CELEBRITY
หล่อ เสียงดี เดินแบบได้! คุยกับ 'ภูมิ วิภูริศ' หนุ่มที่ฮอตที่สุดในนาทีนี้ #VogueMusicภูมิ วิภูริศ หนุ่มหล่อวัย 21 ปี เสียงดี มีความสามารถ แต่งเพลงเอง เล่นดนตรีได้ แถมยังเดินแบบ ถ่ายแบบได้อีก นี่ถ้าเราไม่แนะนำให้คุณรู้จักก่อนจบปีนี้ เราคงเชยแย่แน่ๆ เลย |
“ผมใช้ยูทูบเป็นตัวช่วยในเรื่องดนตรีครับ ตอนนั้นชอบ Jason Mraz, Maroon 5, Bruno Mars เลยขอแม่ซื้อกีตาร์โปร่งเพื่อมาหัดเล่นผ่านทางยูทูบ เพลงแรกที่หัดคือ Sunday Morning ผมไม่มีโอกาสเรียนอย่างจริงจัง ทุกอย่างที่ผมรู้มาจากการเรียนในยูทูบ เราเอาสกิลจากตรงนั้นมาพัฒนาเองเรื่อยๆ” หนุ่มหล่อยิ้มสวยเริ่มเล่าให้โว้กฟังถึงที่มาของผลงานเพลงที่กำลังเป็นที่พูดถึงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขอสารภาพตรงนี้ว่าเรารู้จักเขาคนนี้จากการแนะนำของบรรณาธิการบริหารของ Vogue Thailand ที่เปิดเพลงของเขาฟังแทบจะทุกวัน ก่อนที่ภูมิเจ้าของความสูงกว่า 180 ซม. จะปรากฏตัวบนรันเวย์ของ Painkiller แบรนด์แฟชั่นไทยชื่อดังในฤดูกาลล่าสุด แน่นอนว่าจนถึงวันนี้ชื่อของภูมิเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลงานเพลงสากลที่เขาทั้งแต่งและเล่นเอง “ผมย้ายไปอยู่นิวซีแลนด์ตอนเรียนประถมไปใช้ชีวิตอยู่ตั้งแต่ 9 ขวบจนถึง 18 ปี ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะทั้งในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ ไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย การเรียนก็ไม่กดดัน เวลาว่างเยอะ จนมีเวลามาทำงานดนตรี จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากเป็นนักดนตรี แต่พอได้มาเรียนคลาสดนตรีตอนอายุ 16 เรารู้สึกว่าเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เราอยากเป็นนักดนตรี”
ด้วยดนตรีฟังสบายๆ กับวิธีการร้องและน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่ยากสำหรับคนฟังที่จะทำความรู้จักกับงานเพลงในอัลบั้ม Manchild ทั้งเก้าเพลงที่มีความพิเศษแตกต่างกันออกไป “ผมชอบดนตรีที่มัน Laid back มีความชิล อาจเป็นไลฟ์สไตล์ของตัวผมเองด้วย ชอบดนตรีที่ฟังสบาย ไม่คิดมาก ผมตั้งชื่ออัลบั้มนี้ว่า Manchild เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านอายุจาก 19-21 ปีของผม จากวัยรุ่นไปเป็นผู้ใหญ่ เป็นเหมือนไดอารีของเราเองเกี่ยวกับการมองโลก มองความรักที่เปลี่ยนและแตกต่างไปจากเดิม มีความเติบโตผ่านผลงานของเราเอง” โดยอัลบั้มแรกของเขาในสังกัด Rats Records ที่ซึ่งเขาได้รับการแนะนำจากรุ่นพี่ ถูกทยอยปล่อยออกมาพร้อมมิวสิกวิดีโอที่น่าสนใจ และเป็นเสมือนพื้นที่ที่ทำให้คนฟังรู้จักเขาในมุมที่หลากหลายขึ้นด้วย “เป็นความตั้งใจของเราด้วยที่อยากจะทำทั้งเพลงและเอ็มวี ผมเองก็ได้เอาความรู้จากการเรียนภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยมหิดลมาใช้ ผมคิดเพลงพร้อมๆ กับวิชวล โชคดีที่ผมได้พี่ๆ มาช่วยทำให้ด้วย อย่างเอ็มวีที่เป็นแอนิเมชั่น Sweet Hurricane กับเพลง Strangers in a Dream”
ด้วยความที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักจากสื่อออนไลน์มาก่อน การไต่ขึ้นชาร์ตความสำเร็จจนเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวันนี้จึงมาพร้อมการปะหน้าว่าเขาคือศิลปินอินดี้ที่กำลังเป็นที่จับตามอง แต่ภูมิกลับสารภาพกับเราว่าเขาก็มีช่วงเวลาที่ลังเลกับงานที่ทำเหมือนกัน “ช่วงแรกกังวลมากว่าการทำเพลงสากลในเมืองไทยจะมีใครสนใจฟังเราไหม แต่ในที่สุดก็มีซิงเกิลแรกออกมาจนกลายเป็นอัลบั้มนี้ทั้งหมด 9 เพลง ผมไม่ได้มองว่าคนฟังต้องเป็นแค่คนไทยหรือต่างชาติ แต่ตั้งใจทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ โชคดีที่งานของเรามีโอกาสออกไปสู่กลุ่มคนฟังที่กว้างกว่าที่คิดไว้ ผมมองว่าอินดี้มันไม่ใช่แค่แนวเพลง แต่มันคือตัวตนเราเองด้วยทั้งในเรื่องของไลฟ์สไตล์และการทำงาน ที่หมายถึงทำกันเองโดยมีขั้นตอนที่เกิดจากความคิดของเรา ทำให้เราสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนได้ คอมมิวนิตี้ของอินดี้เป็นอะไรที่น่าหลงใหล เงินตอบแทนอาจจะไม่เยอะ แต่สิ่งที่เราได้เจอมันน่าประทับใจมาก มันมีช่วงเวลาที่เรากังวลว่าเรามีตัวตนในวงการเพลงไหม คนจะรู้จักเราหรือเปล่า เราพยายามกลับมาอยู่กับตัวเอง ถามตัวเองว่าทำไมเราถึงอยากทำงานเพลง เราทำเพราะเราอยากดังหรือเราทำเพราะอยากจะแค่สื่อสารกับคนฟังจริงๆ แล้วเราก็พบว่าแค่ได้ทำเพลงที่มีคนฟัง แค่นั้นเราก็แฮปปี้แล้ว” นักดนตรีแนว Alternative Folk บอก
“เทคโนโลยีมันมีส่วนช่วยให้เราทำงานเพลงได้ง่ายขึ้น มีช่องทางให้เราได้เผยแพร่งาน ข้อเสียก็คือมันมีผลงานออกมาเยอะมากๆ จนคนฟังเองแยกไม่ออกหรือตามไม่ทันกับผลงานเพลงใหม่ๆ เหล่านั้น ผมมองว่ามันเป็นการแข่งขันที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วถ้าคอนเทนต์ดีจริงก็จะมีคนเข้าไปเสพมันเอง” นักศึกษาเอกภาพยนตร์จากรั้วมหิดลเล่า เขาทิ้งท้ายด้วยแง่คิดไว้ว่า “ผมเชื่อในเรื่องโชคดี ผมเองก็มีความฝันเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไปที่รักดนตรีและอยากเป็นศิลปิน โอกาสคือสิ่งที่คุณต้องคว้ามันให้ได้ ซึ่งนั่นรวมถึงการมีรสนิยมส่วนตัวในการทำงานที่ต้องมาจากความจริงใจ ความที่เราอยากจะให้ อยากจะสื่อสาร และอยากถ่ายทอดออกไปสู่คนอื่น แล้วท้ายที่สุดเราก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้”
ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช / สไตลิสต์: มานิตย์ มณีพันธกุล / เสื้อผ้า: Painkiller
WATCH
WATCH