CELEBRITY
แม่หญิงทั่วประเทศว่าไง! เมื่อโว้กคุยเรื่องหัวใจกับ “หมื่นเรือง” ผู้ชายขี้เล่นแห่งกรุงศรีอยุธยาด้วยความขี้เล่นกรุ้มกริ่มและสายตาเอ็นดูแม่หญิงจากเมืองสองแควเสียเหลือเกิน ทำให้คนดูตกหลุมรักตัวละครนี้ได้ไม่ยาก |
ร้อนกว่าแดดก็กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” นี่แหละ! ณ โมเมนต์นี้ไม่มีอะไรจะสู้ความนิยมของละครเรื่องนี้การันตีด้วยเรตติ้งถล่มทลายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (ถึงขั้นเว็บไลฟ์สตรีมก็ยังล่ม) ส่งให้เหล่านักแสดงที่สวมบทเป็นตัวละครเอกยาวไปจนถึงนักแสดงสมทบแทบทุกตัวละครดังยาวไปถึงบ่าวทั้งหลายเปรี้ยงชนิดตั้งตัวไม่อยู่ โดยเฉพาะในหมู่แฟนละครสาวๆ ที่เผลอไปหลงรักหนุ่มกรุงศรีอยุธยาเข้าหลายราย นอกเหนือจากหมื่นสุนทรเทวาของแม่หญิงการะเกด หนึ่งในหนุ่มที่ฮอตที่สุด ณ ตอนนี้เห็นจะเป็น “หมื่นเรืองราชภักดี” หรือขุนเรืองหลังได้อวยยศ ด้วยความขี้เล่นกรุ้มกริ่มและสายตาเอ็นดูแม่หญิงจากเมืองสองแควเสียเหลือเกิน ทำให้คนดูตกหลุมรักตัวละครนี้ได้ไม่ยาก อยากรู้ไหมว่าตัวจริงนอกจอของหมื่นเรือง หรือ “ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย” จะน่ารักเหมือนหมื่นเรืองหรือเปล่า
“ตอนแรกที่เขาติดต่อมาให้รับบทหมื่นเรืองก็ตัดสินใจรับเลยเพราะเราเกิดมาจากละครพีเรียตอยู่แล้วคือเรื่องบางระจัน แล้วคนก็จะบอกตลอดว่าเล่นพีเรียตแล้วดี เล่นแล้วเข้า เพราะเราหน้าไทย เราเลยไม่มีอะไรให้ปฏิเสธ โดยเฉพาะบทหมื่นเรืองเป็นบทที่ช่วยส่งเสริมบทของพระเอกนางเอกให้เขารักกัน เราก็รู้สึกว่ามันมีสีสันดีน่าสนใจ ส่วนความยากของบทนี้ถ้าเต็ม 10 เราให้ 7 เพราะเวลาเราเล่นละครพีเรียตความยากมันจะอยู่ที่เรื่องของภาษา ตัวละครในเรื่องมียศมีตำแหน่งกันหมด ที่สำคัญคือเป็นตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ดังนั้นเราต้องให้เกียรติ เราต้องแม่นเรื่องชื่อ บางทีในหนึ่งซีนมีตัวละคร 4-5 ตัว เราก็ต้องจำให้ได้หมด ต้องท่องจำเยอะ ทำการบ้านเยอะพอสมควรเลยครับ”
“ถ้าถามว่าตัวผมกับหมื่นเรืองเหมือนกันตรงไหน ผมก็คิดว่าคงจะเป็นความขี้เล่น หมื่นเรืองถึงแม้จะเป็นขุนนางที่รับราชการอยู่ในวังแต่เขาจะมีความขี้เล่น กรุ้มกริ่ม มีบุคลิกของเพลย์บอย มีความเจ้าชู้นิดๆ ตามประสาผู้ชายแต่ไม่ได้เจ้าชู้ถึงขั้นแย่” งั้นแปลว่าเราก็มีความเจ้าชู้… “ก็นิดนึงครับตามประสาผู้ชายทั่วไป (หัวเราะ)” “ส่วนตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเรื่องก็คงจะเป็น ‘หมื่นเรือง’ บทที่ผมเล่นเองนี่แหละ เพราะพอเป็นบทที่เราเล่นเองเราจะรู้จักตัวละครดีที่สุด หมื่นเรืองมีเสน่ห์เพราะรับบทบาทเป็นคนชง ซัพพอร์ตพระเอกกับนางเองให้เขารักกัน ออกมาก็เพื่อทำให้เขาหึงกัน ซึ่งมันช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ของหมื่นสุนทรเทวาและการะเกด”
“ผู้ชายในสมัยอยุธยากับผู้ชายในปัจจุบันก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากันคงตอบยาก เพราะโลกมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จำได้ไหมครับมีอยู่ช่วงหนึ่งคนไทยเรานิยมชอบคนหน้าลูกครึ่งฝรั่ง แล้วเราก็เปลี่ยนมาชอบเจป๊อป แล้วก็เปลี่ยนใจมาชอบแบบเคป๊อปเกาหลี บางช่วงก็หันมาอินกับคนหน้าไทย ดังนั้นแบบไหนดีมันจึงตอบไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของเวลาและค่านิยมซึ่งมันไม่อยู่นิ่ง มันหมุนไปตามโลก ผมว่าความเป็นธรรมชาติต่างหากคือสิ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับคนๆ หนึ่ง เคยเห็นไหมครับบางคนหน้าตาไม่ได้หล่อ-สวยมาก แต่เขามีเสน่ห์ มีความเป็นธรรมชาติ เขาก็ดูน่าสนใจขึ้นมา ผมว่าเรื่องเสน่ห์ต่างหากคือสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะสำหรับผู้ชายสมัยนู้นหรือสมัยนี้ก็ตาม”
WATCH
ระหว่างการะเกดกับจันทร์วาด ปั้นจั่นเลือก… “ถ้าชีวิตจริงผมคงชอบแบบแม่หญิงการะเกดนะครับ จริงๆ ผู้หญิงเรียบร้อยก็ดีแต่ถ้านิ่งไปก็แอบน่าเบื่อนะจริงไหม แม่หญิงจันทร์วาดในนิยายเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์มาก แต่ก็ไม่สมหวังในความรัก เหมือนกับที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ‘ดีเกินไปก็เลยถูกทิ้ง’ นี่ก็เหมือนกัน ผมชอบผู้หญิงที่มีสีสันแต่สีสันในที่นี้ไม่ใช่การไปเที่ยวเตร่นะครับ ผมหมายถึงผู้หญิงที่มีความสดใสร่าเริง ทำให้โลกของเราสดใสไปด้วย”
“เวลาเราทำงานหรืออยู่ในบทบาทที่ต้องรับผิดชอบเราก็จะเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่พอเวลาอยู่กับแฟนสองคนผมจะเป็นเด็กมาก จะคุยกับแฟนแบบเด็กๆ ถ้าแฟนงอนผมก็จะง้อด้วยลูกไม้ใจเย็นแล้วหยอดคำหวานอย่างเดียวเลย ผมทำมาแล้ววิธีนี้ได้ผลสุด ดีกว่าของขลังอีก (หัวเราะ) ซึ่งแตกต่างจากตอนเด็กๆ มากอยู่เหมือนกันเพราะตอนเด็กๆ ถ้ามีเรื่องทะเลาะงอนกันผมจะเถียงเลย แต่พอโตแล้วเราก็นิ่งขึ้น สุขุมขึ้น ต่อให้เราไม่ผิดเราก็ขอโทษได้ เพื่อให้คนที่เรารักเขาสบายใจ”
“เดทแรกกับผมผมจะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้วก็พาไปไหว้พระที่วัด (หัวเราะ) เพราะอะไร เพราะเราดูได้หลายอย่างเลย เราจะเห็นความอดทน ความติดดินของเขา เขาไปกินข้าวข้างทางกับเราได้ไหม ไปวัดโดนแดดอากาศร้อนเขาจะมีรีแอคชั่นอย่างไร มีความเชื่อเรื่องศาสนาอย่างไรบ้าง เวลาเจอคนขายก๋วยเตี๋ยวเขาปฏิบัติกับพนักงานอย่างไร ถ้าเขาน่ารักกับคนรอบข้างมันก็ดีกับตัวเขา ไม่ใช่ว่าผมคิดเยอะนะครับแต่เดทแรกเราก็อยากจะเห็นนิสัยใจคอเบื้องต้นของอีกฝ่าย การพาไปทำกิจกรรมแบบนี้เราจะเห็นตัวตนที่เขาแสดงออกมาเรื่อยๆ”
“ผมเคยอยากแต่งงานมาก อยากมีลูกมาก แต่พอโตขึ้นความคิดเรามันก็เปลี่ยนไป จริงๆ มันเปลี่ยนไปทุกๆ ปีเลยด้วยซ้ำตามประสบการณ์ชีวิตเรา เรื่องแต่งงานเราเคยอยากแต่งมากๆ แต่พอเราโตขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้นเราก็รู้ว่าเรื่องแต่งงานมันไม่ใช่จุดจบของทุกอย่าง เมื่อจังหวะและกาสมันเหมาะสมทุกอย่างจะบอกเราเองว่าถึงเวลาแล้ว เราไม่รีบ ส่วนเรื่องลูกเราก็เคยอยากมีมากๆ เหมือนกันแต่พอโตขึ้นเรารู้สึกว่าโลกมันน่ากลัว สังคมมันน่ากลัว การที่เราจะดูแลคนคนหนึ่งเราจะทำได้ไหม เขาจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้หรือเปล่า จะมีความสุขไหม เลยยังไม่อยากมี แต่ถ้าถึงเวลาที่จะมีจริงๆ เราคิดว่าเราต้องมีความสุขอยู่แล้วแหละ แต่กลัวไว้ก่อน (หัวเราะ)”
“ผู้หญิงในสเปคของผมคือแบบพี่เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ หรือถ้าเป็นดาราฝรั่งก็ชอบแบบเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ เพราะเรารู้สึกว่าเขาได้หลายลุคดี เราชอบผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเอง อย่างเจนนิเฟอร์บางช่วงแม้ว่าเขาจะอวบขึ้นแต่เขาก็ยังดูสวย คือเขามีเสน่ห์และสวยในแบบของเขา พอโตแล้วเราไม่ค่อยมีสเปคที่ตายตัว อย่างตอนเด็กๆ เราจะเลือกว่าอวบไม่ชอบ คล้ำไม่ชอบ ผู้หญิงผิวสีไม่เอา แต่พอโตขึ้นความคิดเราเปลี่ยนไป มีผู้หญิงผิวสีหลายคนที่เราเดินผ่านแล้วตะลึงว่าสวยจัง หรือผู้หญิงอวบก็เหมือนกันบางคนสวยมาก”
เมื่อถามถึงก้าวต่อไปในวงการปั้นจั่นทิ้งท้ายอย่างมืออาชีพว่า “ในฐานะของนักแสดงผมไม่สามารถเลือกบทได้ เอาเป็นว่าไม่ว่าบทไหนที่เรามีโอกาสเราก็จะทำให้เต็มที่ ผมไม่คาดหวังว่าเรื่องหน้ามันจะต้องดังเปรี้ยงเหมือนเรื่องนี้ เพราะเราอยู่วงการนี้มา 10 ปีเราเข้าใจเรื่องการขึ้น-ลง มันเป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนไป เมื่อเราเข้าใจตรงนี้แล้วที่เหลือก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำในสิ่งที่เรารัก สำหรับผมผมรู้สึกว่าความสำเร็จมันไม่ได้อยู่แค่ที่เรตติ้ง แต่มันอยู่ที่ความสุขใจที่ได้ทำในสิ่งที่เรารักมากกว่า ในการทำงานแต่ละวันผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือรู้สึกว่าแต่ละวันมันผ่านไปอย่างยากลำบาก เพราะเรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังทำครับ” - ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย
เรื่องและสัมภาษณ์: ปภัสรา นัฏสถาพร
ภาพ: อินสตาแกรม @punjanprama
WATCH