หากพบว่ากระเป๋ามีเชื้อรา ควรรีบแยกจัดเก็บกับกระเป๋าและสิ่งของอื่นๆ ทันที เพราะสปอร์ของเชื้อราแพร่กระจายได้เร็ว อาจลามไปยังกระเป๋าใบอื่น เสื้อผ้า หรือของใช้ที่อยู่ใกล้เคียงได้ และถ้ายิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งแก้ไขได้ยาก ดังนั้นควรนำกระเป๋าที่ขึ้นราไปไว้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อรา

 

เช็ดทำความสะอาดรอบแรก

     เริ่มจากการปัดฝุ่นราออกก่อน ให้ใช้แปรงขนนุ่ม หรือผ้าค่อยๆ ปัดฝุ่นและคราบราออกจากกระเป๋าอย่างเบามือ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นผสมสบู่เด็ก บิดให้หมาด แล้วเช็ดบริเวณที่มีเชื้อราเบาๆ เช็ดซ้ำหลายครั้งจนคราบราจางลง จากนั้นใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดให้แห้งสนิท และเช็ดให้ทั่วถึงเพื่อป้องกันความชื้นตกค้าง

 

ฆ่าเชื้อรา

     หลังจากเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว ต้องฆ่าเชื้อราให้เกลี้ยง โดยให้ใช้ ‘แอลกอฮอล์ 70%’ ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดบริเวณที่ขึ้นราอย่างเบามือ หรืออีกวิธีคือใช้ ‘น้ำส้มสายชู’ ก็ได้ โดยผสมกับน้ำในอัตราเดียวกัน แล้วใช้สำลีเช็ดบริเวณที่มีเชื้อรา ส่วนใครที่อยากให้กระเป๋าแห้งเร็วขึ้น สุดท้ายโรยด้วย ‘เบกกิ้งโซดา’ ทิ้งไว้สักพักเพื่อดูดความชื้น แล้วใช้แปรงปัดออกให้หมด

 

ตากแดดอ่อนๆ หรือใช้พัดลมเป่าให้แห้ง

     หลังจากทำขั้นตอนข้างต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรทำให้กระเป๋าแห้งสนิทด้วยการนำไปตากแดดอ่อนในที่อากาศถ่ายเทดี ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดแรงๆ เพราะอาจทำให้หนังของกระเป๋าแห้งและแตกได้ และถ้ากังวลว่าแดดจะทำสีกระเป๋าซีดก็สามารถใช้พัดลมเป่าแทน

 

บำรุงรักษากระเป๋าหนัง

     เมื่อกระเป๋าหนังแห้งสนิทแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการบำรุงรักษาให้กระเป๋าหนังกลับมาสวยเงางามดังเดิม ด้วยการใช้ ‘ครีมหรือบาล์มทาเครื่องหนัง’ ลงบนกระเป๋าอย่างเบามือ และทาให้ทั่วถึง เน้นบริเวณที่หนังมีความแห้งกร้าน หรือมีรอยแตก แล้วปล่อยทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยเช็ดส่วนเกินออก และควรทำซ้ำเป็นประจำเพื่อให้กระเป๋าหนังคงสภาพดีอยู่เสมอ

 



WATCH




WATCH