CELEBRITY
เจาะรันเวย์! รู้ไหมว่าแต่ละแบรนด์ดังมีวิธีการเดินแบบที่แตกต่างกันบนแคตวอล์กการเดินแบบไม่ใช่แค่พรีเซนต์เสื้อผ้าเท่านั้น แต่ต้องสวมจิตวิญญาณของแบรนด์นั้นๆ ลงไปด้วย |
หลัง Lisa วง Blackpink โผล่ไปร่วมเดินโชว์ Celine ในคอลเล็กชั่นฤดูหนาว ปี 2022 ที่มาด้วยกันถึง 2 ลุค งานนี้ทำเอาใครหลายคนออกมาจับผิดกันถ้วนหน้า บ้างว่าทำไมเดินหลังค่อม บ้างว่าทำไมรีบเดินจ้ำเอาๆ หรือแม้กระทั่งว่าเธอดูเดินแบบไม่ค่อยมั่นใจเอาเสียเลย งานนี้ทำเอาแฟนๆ ร้อนใจถึงขั้นต้องออกมาปกป้องถามหาความจริง ถึงได้ถึงบางอ้อกันทุกคนว่าจริงๆ แล้วการเดินแบบนั้นมีหลากหลายวิธีมาก ไม่ใช่แค่นึกอยากจะเดินยักย้ายส่ายสะโพกไปมา หรือไขว้ขาเร็วๆ แบบนางแบบยุค 90s ก็ใช้ได้เหมือนกันหมด เพราะแต่ละแบรนด์เองก็มีกลิ่นอายและสไตล์ที่แตกต่างกัน การเดินแบบเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ใช้ร่างกายในการพรีเซนต์เสื้อผ้า ดังนั้นก็ต้องสัมพันธ์ไปกับคาแร็กเตอร์ของแบรนด์นั้นๆ ด้วยเช่นกัน
การเดินคือส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างภาพจำบนรันเวย์ ดังนั้นการเดินแบบไม่ได้สำคัญแค่ดวงตาที่ต้องโฟกัสและไม่วอกแวก แต่การก้าวขาคือหลักใหญ่ใจความ นางแบบที่เดินได้ดีต้องมีลีลา สีสัน และท่วงท่าเป็นของตัวเอง แล้วจึงค่อยไปปรับลดหรือเพิ่มเติมแต่งกับแบรนด์ที่จะเดินเอาอีกที เพื่อให้สมดุลและส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ นางแบบอย่าง Anok Yai เองยังบอกว่าการเดินนั้นต้องใส่คาแร็กเตอร์ของแบรนด์และความเป็นตัวเองลงไปพร้อมๆ กัน
Loic Prigent ยูทูบเบอร์ชาวฝรั่งเศสคนดังลงพื้นที่ไปยังเบื้องหลังรันเวย์ ตามไปสอดส่องวิธีการเดินของเหล่านางแบบหัวกะทิ พร้อมพบว่าพวกเธอจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปด้วยเสมอ เริ่มที่ Adut Akech เรียกว่าถอดแบบซูเปอร์โมเดล Naomi Campbell แบบเชื้อไม่ทิ้งแถว แม้เธอจะไม่ได้ทิ้งน้ำหนักที่สะโพกเยอะแบบนาโอมิ แต่มีการสะบัดแขนไปมาเป็นจังหวะเช่นเดียวกัน ต่อกันที่ Bella Hadid เธอจะเดินไปข้างหน้าด้วยการทอดตัวช่วงบนไปด้านหลังน้อยๆ แล้วให้ช่วงขาเดินนำพร้อมด้วยสายตาคมกริบที่เคร่งขรึม ในขณะที่ Mica Arganaraz คาแร็กเตอร์ของเธอคือเดินสะบัดไหล่แทนที่จะสะบัดแขน เดินแบบมีจุดหมายปลายทางมากกว่าเดินเรื่อยๆ บนท้องถนน
ยูทูบเบอร์คนนี้ยังตามไปขอความเห็นนางแบบคนอื่นๆ ว่าถ้าพูดเรื่องการเดินแล้วใครคือที่สุดบนรันเวย์ และแน่นอนว่าชื่อก็ออกมาสองเสียงแบบที่ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดไว้ คนแรกคือ Carla Bruni เพราะเธอสามารถเล่าเรื่องราวของเสื้อผ้าผ่านท่าทางการเดินของเธอได้ การเดินของคาร์ล่าจะผสมผสานการแสดงเข้าไปด้วยหน่อยๆ และเดินเหมือนเธอเป็นคนออกแบบเสื้อผ้าด้วยตัวเองที่เข้าใจคาแร็กเตอร์ของมันเป็นอย่างดี คนที่สองแน่นอนว่าต้องเป็น Naomi Campbell การเดินอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เสื้อผ้าทุกชิ้นที่เธอสวมดูมีชีวิตและจิตวิญญาณ ในอดีตเธอจะเดินทิ้งสะโพกแบบมีลีลาเหมือนแม่เสือสาว ท่วงท่าชัดเจน แขนไกวแกว่งไปมา และขาสับแบบฉับๆ แต่ในปัจจุบันเธอผ่อนการเดินลง ทิ้งจังหวะนวยนาดมากขึ้น ดูผ่อนคลาย แต่แน่นอนว่ายังไม่ทิ้งลีลาเด่นชัดในสไตล์นาโอมิไป
ภาพ: Vogue UK
Loic ตามไปกันต่อถึงสำนักงาน Elite Models Paris เพื่อพบกับ Evane Boulanger หัวหน้าทีมสอนนางแบบหน้าใหม่ในการเดิน โดยเขาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าการเดินแบบนอกจากคาแร็กเตอร์ของแต่ละคนแล้ว แต่ละแบรนด์เองก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่เหล่านางแบบจำเป็นต้องไปปรับให้เข้ากันอีกที เขาเล่าว่าบางแบรนด์มีการเดินที่ตายตัวมากๆ และต้องเดินในลักษณะนี้เท่านั้น แต่บางแบรนด์ก็ไม่ได้เข้มงวดจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Louis Vuitton การเดินแบบจะต้องดูมีความแข็งแรง มัสคิวลีน และกระฉับกระเฉง ด้วยแบรนด์วิตตองมีรากฐานมาจากการท่องเที่ยว จึงต้องนำเสนอเรื่องความคล่องตัวยามเดินบนรันเวย์ได้ดี
Chanel จะติดภาพคุณหนูลูกผู้ดี การเดินแบบจะนวยนาด เหมือนกำลังเดินไปมาบนท้องถนนสุดหรูในฝรั่งเศส เราถึงได้เห็นบนรันเวย์ชาเนลมักจะมีการจับเป็นคู่เดินควงแขนเลียบๆ มองๆ ไปมา สำหรับแบรนด์ Versace แล้วคือภาพลักษณ์ความก๋ากั่นทันสมัย การเดินแบบจึงต้องไขว้ขาสับไวและส่ายสะโพกไปมาพอสมควร มีความเซ็กซี่แบบสาวมั่นและเน้นการเดินแบบยุค 90s ในขณะที่แบรนด์ Valentino มักจะเน้นดีไซน์เสื้อผ้าแบบกรุยกราย ผ้าพลิ้วไหว เดรสยาวผ้าชีฟอง การเดินแบบจึงมีลักษณะเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชาย ดูสูงศักดิ์สง่างาม ก้าวขาสั้นแต่เนิบช้าเป็นจังหวะ
WATCH
ภาพ: Vogue UK
ก้าวมาถึงแบรนด์ที่ลิซ่าเป็น Global Ambassador ให้อย่าง Celine บ้าง ภาพลักษณ์ของแบรนด์หลัง Hedi Slimane ก้าวเข้ามานั้น เขาปรับให้มีความเท่และร็อกแอนด์โรลมากขึ้น ดังนั้นการเดินแบบบนรันเวย์ของแบรนด์นี้จึงมีความคูลๆ ร็อกๆ ติดหลังจะค่อมนิดๆ ไม่ไขว้ขาเหมือนเดินแบรนด์อื่น แต่จะเดินดุ่มๆ ราวกับรีบจ้ำเท้าให้จบๆ และเก็บมือก็จะเก็บอยู่ในกระเป๋าดูเท่ๆ จากทั้งหมดทั้งมวลนี้เองจึงลงความเห็นได้ว่า การเดินแบบคือศิลปะรูปแบบหนึ่ง เหล่านางแบบเองรับหน้าที่เป็นศิลปิน ศิลปินที่ต้องสร้างผลงานก็คือท่วงท่าการเดินให้มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และผสานเข้ากับโจทย์ก็คือคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ที่ได้รับมา เพื่อสร้างภาพจำที่กลมกล่อมโดยผสมผสานทั้งตัวตนของคนเดินและตัวตนของแบรนด์
ข้อมูล : Loic Prigent, Elite Models Paris
WATCH