CELEBRITY

Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ หนังเรื่องที่ 9 ของเป็นเอก รัตนเรือง

แก่แล้ว ทำอะไรก็ได้ - ปรัชญาในวัย 55 ณ ขณะทำหนังเรื่องที่ 9 ของเป็นเอก รัตนเรือง

“แก่แล้ว ทำอะไรก็ได้” ปรัชญาในวัย 55 ณ ขณะทำหนังเรื่องที่ 9 ของเป็นเอก รัตนเรือง ผู้ซึ่งกำกับได้แต่ภาพยนตร์และสำคัญตัวเองถูกว่าเป็นผู้สร้างคนเจเนอเรชั่นหนึ่งแก่สังคมไทย 

 

“ทำไมโว้กถึงอยากคุยกับเรา” เป็นเอกชิงถามก่อน “พี่ได้อ่านโว้กบ้างไหม” เราตอบด้วยคำถาม เขาตอบว่าเห็นโว้ก แต่ไม่เคยอ่านโว้ก “ก็ไม่ได้เป็นคนแต่งตัวแย่ แต่ก็ไม่ได้อินเทรนด์ขนาดนั้น” ผู้ชายที่ใส่สเวตเชิ้ตสีดำ กางเกงเดนิมสีดำ กับแว่นเลนส์สีชาแล้วยังดูดีเป็นบ้าบอก ปี 2560 ครบ 20 ปีการเป็นคนทำหนังของเป็นเอก รัตนเรือง ผู้กำกับโฆษณาที่ทำหนังสไตลิชสวิงสวายเรื่อง ฝัน บ้า คาราโอเกะ ในปีที่ IMF กอดคอกับเศรษฐกิจไทย หลังจากนั้นเขาเลิกยาเสพติดที่ชื่อภาพยนตร์ไม่ได้อีกเลย จนเลยเถิดมาถึง Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ หนังเรื่องที่ 9 (หรือ 10 ถ้านับ แรงดึงดูด ภาพยนตร์ที่ฉายทางทรูวิชั่นส์)

 

แต่ก่อนเราทำหนังกับไฟว์สตาร์มาตลอด เราพร้อมเมื่อไรเขาก็ให้เงินมาทำ ข้อแม้มีแค่ 2 ข้อ 1. อย่าทำเกินบัดเจ็ต 2. มีดาราคนหนึ่งให้โปรโมตได้เวลาหนังเข้าโรง ตั้งแต่ ฝัน บ้า คาราโอเกะ จนถึง นางไม้ หนัง 7 เรื่องที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ พอมา ฝนตกขึ้นฟ้า ไม่ได้ทำกับไฟว์สตาร์แล้ว เสี่ยเจริญ (เจริญ เอี่ยมพึ่งพร ผู้บริหารไฟว์สตาร์) แกเสียไปเรียบร้อย หลานๆแกก็โล่งอก ไม่ต้องทำหนังกับพี่ต้อมแล้ว เพราะว่าอาคือคนที่รักเรา ‘ถ้าเป็นเอกอยากทำอะไรก็ต้องทำให้มันนะ’ ช่วงหลังค่ายสนับสนุนเราไม่ได้ขนาดนั้นแล้ว เพราะตลาดดีวีดีหายไป เคยขายแผ่นได้ 5 ล้าน 7 ล้าน แต่ตอนนี้ตลาดดีวีดีเป็นศูนย์ คนสตรีมดูหนังกันหมด Samui Song คือชีวิตจริงละ ต้องหาเงินเองเป็นปีๆ พอใกล้จะเปิดกล้อง เราถอนตัวจากนายทุน บอกนักแสดงและทีมงานทุกคนว่าขอเวลาหาเงิน 2 อาทิตย์ ถ้าหาไม่ได้เราจะถอดปลั๊ก ก็คือไม่ถ่าย ไม่ทำ เลิก”

 

 

 

ก่อน Samui Song และก่อน ฝนตกขึ้นฟ้า เป็นเอกขอวางมือจากหนัง 5 ปีหรืออาจจะถาวร เขาปลูกบ้านที่เชียงใหม่และตั้งใจจะย้ายรกรากไปอยู่ที่นั่น “แก่แล้วอะ” เขายิ้มปลง “การทำหนังไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนไม่ได้ทำแล้วจะเป็นจะตาย ฆ่าคนได้ แล้วการทำหนังเรื่องหนึ่งต้องโฟกัสมาก กว่าจะฝ่ามันไปได้ เราไม่ได้มีแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคมากหรอก พอได้ทำหนังเมื่อไรแรงก็มาเต็มเหมือนตอนเป็นหนุ่มอยู่ดี หนังเหมือนยาเสพติด พอได้เสพก็มีแรง แต่ความกระตือรือร้นน้อยลง ได้ทำก็แฮปปี้ ไม่ได้ทำก็มีอย่างอื่นทำ”

 

ดูซีรี่ส์ ดูหนังสตรีมมิ่ง เสพสื่อตามยุคสมัย อะไรแบบนี้เป็นเอกทำบ้างไหม “ไม่ เพราะมันต้องดูในจอทีวี เราไม่ได้ต่อต้าน แต่หนังที่มีความเป็นภาพยนตร์สูงๆ ต้องดูในโรง มันมีบรรยากาศ มีเสียงที่ห่อหุ้มเรา หนังเราดูในทีวีไม่รอดหรอก เหมือนหนังอิหร่าน หนังไต้หวันของไฉ้หมิงเลี่ยง โหวเซี่ยวเฉียน หนังของอภิชาติพงศ์ มันช้า แล้วมันเงียบ ดีเทลก็ไม่ค่อยเห็น แต่ถ้าดูในโรง หนังมันตรึงเราได้เลย เวลาไปดูหนัง เราไม่ได้ดูเนื้อเรื่อง เราไปดูความที่หนังพาเราไปอีกโลกหนึ่ง เสน่ห์ของภาพยนตร์อยู่ตรงนั้น ขณะที่ซีรี่ส์เดินเรื่องด้วยไดอะล็อกเพราะจอมันเล็ก พวกอังกฤษอเมริกันเขียนไดอะล็อกกันเก่งจะตาย แล้วนักแสดงก็แสดงได้ดีมากเหมือนพูดออกมาเอง แต่มันไม่มีบรรยากาศอะไรเลย ถ้าจะดูสิ่งเหล่านี้ต้องนั่งดูทีวีที่บ้าน ทีนี้เวลาเราอยู่บ้านก็ไม่มานั่งดูทีวีแน่ๆ เสียเวลา เราก็อ่านหนังสือ นั่งดูดบุหรี่ กินเบียร์ อยู่เฉยๆ ไปนั่งจ้องทีวีมันไม่ใช่นิสัยมั้ง”

 

 

 

Samui Song เกิดขึ้นในวันธรรมดาที่เขาไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตและตราตรึงกับภาพดาราหญิงช็อปปิ้งกับแฟนฝรั่งถึงขั้นเดินตาม “แต่เขาไม่รู้ เพราะเราเดินตามห่างๆ” ประชาชนไม่ต้องระแวง เป็นเอกบอกว่าไม่ได้เดินตามทุกคน และทุกภาพที่เห็นไม่ได้กลายเป็นไอเดียทำหนังเสมอไป “แล้วเหตุการณ์นี้ก็ผ่านไป แต่อีก 2-3 วันมันกลับมาใหม่ อะไรที่มันติดค้างอยู่จะโชว์ตัวมันเอง มันจะไม่ไปจากเรา แสดงว่าเริ่มมีปัญหา งั้นลองเขียนบทดูเหอะ เป็นวิธีการเฉพาะตัวมาก คนทำหนังส่วนมากต้องคิดก่อนว่าจะสื่ออะไรกับคนดู ตอบโจทย์ไม่ได้ก็ยิงทิ้ง ของเราโจทย์ไม่มี เริ่มด้วยอะไรก็ไม่รู้ หนังเรื่อง นางไม้ เกิดจากภาพที่เราเห็นในหัวว่าผู้ชายคนหนึ่งยืนเอากับต้นไม้อยู่ เรื่องตลก 69 มาจากเห็นภาพประตูห้องและมีกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ เวลาเล่าให้ใครฟังว่าไอเดียทำหนังของเรามาจากแบบนี้ เขาไม่เชื่อ พี่แม่งอำ

 

“Samui Song เป็นความท้าทาย เป็นหนังเรื่องแรกของเราที่ไม่มีความส่วนตัวเลย ตอนทำเรื่อง พลอย เราสงสัยว่าคนแต่งงานไปทำอะไรกันวะ ใครแต่งงานแล้วมีความสุข ช่วยบอกด้วย จะทำสารคดี มันมีแต่หายนะ เพื่อนผู้หญิงมาเล่าความลับว่าดันไปมีชู้ เพื่อนผู้ชายเล่าว่ามีเมียน้อย เราก็คิดว่าทำไมไม่อยู่กันไปเฉยๆ วะ ตอนนี้เราอายุ 55 แล้ว ไม่เคยมีความคิดจะแต่งงานเลย แต่เราสามารถอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งได้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่มีกิ๊ก คือกลัวงานแต่งงาน (ไม่อยากตัดเค้กหรือพี่) เออ ความฝันสูงสุดในชีวิต อยากดูพรีเซนเทชั่นว่ารักกับแฟนยังไง

 

 

 

ตอนทำ เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล เราคิดเรื่องความตายเยอะมาก ไม่ได้อยากตาย ไม่รู้กลัวไหม แต่ตอนนั้นเหนื่อยมาก ชีวิตมันพีก โฆษณาก็ทำ หนังก็ทำ เพิ่งประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง ทุกอย่างพลุ่งพล่าน แล้วเราเป็นคนพุทธ เชื่อว่าความตายไม่ได้เป็นจุดจบ เดี๋ยวก็เกิดใหม่ ถ้างั้นตายก็ดี เหมือนได้พักเบรก แต่ Samui Song ไม่ได้เกิดจากปัญหาหรือความสงสัยส่วนตัว เราค้นพบว่าการทำหนังที่ไม่ส่วนตัวมากแม่งหนุกดีว่ะ ไม่ค่อยทรมาน เวลาเอาเรื่องส่วนตัวไปทำหนังมันใกล้ตัวเกิน เหมือนไปเปิดแผลที่นึกว่าแห้งแล้ว ก็เจ็บใหม่อีก แต่พอทำหนังเรื่องนี้ ผัวฆ่าเมีย เมียฆ่าผัว ผัวตบเมีย แม่งหนุกดี มันเป็นงานคราฟต์ที่ใช้ฝีมือในการทำหนังเข้าไปทำ เหมือนทอเสื่อ เราไม่ได้คิดลายเอง เราก็นั่งทอไปสิ เวลาทำหนังที่เป็นส่วนตัวมากๆ ต้องขึ้นโครงตั้งแต่ลาย เผลอๆ คิดไปคิดมา อย่าทำเสื่อเลยว่ะ มันไปไกลขนาดนั้น แต่เรื่องนี้ไม่ต้อง มีกฎกี่ข้อก็ทำตามไป เอาให้หนุก”

 

ลายนั้นปรากฏว่าหน้าตาเหมือนเฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ทำไมต้องเป็นเธอ “เพราะว่านางเอกในหนังเป็นดาราละคร แล้วมีชีวิตดาร์กขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะเป็นคนถูกกระทำแต่ก็ไม่ใช่คนน่ารักมาก คุณสมบัติทั้งหมดนี้ ถ้าเอาเฌอมาลย์มาก็ไม่ต้องแสดงแล้ว” นี่คือชมอยู่ “ใช่ แต่เราทำงานกับเขาไม่ได้ราบรื่นมากนะ เวลาดารากับผู้กำกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทำหนังร่วมกันมีแต่ความดี สนุกจังเลย เราไม่เชื่อหรอก ทำงานอะไรไม่มีปัญหาวะ เขาเป็นนักแสดง ไม่ได้เป็นหุ่นชักใย จะไม่มีอารมณ์ได้ยังไง แล้วนักแสดงนี่ตัวอารมณ์รุนแรงเลย เพราะเขาครีเอทีฟ เซนซิทีฟมาก ถูกไหม

 

 

 

“พลอยมาจากแบ็กกราวด์กองถ่ายละคร ต้องมาอยู่ในกองถ่ายหนังแบบเรา คนละขั้วกันเลย ฉะนั้นมีการปีนเกลียวอยู่แล้ว อย่างละครถ่าย 3 เทกก็ผ่านแล้วเพราะวันหนึ่งต้องถ่ายกัน 27 ซีน เขารีบ ตัวเลขบนสเลตที่ตีจำนวนเทกจะมีผลกับนักแสดงละครเบอร์ใหญ่ๆ แบบนี้มาก 3 เทกโอเค ถ้า 20 เทกมีปัญหาแล้ว แต่เราจะถ่าย 50 เทกก็เรื่องของเรา เทกมากไม่ได้แปลว่าคุณไม่เก่ง เทกน้อยก็ไม่ได้แปลว่าคุณเก่ง เราต้องบอกนักแสดงทุกคนว่าอย่าสนใจตัวเลขเทก เพราะตราบใดที่เรายังมีเวลาวันนี้ เราจะทำไปเรื่อยๆ เพราะว่าได้แล้ว ถูกต้องแล้ว เราก็อยากลองอีกแบบ แต่เขาไม่เข้าใจ พอเทกเยอะๆ...‘จะเอาอะไรกับกูนักวะ’ อาจมีความอายทีมงาน ช่างไฟ ดาราระดับนี้โดนเทกเยอะๆ เข้าจะฉิบหายเอา บางทีเราอาจจะถ่าย 2 เทกผ่าน เพราะไม่ได้เรื่องเลย Hopeless ฉิบหาย อย่าไปทำแม่งเลยดีกว่า ช่วงไหนที่เขามาอยู่กับกองเราติดกันเกิน 3 วัน เล่นดีมาก แต่พอเขาต้องกลับมากรุงเทพฯ มาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ต้องไปอีเวนต์ หรือไปงานวันเกิดชมพู่ พอกลับมาใหม่ จะเอาละ มันต้องเกิดอาการ...

 

“แต่บางซีนเราเห็นเลยว่าถ้าไม่ใช่เขาก็เอาไม่อยู่ ในแง่อารมณ์ที่มันซับซ้อนมาก เราจะไปบอกเขาให้ทำอะไรยังบอกไม่ถูกเลย พอบรีฟไม่ถูกก็ใช้วิธีไม่บรีฟแม่งเลย เข้าใจยังไงก็เล่นไปเหอะ แล้วเดี๋ยวแก้เอาจากตรงนั้น อ่านบทมาแล้วนี่ อยากทำอะไรก็ทำ แต่พอเขาเล่นเทกแรก ใช่เลย เราอ้าปากหวอ มันเข้าใจได้ยังไง แล้วเอาเข้าจริงก็ไม่ได้เข้าใจหรอกแต่ทำได้ เราจะขออีกเทกเพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อกี้ไม่ได้ฟลุก พอลองอีกเทกก็ทำได้อีก แสดงว่าเขามีพรสวรรค์จริงๆ แล้วกับเฌอมาลย์ คุณปฏิเสธไม่ได้ว่ากล้องชอบเขามากนะ เวลาอยู่หน้ากล้องแม่งดูดีฉิบหาย เราต้องโทนดาวน์เขาลงมา ไม่งั้นสวยเกิน

 

นักแสดงอยากเล่นหนังเรา เขามีความเข้าใจว่าเรากำกับนักแสดงเก่ง กำกับใครก็ได้รางวัล หารู้ไม่ว่าเขาเก่งของเขามาเอง กูเสือกได้เครดิตว่ากูกำกับเก่ง จริงๆ เราแค่ยืนดู ไม่ไปยุ่งกับเขา ไม่ไปทำเขาเสีย นักแสดงแบบหมิวคุณจะไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะ เขาเล่นให้นี่เรียกว่าทุกอย่างไหลลื่นมาก เครดิตเราคือทำให้นักแสดงที่ไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพดูเหมือนว่าเขาเล่นได้ อย่างพี่ใหญ่ (พรวุฒิ สารสิน), เรย์ (แมคโดนัลด์), เฟย์ (อัศเวศน์), สายป่าน (สกุลเจริญสุข) ตอนนั้นยังไม่เคยเล่นหนังกันเลย”

 

 

ให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกว่าผู้หญิงไทยเป็นนักแสดงในชีวิตจริง พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง “ผู้หญิงไทยต้องเล่นบทบาทเยอะนะ ถ้าอยากให้คนมาจีบต้องทำตัวอ้อแอ้ เวลาทำตัวแข็งแรงมาก ดูช่วยตัวเองได้ ผู้ชายไทยไม่ชอบ อายุ 20 ก็ต้องทำเสียงเล็กๆ พูดจาให้เหมือนเด็ก 14 พอมีแฟนแล้วก็ต้องเปลี่ยนอีก ทำยังไงให้แม่งขอกูแต่งงานให้ได้วะ ทำไงไม่ให้มึงเลิกกับกู พอแต่งงานก็เปลี่ยนไปเป็นบทบาทเมีย เป็นแม่ มีลูก และคิดว่าผัวต้องมีเมียน้อยแน่ๆ ในอีกไม่นานนี้ ทำยังไงไม่ให้มันมีกิ๊ก หรือถ้ามันมีกิ๊กไปแล้ว กูก็ทำเป็นไม่สนใจเรื่องเซ็กซ์ไปเลยแล้วกัน อยู่เพื่อลูก ถ้าเป็นผู้หญิงทำงานออฟฟิศแล้วมีเจ้านายเป็นผู้ชาย อย่าทำตัวฉลาดมากเดี๋ยวไม่รอด ผู้หญิงอยู่ในสังคมนี้เหมือนต้องเป็นนักแสดงนะฮะ ผู้ชายก็ต้องเป็นแต่สังคมอนุญาตให้มีทางออกเยอะกว่า ไม่อยากนอนกับเมียตัวเอง ไม่อยากจะมีกิ๊กก็ตีหม้อได้ ไปอาบอบนวด เที่ยวกะหรี่ เราไปปฏิบัติธรรมทุกปี ผู้หญิงเยอะมาก ผู้ชาย 20 คน ผู้หญิง 80 คน เพราะปัญหาในชีวิตเยอะ ตอนแรกนางเอกไม่ได้เป็นนักแสดงละครด้วย ก็ทำงานธรรมดา แต่พอจุดนี้เข้ามาในหัว มันล้อกันไปพอดี เราก็เลยคิด งั้นก็ให้แม่งเป็นนักแสดงไปเลย”

 

แสดงว่าเป็นเอกทำหนังเรื่องนี้ด้วยความเห็นใจผู้หญิง...หรือเปล่า “ไม่ได้เห็นใจเลย (ตอบมะนาวไม่มีน้ำ) เราเป็นผู้ชายแบบชายๆ มันเป็นกรรมของเพศยูอะ ช่วยไม่ได้ที่เป็นผู้หญิงแล้วมาเกิดประเทศนี้ รัฐมนตรีกอบกาญจน์ (วัฒนวรางกูร) สมาร์ต เก่ง ทำงานจริง หัวก้าวหน้า ไม่มีการเมืองเลย ครีเอทีฟ เพิ่งโดนเด้งออกไป นี่ไงเป็นผู้หญิงเกิดประเทศนี้ ถ้าเขาอยู่ฝรั่งเศส สเปน หรืออังกฤษคงมีรูปปั้นแล้ว เราไม่ได้มีความเห็นใจหรอก แต่เราสนใจผู้หญิง เราชอบเพศหญิง เรื่องสำคัญๆ ที่เราเรียนรู้ในชีวิต เราเรียนรู้จากผู้หญิง เช่น การอกหัก การโดนเฮิร์ตระดับปางตาย หรือนิสัยชอบอ่านหนังสือก็เรียนรู้จากพี่สาว เรียนรู้จากแม่ เพื่อนผู้ชายมีไว้กินเหล้า เตะบอล เที่ยวผู้หญิงด้วยกันตอนเป็นวัยรุ่นคึกคะนอง ความรู้สึกที่เรามีต่อผู้หญิงเลยคล้ายเป็นความสนใจ ความชื่นชม และแน่นอนว่าเป็นความเสน่หาอยู่ในนั้น”

 

ไม่ว่านักวิจารณ์หรือเว็บไซต์ให้คะแนนหนังทรงอิทธิพลของโลกจะจัดให้ Samui Song เป็นหนังดราม่า ฟิล์มนัวร์ เสียดสี อะไรก็ตาม ผู้กำกับยืนยันว่า “เราอยากทำหนังหนุกๆ” เหมือนความตั้งใจในการทำหนังทุกเรื่องของเขา ว่าแต่หนังสนุกๆ แบบเป็นเอก สังคมเห็นด้วยไหมว่าสนุก “สังคมไม่เห็นด้วย สนุกยังไง” เขาหัวเราะ “เราพลาดท่าทำหนังที่ไม่สนุกจริงๆ อยู่ 2 เรื่อง หนึ่งคือ Invisible Waves (คำพิพากษาของมหาสมุทร) ไม่สนุกอย่างสูง เป็นการทดลองที่ผิดพลาดอย่างแรง เราอยากลองทำหนังแบบไม่โคลสอัพเลยได้ไหมวะ ถ่ายแต่ Wide shot ปรากฏโดนด่า กลายเป็นชนักติดหลัง หนังพี่เขาดูยากว่ะ ปีนกระไดดู พี่เขาล้ำมาก ติสต์แตก มันจะมีคำเหล่านี้เต็มไปหมด แล้วก็ นางไม้ หลายๆ คนว่ามันอืด แต่เราไม่ยอมรับว่ามันไม่สนุก เราว่ามันสนุก ลึกลับดี แต่ Invisible Waves เรียกว่าเป็นเอกฉันท์เลยว่าพี่เขากินอะไรเข้าไปวะ” 

 

 

 

กลับไปดูหนังเก่าๆ แล้วรู้สึกยังไง “เวลาดูงานเก่าๆ เหมือนดูลูกตัวเอง คนชมว่าน้องเขาน่ารักเนอะ ฉลาดด้วย แต่เราก็จะเห็นแต่...ขาแม่งเล็ก น่าจะให้มันกินผัก คนบอกมันฉลาด ไม่หรอก มันแค่มีวินัย เราจะเห็นแต่ความผิดพลาดแล้วก็จะอาย อายที่คนอื่นเขาไม่เห็น เขาจับไม่ได้ แล้วมาบอกว่าเราเก่ง เดี๋ยวนี้พอแก่แล้วก็ยังเห็นความผิดพลาดเต็มไปหมด แต่ไม่อายแล้ว เวลาคนบอกว่ามันดี เราก็ยินดีด้วยว่ามันดี เรายอมรับได้ว่ากูเก่งแค่นี้ ไม่ได้เก่งมากกว่านั้น ไม่ได้เก่งน้อยกว่านี้ ช่วงที่อายเพราะเป็นอีโก้ เรากลัวเขาจับได้ว่าเราฟลุก เป็นความไม่มั่นคงในจิตใจของเราเอง”  ผู้กำกับเก่งๆ ไม่คิดว่าเขาฟลุกเหมือนกันหรือ “เราว่าเขาเป็นอย่างเราทั้งนั้นแหละ (เสียงสูง) เมื่อก่อนไม่รู้ข้อเท็จจริงนี้ เรามันไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่คนมาชื่นชมใหญ่เลย มีคนเก่งกว่าเราอีกเยอะ แต่แค่ไม่มีโอกาส เพราะชื่อเสียง เกียรติยศ และความสำเร็จที่เราได้รับไม่ได้เป็นความสำเร็จระดับธรรมดาแบบพี่เขาทำหนังดี ให้รางวัลพี่เขาแล้วจบกันไป แต่หนังเราอินสไปร์คนเป็นเจเนอเรชั่น มีคนเยอะมากที่ลิ้มรสหนังเราแล้วตัดสินใจว่าจะเป็นคนทำหนัง ลามไปถึงคนทำร้านอาหาร คนทำศิลปะ คนทำดนตรี เราไปเที่ยวเจอคนเข้ามาหวัดดี บอกว่าบิ๊กแอสครับ เราก็ฮะ มึงเรียกกูว่าบิ๊กแอสเลยเหรอ เราไม่รู้จักวงเขาเลย ส่วนตูน (อาทิวราห์ คงมาลัย) ก็มาหวัดดี ขอความช่วยเหลือใครก็มีแต่คนโดดมาทำให้ ตอนนี้เลยสามารถพูดได้ว่าเรามีพรสวรรค์ น่าถีบฉิบหาย จะหลงตัวเองไปถึงไหน (ยิ้ม) วันก่อนมีน้องมาสัมภาษณ์ ถามว่าพี่ฝึกยังไงถึงเล่าเรื่องเก่ง ไม่ได้ฝึกเลยน้อง พรสวรรค์ล้วนๆ ตอบอย่างหน้าชื่นตาบานมาก”

 

“คำว่าเก่งมันแอ็บสแตรกต์ไปหน่อย” เขาอธิบายชัดหลังจากที่เราคะยั้นคะยอให้ยอมรับไปว่าตัวเองเก่ง “เราแค่รู้ว่าจุดแข็งจุดอ่อนของเราคืออะไร อาจรู้ไม่หมดแต่มีไอเดียว่าอย่าคิดสะเออะไปทำสิ่งนี้ มันเกินความสามารถ เช่น อย่าไปจัดคอนเสิร์ต อย่าเป็นโปรดิวเซอร์ให้ใคร โปรดิวเซอร์ต้องมีอารมณ์จิตใจมั่นคงและต้องรู้เรื่องเงินประมาณหนึ่ง แต่นี่จิตใจอะไรไม่มั่นคงเลย ไปเป็นเมนเทอร์ให้ยังไดเร็กเตอร์ที่เกาหลี เราเอาหัวโขกไวต์บอร์ด เสร็จแล้วเหมือนไม่ค่อยสะใจ ทุบโครมอีกที หลุดแบบหายนะ เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง หายนะแน่ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องความเก่งอย่าไปพูดถึงเลย เรารู้ลิมิตตัวเอง รู้ว่าความสุขของเราคืออะไร”

 

เรื่องและสัมภาษณ์: สุภักดิภา พูลทรัพย์

แต่งหน้า: สัณห์สมร ตันติโชติรัตนา

 

WATCH