Bright Burberry Daniel Lee Vogue Thailand
CELEBRITY

ล้วงลึกตัวตน 'ไบร์ท-วชิรวิชญ์' กับครั้งที่สองบนปกโว้ก พร้อมกับ Daniel Lee หัวเรือใหญ่แห่ง Burberry

“การเป็นนักแสดงที่ดีคือการเคารพตัวละครที่ตัวเองแสดง เข้าใจตัวละคร และฟังตัวละครมากกว่าฟังตัวเอง” ไบร์ท วชิรวิชญ์ บอกกับโว้กเอาไว้แบบนั้น #VogueThailandAugust2024 #VogueTHxBright

     Burberry ภายใต้การนำของ Daniel Lee สะท้อนภาพอดีตอย่างลึกล้ำพร้อมกับฉายภาพสู่อนาคต แดเนียลควงคู่ Karen Elson ซูเปอร์โมเดลชาวอังกฤษ และไบร์ท วชิรวิชญ์ นักแสดงชาวไทย มาร่วมถ่ายภาพที่บันทึกแก่นแท้ของเบอร์เบอร์รี่ยุคใหม่ อย่างศิลปินฝีมือชั้นครูกับมิวส์ของเขา

     แดเนียล ลีเกิดและโตที่เมืองแบรดฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เมื่อเขามาร่วมงานกับเบอร์เบอร์รี่นับเป็นการคืนสู่เหย้าอย่างแท้จริง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่สร้างสรรค์ (Chief Creative Office) ที่เข้ามาจุดประกายให้แบรนด์มรดกของอังกฤษ แดเนียลแสดงความคารวะโลกที่เขาเติบโตมา “ผมได้แรงบันดาลใจจากสไตล์และวัฒนธรรมที่หลากหลายของเรา ตั้งแต่ฉลองพระองค์และเครื่องแต่งกายแบบพิธีการ ไปจนถึงรหัสที่เคร่งครัดในวัฒนธรรมย่อยของหนุ่มสาวนักท่องราตรี ฟุตบอล และแกลเลอรี” แดเนียลอธิบายให้เราฟัง “สิ่งสำคัญสำหรับผมคือเบอร์เบอร์รี่ต้องเข้าถึงได้ ก้าวไปข้างหน้า และเป็นอะไรที่ทุกคนเข้าใจได้” คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2024 ของเขาจับแก่นแท้ของความรู้สึกนี้ได้ดีที่สุด โดยบอกเล่าเรื่องราวตัวตนของเบอร์เบอร์รี่ในอดีตและปัจจุบัน และเสนอความเป็นอังกฤษที่เปี่ยมแรงบันดาลใจยิ่งกว่าที่เคย

 

     Vogue: แรงบันดาลใจในการทำคอลเล็กชั่นของคุณคืออะไร และมีธีมหรือแม่ลายใดบ้างหรือไม่ที่คุณรู้สึกว่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ

     Daniel: คอลเล็กชั่นต่างๆ สร้างขึ้นจากไอเดียความเป็นอังกฤษสมัยใหม่ ลอนดอนเป็นเมืองที่มีความหลากหลายที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ความมีไหวพริบและอารมณ์ขันทำให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เราใช้แม่ลายที่คุ้นเคย ให้ความรู้สึกเบิกบานและมองโลกในแง่ดี ตรงนี้คือสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับการใช้งานได้จริงซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากของมรดกเบอร์เบอร์รี่ เทรนช์โค้ตนั้นให้การปกป้องและทำมาเพื่อให้ใช้งานได้ดีในทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้เรายังใช้ไอคอนอื่นๆ ของเบอร์เบอร์รี่กับคอลเล็กชั่นนี้ด้วย อย่างเช่นอัศวินบนหลังม้า (Equestrian Knight Design: EKD) ซึ่งเป็นโลโก้เก่าแก่มีมาตั้งแต่ประมาณปี 1901 และตอนนี้มาในสีน้ำเงินอัศวิน (Knight Blue) ส่วนลายตารางเบอร์เบอร์รี่ (Burberry check) ก็แน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งของมรดกแบรนด์เรา แต่ปรับให้เข้ากันได้กับคนใส่สมัยใหม่ โดยเราปรับสีให้สดใสขึ้นและบิดปรับลายตารางไปจากเดิม

     V: มีเทรนด์เกิดใหม่เทรนด์ใดในวงการที่คุณมองว่าน่าตื่นเต้นที่สุด และคุณมีแผนจะนำเทรนด์เหล่านี้มารวมไว้ในคอลเล็กชั่นต่อๆ ไปของเบอร์เบอร์รี่อย่างไร

     D: ผมไม่แน่ใจแล้วนะว่าเทรนด์เป็นอะไรที่เข้าสมัย สิ่งที่ต้องมีคืออัตลักษณ์ที่เห็นก็รู้ว่าเป็นแบรนด์อะไร และพัฒนาต่อยอดจากตรงนั้น แทนที่การทำลุคประจำซีซั่น อย่างแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็รู้สึกจะทำตามแนวของตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจมากมายว่าคนอื่นทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี การผลิตเนื้อผ้า หรือซิลูเอต

     V: ไอคอนในวงการของคุณมีใครบ้าง และทำไมเขาเหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ

     D: ผมมารู้จัก John Galliano, Alexander McQueen และ Vivienne Westwood ครั้งแรกตอนผมเป็นวัยรุ่น และตรงนี้ก็มีส่วนทำให้ผมไปเรียนที่ Central Saint Martins ระหว่างเรียนที่นั่นผมได้ไปฝึกงานกับ Martin Margiela ได้เห็นแนวทางของเขาที่เป็นการคิดพิจารณาอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นผมไปทำงานที่ Balenciaga ได้เป็นลูกน้อง Nicolas Ghesquière ได้เห็นแฟชั่น ดีไซน์และไอเดียที่ไร้ขอบเขต สร้างแรงบันดาลใจให้ผมอย่างมาก ผมโตมาก็ได้เห็นเบอร์เบอร์รี่ในยุคของ Christopher Bailey) ผมเคารพสิ่งที่เขาทำมาก เขานำความเป็นคอมมิวนิตีที่ต้อนรับทุกคนมาให้กับที่นี่

     V: วันทำงานตามปกติของคุณในฐานะประธานเจ้าหน้าที่สร้างสรรค์ของเบอร์เบอร์รี่เป็นอย่างไร

     D: วันทำงานตามปกติน่ะไม่มีหรอก ซึ่งก็ดีนะ แผนที่เราวางไว้สามารถเปลี่ยนได้หมด แล้วแต่ว่าเราต้องการทำอะไรให้สำเร็จ ผมว่าผมทำงานหนักนะ ทีมงานของผมก็เหมือนกัน และทุกสิ่งที่ผมทำก็ย้อนกลับมาหล่อเลี้ยงงานของผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมโชคดีที่ยังได้ทำงานกับคนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยทำงานใหม่ๆ และสมัยมหาวิทยาลัย

     V: งานอดิเรกนอกเวลางานของคุณมีอะไรบ้าง เวลาว่างคุณทำอะไร

     D: ตอนนี้ผมกำลังอินกับการบำรุงผิวแล้วก็ดูแลตัวเอง ผมเข้ายิมเพื่อจะหลบมุมไปปิดสวิตช์หน่อย แล้วก็พยายามไปดูการแสดงที่ Sadler’s Wells หรือไม่ก็ไปดูคอนเสิร์ตสดให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลอนดอนมีแกลเลอรีเยอะแยะไปหมด ตั้งแต่แกลเลอรีใหญ่ที่อยู่มานานอย่าง Tate ไปจนถึงแกลเลอรีเล็กๆ เปิดใหม่ ผมก็พยายามไปดูนิทรรศการเท่าที่จะไปไหว

     V: คุณมีส่วนร่วมมากแค่ไหนในการเลือกคนที่เป็นตัวแทนวิสัยทัศน์ใหม่ที่คุณวางไว้สำหรับแบรนด์เบอร์เบอร์รี่และไบร์ทกับคาเรนสื่อถึงจิตวิญญาณของเบอร์เบอร์รี่อย่างไร

     D: ผมมีส่วนเต็มที่เลยในการเลือกคนมาเป็นตัวแทนของเบอร์เบอร์รี่ซึ่งก็ไม่ได้เลือกจากชื่อเสียงอย่างเดียว แต่ดูจากสายสัมพันธ์และการทำงานร่วมกันจริงๆ เราเลือกใครมาเป็นตัวแทนของเราในแฟชั่นโชว์และแคมเปญต่างๆ ก็เพราะเราถูกใจตัวตนของเขาและเขาเป็นภาพสะท้อนของคอมมิวนิตีที่เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น คาเรนสื่อถึงจิตวิญญาณของเบอร์เบอร์รี่อย่างแท้จริง เพราะเธอเป็นคนอบอุ่น เฉลียวฉลาด แล้วก็ตลก ส่วนไบร์ทก็เป็นนักแสดงมีฝีมือ และเป็นคนที่ทำงานหนักสุดๆ เขามั่นใจแล้วก็มีเสน่ห์มากโดยธรรมชาติ

     V: ชิ้นโปรดของคุณในคอลเล็กชั่น Winter 2024 คือชิ้นไหน เพราะอะไร

     D: ไอเดียของคอลเล็กชั่นคือต้องนำโลกภายนอกเข้ามาข้างใน เราจึงจัดโชว์ในเต็นท์ที่สวนวิกตอเรีย ย่านอีสต์ลอนดอน ทุกลุคสื่อถึงความรู้สึกอบอุ่น ได้รับการปกป้องจากลมฟ้าอากาศ และลุคสุดท้ายก็ทำให้คอนเซปต์นั้นครบสมบูรณ์นะผมว่า Maya Wigram (นางแบบ ลูกสาวของ Phoebe Philo) ใส่เทรนช์โค้ตหนัง เสื้อจัมเปอร์อุ่นๆ คิลต์ยาว แล้วก็บู๊ตยาวสำหรับขี่ม้า ทุกลุคมีความรู้สึกของการผจญภัยแฝงอยู่ ใช้งานได้จริง แต่ก็มีความเด็กและความมั่นใจ



WATCH




     ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี

     “การเป็นนักแสดงที่ดีคือการเคารพตัวละครที่ตัวเองแสดง เข้าใจตัวละคร และฟังตัวละครมากกว่าฟังตัวเอง” ไบร์ท วชิรวิชญ์กล่าว และนี่ก็คือปรัชญาที่นำให้หนุ่มไทยสุดหล่อคนนี้พุ่งทะยานในวงการบันเทิงนับตั้งแต่ได้บทแจ้งเกิดในซีรีส์ เพราะเราคู่กัน 2gether The Series มาจนถึงบทบาทล่าสุดใน เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน (Love You To Debt) และการเดินทางของเขาก็แสดงให้เห็นสายใยลึกซึ้งที่เขามีต่อตัวละครทุกตัวที่ตนเองเป็นผู้ให้ชีวิต

     ด้วยเสน่ห์ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ บวกกับจริยธรรมที่มั่นคงในการทำงาน ทำให้ไบร์ทไปสะดุดตาเบอร์เบอร์รี่หลังเปิดตัวในวงการได้ไม่นาน หลังจากได้รับตำแหน่งแบรนด์แอมแบสซาเดอร์ เขาไปร่วมงาน Met Gala เป็นครั้งแรกในชุดที่ออกแบบโดยแดเนียล ลี ทั้งยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักแสดงไทยคนแรกที่ได้ไปร่วมงานนี้ และไม่ว่าจะอยู่ในกองถ่ายหรือบนพรมแดง ไบร์ทก็ฉายแสงเจิดจ้าสมเป็นดาราอย่างแท้จริง

     Vogue: คุณรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Love You To Debt ช่วยเล่าพลอตเรื่องและตัวละครที่คุณแสดงให้ฟังหน่อย และทำไมคุณจึงยอมรับเล่นบทนี้

     Bright: ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ชายที่อยู่พัทยาคนหนึ่งที่รับงานทวงหนี้ จนได้เจอใครคนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีกว่าเดิม ผมยอมรับบทนี้เพราะฉากของเรื่องคือพัทยา ผมคิดว่ามันน่าสนใจแล้วก็ท้าทายดีที่จะได้เคี่ยวตัวเองให้หนักกว่าเดิมในฐานะนักแสดง อีกอย่างตัวละครตัวนี้ก็มีเสน่ห์สำหรับผมด้วย ผมว่าลึกๆ ข้างในเขาเป็นคนจิตใจดี

     V: มีตัวละครตัวไหนที่คุณเคยรับบท แล้วสอนให้คุณรู้เรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับตัวเองหรือชีวิตโดยทั่วไป

     B: เรื่อง Love You To Debt ก็เป็นตัวอย่างที่ดีครับ มันทำให้เห็นว่าเราจะตัดสินใครจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ ไม่ว่าเส้นทางของเขาจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้แปลว่าเส้นทางนั้นจะเป็นภาพสะท้อนตัวตนจริงๆ ของเขา ทุกคนมีด้าน “ดำและขาว” ในชีวิตด้วยกันทั้งนั้นครับ

     V: คุณได้แสดงให้เห็นความรักในงานเพลงควบคู่ไปกับอาชีพนักแสดง การทำตามแพชชั่นทั้งสองอย่างนี้เป็นอย่างไร

     B: ทั้งงานเพลงและงานแสดงของผมต่างต้องใช้เวลา ซึ่งก็แปลว่าผมต้องบาลานซ์ตัวเองกับตารางงาน เพื่อที่จะทำให้ได้ทั้งสองอย่าง ผมว่ามันน่าสนใจ แล้วก็เป็นเรื่องดีที่ได้เข้ามาอยู่ทั้งสองวงการ เพราะมันทำให้ผมได้มุมมองและทักษะที่ต่างกัน ช่วยให้ผมได้พัฒนาตัวเอง งานเพลงกับการแสดงมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันอยู่ แพชชั่นของผมก็ส่งอิทธิพลต่อกันและกัน แล้วก็จะโตไปด้วยกันกับผม

     V: ความท้าทายยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณเคยพบมาตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงวันนี้คืออะไร และคุณเอาชนะมันได้อย่างไร

     B: ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผมคือเวลาที่ผมต้องทำอะไรทั้งที่ตัวเองไม่อยากทำอะไรเลย ทุกวันมีเรื่องให้รับผิดชอบเต็มไปหมด แต่ร่างกายจิตใจผมไม่ได้มีพลังเต็มเปี่ยมทุกวัน งานของผมต้องใช้พลังเยอะมาก มันท้าทายมาก แต่ผมต้องทำให้ได้

     V: คุณคือแบรนด์แอมแบสซาเดอร์ของเบอร์เบอร์รี่และได้ไปงาน Met Gala กับแบรนด์ การทำงานกับแดเนียล ลีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

     B: แดเนียลเป็นคนที่เจ๋งมากครับ งานของเขาและฐานะของเขาในวงการเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเป็นตัวเองในแบบที่ดีกว่าเดิม พอเห็นเขาทำงานหลังฉากในฐานะ Chief Creative Officer ของเบอร์เบอร์รี่ ผมก็เข้าใจว่าเขารักษามรดกของแบรนด์ไว้ได้อย่างไร เขาอายุยังน้อยมากด้วยครับ เป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจและน่าเคารพมาก

     V: ชิ้นโปรดของคุณในคอลเล็กชั่น Winter 2024 คือชิ้นไหน และเพราะอะไร

     B: ผมชอบลายตารางทุกชิ้นเลยครับ ผมว่าน่าสนใจที่ได้เห็นมรดกของแบรนด์ถูกนำมาจินตนาการใหม่ และนำเสนอบนรันเวย์ในมุมที่สมัยใหม่มาก

     ***สามารถตามไปอ่านบทสัมภาษณ์และแฟชั่นเซ็๖แบบจัดเต็มได้ ในนิตยสารโว้กประเทศไทย ฉบับเดือนสิงหาคม 2024 เตรียมวางแผงทั่วประเทศเร็วๆ นี้***

เรื่อง : วิริยา สังขนิยม
ภาพ : Brianna Capozzi

WATCH