ยังคงเป็นประเด็นร้อนให้ได้พูดถึงตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา สำหรับการปิดดีลทวิตเตอร์ พร้อมขึ้นเป็น CEO กุมอำนาจเบ็ดเสร็จคนใหม่ล่าสุดของ Elon Musk ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังส่งผลกระทบในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารงาน ที่อีลอนตัดสินใจไล่คณะบริหารเก่าออกเกลี้ยงบอร์ด หรือล่าสุดที่มีกระแสข่าวว่า อีลอนไล่ทีม Human Rights ที่ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนบนโลกทวิตเตอร์ออกจนหมด สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับผู้ใช้จำนวนมาก จนแห่กันออกมาประกาศปิดบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเองจำนวนมากภายในระยะเวลาไม่กี่วันมานี้

     หนึ่งในนั้นคือนางแบบสาวชื่อดังแห่งยุคอย่าง Gigi Hadid ที่ออกมาประกาศปิดบัญชีทวิตเตอร์ของเธอด้วยเช่นกัน โดยเธอให้เหตุผลว่า 'ทวิตเตอร์กลายเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของอคติและความเกลียดชังมานานแล้ว โดยเฉพาะภายใต้การดูแลครั้งใหม่นี้ ที่ฉันไม่อยากมีส่วนร่วมบนพื้นที่นี้อีกแล้ว ฉันรู้สึกเสียใจกับแฟนคลับที่ฉันพูดคุยกันมานานกว่า 10 ปี แต่ว่าฉันไม่อาจพูดได้ว่ามันเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคน'

     (ตามไปอ่านเรื่องราวการปิดดีลทวิตเตอร์ของ Elon Musk ได้ที่ Elon Musk ปิดดีล Twitter พร้อมขึ้นเป็น CEO คนใหม่แล้วอย่างเป็นทางการ!)

     ทั้งนี้อดีตรองประธานทวิตเตอร์ในพื้นที่ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ยังได้ออกมาระบุถึงวิถีการทำงานบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ของผู้บริหารคนใหม่ว่า เขารู้สึกเศร้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในทวิตเตอร์ และเขายืนยันที่จะลบบัญชีทวิตเตอร์โดยไม่ลังเล หากว่ามีตัวเลือกแพลตฟอร์มอื่นที่ดีกว่า โดยเขายังได้วิพากษ์วิจารณ์แผนการดำเนินงานของอีลอน ที่ประกาศจะเรียกเก็บเงินผู้ใช้มูลค่า 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน เพื่อตรวจสอบยืนยันเครื่องหมายสีน้ำเงินอีกด้วยว่า แผนการดังกล่าวไม่ใช่เพื่อความเท่าเทียมแต่อย่างใด ทว่าเป็นไปเพื่อเงินในกระเป๋าล้วนๆ  

     อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจอีกอย่างคือ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายรายยังมีการขู่ว่าตนจะถอนตัวออกจากแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งมีตัวเลขที่สื่อ The Observer ได้ยืนยันแล้วว่า การลงชื่อสมัครเข้าใช้แพลตฟอร์มทางเลือกอื่น นอกเหนือไปจากทวิตเตอร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพลตฟอร์มใหม่มาแรงอย่าง มาสโตดอน ซึ่งเป็นเครือข่ายโซเชียลมีเดียที่มีการกระจายอำนาจ และยังถูกขนานนามว่าเป็นแพลตฟอร์มทางเลือกแทนทวิตเตอร์อีกด้วย