Vogue Thailand หยิ่น วอร์
CELEBRITY

จับเข่าคุยกับ 'หยิ่น-วอร์' กับการเติบโตในวงการบันเทิง และอนาคตของทั้งคู่ต่อจากนี้

#VogueThailandOctober2024 2 นักแสดงดูโอจากซีรีส์เรื่องดัง 'หยิ่น-อานันท์ ว่อง' และ 'วอร์-วนรัตน์ รัศมีรัตน์' มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับซีรีส์เรื่องใหม่รวมถึงก้าวใหม่ในวงการบันเทิงกับการเป็นผู้จัดซึ่งถือเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นของพวกเขา #VogueTHxYinWar

2 นักแสดงดูโอจากซีรีส์เรื่องดัง หยิ่น-อานันท์ ว่อง และ วอร์-วนรัตน์ รัศมีรัตน์ มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับซีรีส์เรื่องใหม่รวมถึงก้าวใหม่ในวงการบันเทิงกับการเป็นผู้จัดซึ่งถือเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นของพวกเขา

     Vogue: อยากให้เล่าถึงการทำงานในวงการบันเทิงกับความสำเร็จที่ได้มาอย่างรวดเร็วของซีรีส์เรื่องแรก En of Love รักวุ่นๆ ของหนุ่มวิศวะ--กลรักรุ่นพี่ ซึ่งทั้งสองคนเล่นคู่กันและออกอากาศไปเพียงแค่ 3 ตอนก็ดังติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทันที 

     Yin: สำหรับผม ผมงงครับ เพราะว่าผมไม่เคยทำงานในวงการมาก่อนเลย กลุ่มเราที่ทำซีรีส์กันมาคือเป็นอินฟลูเอนเซอร์เสียส่วนใหญ่ เราทำรีวิวเพื่อให้ได้เงินมาเป็นต้นทุน พอถึงจุดหนึ่งทีมของเราก็อยากจะลองทำซีรีส์ พอทำกันเอง ต้นทุนเราน้อย ก็เลยได้มาประมาณ 3 ตอน ตอนละครึ่งชั่วโมง และต้องเฉลี่ยๆ แบ่งบทกันไปให้คู่อื่นด้วย พอผลลัพธ์ออกมาผมงงมากครับ เพราะตอนนั้นเป้าหมายของพวกเราเพียงแค่ให้ออกอากาศไปแล้วหวังยอดติดตามเพิ่มขึ้นแค่นั้นเอง แค่คิดว่าได้ยอดฟอลโลว์ 100K เราอาจจะได้ค่ารีวิวมากขึ้น แต่กลายเป็นว่าเกินความคาดหมายไปมากๆ ตอนนั้นผมแอบเสียดายนะที่มีแค่ 3 ตอน ถ้าเรามีถึง 10 ตอนอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ผมก็ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาอะไร ผมรู้สึกว่าทำให้ชีวิตผมได้พบเจอโอกาสจนมามีวันนี้ 

     War: คือตอนแรกเราก็ยังไม่รู้ตัวครับ เราทำซีรีส์ไปแต่ยังไม่ได้รู้สึกว่ามีคนชอบ สรุปว่าอ้าว...มีคนชอบเหรอ ผมรู้แค่นี้ แล้วก็เริ่มมีคนรู้จักผมมากขึ้น มีงานติดต่อเข้ามา เริ่มมีคนพูดถึง เริ่มมีแท็กซีนต่างๆ มาในไอจี จริงๆ ซีรีส์เรื่องนี้มีกระแสมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่พอมาถึงคู่เราก็บูมเลย ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ตอนนั้นเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทวิตเตอร์เล่นอย่างไร ติดเทรนด์อันดับหนึ่งคือเขาทำกันอย่างไร (หัวเราะ) ก็เลยทำให้เราเริ่มมีแพลตฟอร์มไว้คุยกับแฟนๆ เข้าไปดู เข้าไปติดตามว่าเขาพูดถึงซีรีส์เรากันว่าอย่างไร ผมรู้สึกว่ามันพลิกไปเลยครับ ความรู้สึกที่มีคนมาให้ความสนใจเราขนาดนี้ 

     V: ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว เห็นว่าได้ไปจัดแฟนมีตติ้งครั้งแรกที่ต่างประเทศด้วย    

     Y: ตื่นเต้นมากครับ เพราะพวกเรามาในยุคโควิดพอดี ปกติพวกเราไม่ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ อยู่แล้ว พอได้ไปเราก็ตื่นเต้น หนึ่งเลยคือเป็นประเทศที่เราไม่เคยไป ซึ่งส่วนตัวผมเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว ตอนนั้นที่ไปจัดแฟนมีตติ้งมีไปหลายที่เลย เวียดนาม กัมพูชา ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง มาเก๊า ไปหลายที่มากครับจำไม่ได้ (หัวเราะ) แฟนๆ แต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ที่ผมจำได้แม่นเลยคือเวียดนาม คนจะจอยเหมือนบ้านเรา ทุกคนเต้นกันสุดเหวี่ยงแบบไม่ต้องกลัวเสียลุค ส่วนญี่ปุ่นจะออกแนวตั้งใจดูโชว์ ทำให้เราได้เห็นว่าแต่ละที่บนโลกนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 

     W: ประเทศแรกน่าจะเป็นเวียดนามครับ คือพวกเราพูดกันหลายครั้งมากว่าเราอยากไปแฟนมีตติ้ง ไปหาแฟนๆ ที่ติดตามซีรีส์เราที่อยู่ต่างประเทศด้วย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด เราแทบจะไปเจอแฟนๆ ของเราไม่ได้เลย แม้กระทั่งแฟนคลับชาวไทย เพราะช่วงนั้นมีมาตรการเยอะ พอเปิดประเทศ ออกงานได้ เราก็พูดกันหลายครั้งว่าอยากจะไปขอบคุณแฟนๆ ที่ไม่ได้อยู่แค่ในไทย อยากไปเจอพวกเขาและอยากขอบคุณพวกเขา เวียดนามเป็นประเทศแรกที่ติดต่อมา เราตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เราได้ออกไปทำงานต่างประเทศ ผมจำได้ว่าผมเตรียมเพลงภาษาเวียดนามไปร้องด้วย ภาษาเวียดนามเป็นภาษาที่ออกเสียงยากมากครับ เราเตรียมเพลงไทยไปแต่กลัวว่าพวกเขาจะไม่สนุก ปรากฏว่าพวกเขาร้องตามกันได้หมดเลย เราเตรียมเพลงเวียดนามไว้หนึ่งเพลงเพื่อไปเซอร์ไพรส์แฟนคลับ แล้วบังเอิญตอนเพลงขึ้น จอมอนิเตอร์บนเวทีขึ้นว่า Error ปิดทับตรงเนื้อร้องที่เราจะร้องพอดี (หัวเราะ) ผมเลยร้องคำเท่าที่ผมจำได้ ซึ่งตอนที่เป็นเพลงไทยพวกเขาร้องตามกันได้หมดเลยนะ แต่พอเป็นเพลงเวียดนามพวกเขาเงียบ (หัวเราะ) เงียบแบบร้องอะไรของคุณเนี่ย คือสรุปเขาฟังไม่รู้เรื่อง แต่สนุกมากๆ ครับ หลังจากนั้นก็มีโปรเจกต์อะไรต่างๆ มากมาย แฟนๆ ให้การต้อนรับอย่างดี ทำให้เราได้รู้ว่าพวกเขาซัปพอร์ตเรา แม้จะอยู่ไกลกันแต่พวกเขาก็ซัปพอร์ตเราเต็มที่มาก



WATCH




1 / 4



2 / 4



3 / 4



4 / 4



     V: อยากให้พูดถึงซีรีส์เรื่องล่าสุด Jack & Joker U Steal My Heart ทำไมต้องเป็นเธอทุกที แต่ละคนรับบทอะไรบ้าง

     Y: ผมรับบทเป็นแจ๊คครับ มีอาชีพเป็นนักทวงหนี้ จริงๆ ตัวแจ๊คไม่ได้อยากเป็นนักทวงหนี้ แต่ตัวเองติดหนี้และเหมือนเรามีฝีมือในการต่อสู้ คือแจ๊คอยากเรียนเทควันโดแต่ไม่มีเงินเรียน แต่ได้ความเอ็นดูจากโค้ชทำให้แจ๊คได้เรียน ความฝันของแจ๊คคืออยากติดทีมชาติเพื่อที่จะได้ช่วยที่บ้านได้ แต่กลับกลายเป็นว่าในเนื้อเรื่องมันบอกเล่าถึงการมีเส้นสาย มีลูกคนรวยติดทีมชาติแต่เราไม่ติด ก็จะสะท้อนสังคมในส่วนนี้ด้วย สุดท้ายเป็นหนี้ก็เลยต้องไปทำงานด้านมืดแทน 

     W: เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการโจรกรรม ผมได้รับบทเป็นโจ๊กเกอร์ นักต้มตุ๋นที่ไม่ได้ขโมยของเพื่อตัวเอง แต่เรามองว่าสังคมมันเอื้อประโยชน์ให้คนรวย ซึ่งคนรวยบางคนใช้ประโยชน์จากความรวยเอาเปรียบคนอื่น ในบทคือพ่อแม่คาดหวังกับโจ๊กเกอร์ อยากให้ลูกมีการมีงานทำ พอทะเลาะกับที่บ้านและอยากพิสูจน์ตัวเองก็เลยไปปล้นคนรวยที่นิสัยไม่ดีแล้วเอามาช่วยคนจนประมาณโรบินฮู้ด ในบทเราไม่ได้เก่งเรื่องบู๊แต่เราจะใช้ทักษะไหวพริบในการปลอมตัว พูดจาหว่านล้อมมากกว่า

สามารถตามไปชมแฟชั่นเซ็ตเต็ม และบทสัมภาษณ์เจาะลึกของทั้งสองคนได้ในโว้กประเทศไทย ฉบับเดือนตุลาคม 2024 วางแผงแล้ววันนี้ทั่วประเทศ!

WATCH