อันธพาลครองเมือง มิวสิคัล 2025

CELEBRITY

ปลุกชีพ 'อันธพาลครองเมือง' โว้กเผยแฟชั่นเซ็ตสุดเท่ของเหล่านักแสดงนำ เวอร์ชั่นปี 2025

หนึ่งในตำนานยุคทองของขาใหญ่ “อันธพาลครองเมือง” ถูกปลุกให้มีชีวิตอีกครั้งจากการตีความใหม่ในรูปแบบของละครเวทีเดอะมิวสิคัล และเคมีที่เข้ากันของนักแสดงหลักทั้ง 5 คน นาย-ณภัทร เสียงสมบูรณ์, ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต, เทศน์-เฮนรี ไมรอน, ไดร์ม่อน-ณรกร ณิชกุลธนโชติ และบูม-สหรัฐ เทียมปาน

โดย Vogue Thailand
15 มิถุนายน 2568

ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช 
สไตลิสต์: ตะวัน ก้อนแก้ว 
แต่งหน้า/ทำผม (นาย ณภัทร): ปิยะวัฒน์ เมธาโรจนพรสิน
แต่งหน้า/ทำผม (ไอซ์ พาริส): เริงฤทธิ์ อภิสิทธิ์วชิรเมธี
แต่งหน้า: จีระศักดิ์ ศรีมงคล
ทำผม: วรรณวนัช เล็กอิ่ม

---------------------------------------------------------------------------------------------------

 

     Vogue: รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาเล่นละครเวที อันธพาล 2499 เดอะมิวสิคัล

     นาย: ตอนแรกเลยผมยังไม่รู้ว่าเป็นบทอะไร แต่พอได้ยินชื่อ 2499 ก็ตื่นเต้น เพราะผมอยากเล่นมิวสิคัลอยู่แล้ว พอได้มาเล่น ผมมีความสุขมากๆ รู้สึกว่านี่คือพื้นที่ของเรา ตอนที่ผมรู้ว่าได้รับบทแดง ไบเล่ ผมกระหายอยากจะเล่นมากๆ

     บูม: (รับบทแหลมสิงห์) ผมรู้สึกว่ามันท้าทายดีครับเพราะตัวผมเองยังไม่เคยเล่นอะไรที่เป็นบทบู๊ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมได้เล่นฉากบู๊และยิ่งเป็นละครเวทีด้วย ผมรู้สึกว่ามันท้าทายมากๆ   

     ไอซ์: ผมว่าเด็กผู้ชายหลายคนน่าจะชอบความเป็นแบดบอย โดยส่วนตัวผมชอบอารมณ์แบบ...เป็นคนเกเร ทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะในชีวิตจริงมันทำไม่ได้ พอเราจะได้มาเล่นเป็นปุ๊ ระเบิดขวดจริงๆ และรู้ว่ามีพี่นายเล่นด้วย ภาพในหัวที่คิดออกมามันน่าจะเท่มาก อย่างของฝรั่งจะมีเรื่อง West Side Story เป็นแก๊งเหมือนกันและผมคิดว่าตอนนั้น West Side Story เขาก็ทำออกมาได้ดี ผมว่าฉากแอ็กชัน ตีกันบทเวที มันเล่นอะไรได้เยอะ เช่น ฉากต่อสู้ที่ทำไปตามจังหวะของดนตรี การยิงปืนให้เข้ากับจังหวะเพลง ผมว่ามันเจ๋งดี

     เทศน์: (รับบทบทดำ เอสโซ่) ผมรู้สึกดีใจและโชคดีมากๆ เพราะเป็นโอกาสที่ใครหลายคนอยากได้ ผมอยากทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

     ไดร์ม่อน: (รับบทเปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์) ถ้าพูดตามตรงคือผมไม่เคยมั่นใจเลยว่าตัวเองจะได้มาเล่นละครเวที ผมกลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีหรือทำไม่ได้ เพราะผมคิดว่าละครเวทีเป็นศาสตร์ขั้นเทพ และตัวเราเองเป็นศิลปิน การจะมาเล่นละครเวทีมันต้องมีการแสดงอยู่ในนั้นด้วยซึ่งผมไม่ถนัดการแสดง เลยตื่นเต้นมากที่ได้มาเล่น

     V: ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงยุคปัจจุบัน 2025 แต่ต้องย้อนไปเป็นตัวละครสมัย 2499 แต่ละคนมีวิธีเตรียมความพร้อมกันอย่างไรบ้าง

     นาย: พยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด โชคดีมากที่ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาเกิดและโตมาในยุคนั้น ผมก็นั่งคุยกับเขา ได้ฟังเรื่องจากพี่ที่เป็นมือปืนจริงๆ ผมอ่านบทหลายรอบมาก พออ่านแล้วก็มาปรึกษาพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้กำกับ) เพื่อหาบาลานซ์ ตัวผมเองไม่อยากให้ตัวละครดูย้อนยุคเกินไป อยากแสดงออกมาให้มีความร่วมสมัยหน่อย

     บูม: ผมใช้วิธีเสิร์ชเพื่อหาข้อมูลเรื่อง 2499 เช่น ดูคลิปในติ๊กต็อก เพื่อดูว่ามู้ดแอนด์โทนในยุคนั้นเป็นอย่างไร ประกอบกับทีมงานอยากได้ธีมร็อกแอนด์โรล ผมก็ไปหาข้อมูลดูว่าสไตล์มันเป็นอย่างไร เพื่อให้เข้าถึงสไตล์ที่เขาต้องการ

     ไอซ์: อย่างแรกเลยที่ผมทำคือกลับไปดูหนัง (หัวเราะ) แต่ผมรู้สึกว่ายังไม่พอ เพราะในหนังจะเล่าถึงมุมของแดงมากกว่าปุ๊ พอดีผมได้ไปเจอคนหนึ่งในยูทูบที่เขาบอกว่าเขารู้จักแดง ไบเล่, ปุ๊ ระเบิดขวด ผมนั่งดูเขาเล่า เก็บข้อมูลว่าสมัยนั้นเป็นอย่างไร และพยายามไปหาดูเจมส์ ดีน เพราะในเรื่องเจมส์ ดีนหรือเอลวิสคือไอดอลของพวกเขา

     เทศน์: ผมใช้วิธีดูหนังฟังเพลงในยุค 1950 พยายามเก็บข้อมูลบรรยากาศยุคนั้นว่าเป็นอย่างไร แล้วก็กลับไปดูเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง ในหนังมีป๊อปคัลเจอร์อะไรหลายอย่าง เช่น เจมส์ ดีน หรือสไตล์การแต่งตัวที่เรานำมาปรับใช้ได้

     ไดร์ม่อน: อย่างแรกเลยผมต้องจินตนาการถึงคนในยุคนั้นว่าเขาเป็นอย่างไรกัน ชีวิตประจำวันเขาทำอะไรกันบ้าง บรรยากาศในยุคนั้นเป็นอย่างไร ผมกลับไปดูเวอร์ชันหนังและไปไล่ดูหนังฝรั่งที่อยู่ในยุคนั้นๆ เพิ่มด้วย

     V: กับบทบาทที่ได้รับ เราต้องปรับตัวให้เข้ากับคาแร็กเตอร์ของตัวละครอย่างไรบ้าง ตัวละครมันไกลตัวเราไปหรือเปล่า

     นาย: หลังจากผมอ่านบทแล้วผมรู้สึกว่ามีประสบการณ์บางอย่างในตัวละครที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผม แต่มันก็มีจุดที่ห่างไกลจากตัวผมเหมือนกัน เช่น ในยุค 2499 ซึ่งเป็นยุคที่ทุกคนต้องเอาตัวรอด เป็นยุคที่โหดร้าย โตมาในตรอก ในซ่อง และมีแม่เป็นผู้หญิงขายบริการ ส่วนตัวผมมองว่ามันยากมากเลยสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ต้องเติบโตขึ้นมา ซึ่งจุดนี้มันห่างไกลจากตัวผมมาก แต่ผมก็เห็นจุดที่จะพลิกมุมมองเพื่อให้เล่นบทนี้ได้เพราะการเล่นละครเวทีมันเอื้อให้เราปรับมุมมอง ทุกครั้งที่มาซ้อมเราจะเจออะไรใหม่ๆ เหมือนการสะสมแต้ม ซึ่งครั้งนี้เป็นการแสดงครั้งแรกที่ผมยืดหยุ่นมากๆ พร้อมเปิดรับและไม่จำกัดอะไรให้ตายตัวเลย

     บูม: ผมได้รับบทเป็นแหลมสิงห์ ตัวละครตัวนี้เป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก ซึ่งตัวผมเองก็เป็นคนที่ชอบการร้องเพลงเหมือนกัน แหลมสิงห์จะเป็นคนชอบกวนเพื่อนๆ ซึ่งใกล้เคียงกับผม เพราะผมเป็นคนสนุกสนานเฮฮา แต่ที่แตกต่างคือเขาร้องเพลงเพี้ยนครับ (หัวเราะ)

     ไอซ์: ผมไม่ได้พยายามจะไปเป็นปุ๊ ผมแค่หยิบมุมหนึ่งออกมา ซึ่งเราก็เคยผ่านประสบการณ์แบบปุ๊มาบ้างนิดหน่อย (หัวเราะ) พยายามจะดึงมุมนั้นของเรามาใช้มากกว่า  ผมอาจจะเป็นปุ๊ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมสามารถเปลี่ยนความคิดและเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับปุ๊ได้ เช่น มองว่าในสถานการณ์นั้นถ้าเป็นผม ผมจะทำอย่างไร

     เทศน์: สำหรับตัวละครของดำ ภายนอกเขาจะดูโหดหน่อยๆ พูดน้อย แต่ในความโหดร้ายนั้นก็มีความซื่อซ่อนอยู่ แต่พอผมได้รู้จักตัวละครตัวนี้จริงๆ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันมาจากความรักเพื่อนที่เขามีให้ปุ๊ ความเชื่อมั่นระหว่างดำกับปุ๊นั้นมากถึงขนาดดำพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปุ๊ เขาเป็นคนที่จริงจังและจริงใจมากๆ ซึ่งถ้าเทียบกับตัวผม ผมก็เป็นคนที่ถ้าอยากจะทำอะไรก็ลุยเหมือนกัน ผมรักเพื่อนเหมือนกัน แต่นอกนั้นไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยครับ (หัวเราะ) และส่วนที่ยากคือผมต้องทำให้คนดูเชื่อว่าผมเป็นคนโหดร้ายเหมือนกับคาแร็กเตอร์ของดำจริงๆ เราต้องบาลานซ์ให้ได้ ทำอย่างไรไม่ให้ดูโหดร้ายเกินไป แต่ก็ไม่อยากให้น้อยไปจนคนดูไม่เชื่อ

     ไดร์ม่อน: ผมมองว่าการเป็นตัวละครที่เป็นนักเลงตัวผมเองน่าจะทำได้อยู่แล้วเพราะเด็กๆ เราโดนบุลลีมาก่อน ตัวละครเปี๊ยกในเรื่องก็โดนบุลลีเหมือนกัน แต่พอเราโตขึ้นเราก็มีการป้องกันตัวเองโดยการตอบโต้กลับบ้าง ผมเลยมองว่าบทบาทของเปี๊ยกเป็นอะไรที่ไม่ได้ไกลจากตัวผมเลย 

     V: อยากให้เล่าถึงการทำงานร่วมกัน ช่วงแรกต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างไรบ้าง

     นาย: ตั้งแต่วันแรกที่ได้มาเจอกัน เราสามารถพูดคุยกันได้แบบอัตโนมัติเลยครับ อาจเป็นเพราะพวกเราสนใจด้านเดียวกัน ชอบไปยิม ชอบกินเหมือนกัน มีความอยากที่จะยืนอยู่บนเวทีด้วยกัน ผมใช้คำว่าโชคดี โชคดีที่พวกเราสนิทกันได้ตั้งแต่วันแรก

     บูม: วันแรกที่มาแต่ละคนไม่มีมาดกันเลย หลังจากนั้นพวกเราก็จะมีกิจกรรมที่ชอบทำร่วมกัน คือด้านล่างโรงละครจะมีฟิตเนส เวลาพวกเราว่างก็จะไปเล่นกัน ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น

     ไอซ์: พวกเราสนิทกันเร็วมาก และสิ่งที่ทำให้พวกเราสนิทกันมากๆ อย่างเรื่องนี้เราเล่นเป็นอันธพาลก็ต้องมีการฟิตร่างกาย เราเลยมีกิจกรรมร่วมกันคือการไปฟิตเนส ชวนกันกินโปรตีนบ้าง ทุกอย่างมันเลยดูง่ายไปหมด ที่สำคัญเรามีพี่นายเป็นพี่ใหญ่ เทกแคร์น้องตลอด

     เทศน์: ทุกคนคิดว่าพวกเราสนิทกันมาหลายปีแต่จริงๆ แล้วพวกเราเพิ่งมาสนิทกันแค่เดือนกว่าเอง ผมว่าเป็นมิตรภาพที่ดีมากๆ

     ไดร์ม่อน: ผมเป็นคนที่เข้าหาคนได้ยากมากๆ เป็นอินโทรเวิร์ตมากๆ จนได้มาทำงานโปรเจกต์นี้ ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองปรับตัวได้ง่ายมาก พวกเราต่างคนต่างเข้าหากันและสนิทกันโดยเป็นธรรมชาติ...     

     สามารถตามไปชมแฟชั่นเซ็ตและอ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ ในนิตยสารโว้กปะเทศไทย ฉบับเดือนมิถุนายน 2025 วางแผงแล้วทั่วประเทศ