CELEBRITY

อัพเดตทุกเรื่องในวงการหนัง! พร้อมเช็คลิสต์หนัง 5 เรื่องสุดเข้มข้นที่ดูไปเครียดไป

เมื่อการดูหนังในที่นี้ไม่ได้ทำเพื่อผ่อนคลาย หากแต่เป็นการเค้นอารมณ์ที่ฝังลึกในจิตใต้สำนึกให้ทะลักอย่างเลี่ยงไม่ได้

เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีวันหยุดมากที่สุดตลอดปี ใครที่กำลังวางแผนจะตัดขาดจากโลกภายนอกและฝังตัวเองลงบนเตียงนุ่มๆ ตลอด 5 วันเต็ม อย่าลืมมาอัพเดตทุกเรื่องราวในวงการหนังขณะนี้กับโว้ก แล้วค่อยๆ ไล่ดูไปทีละเรื่อง ไม่ต้องรีบเพราะหนังเหล่านี้จะทำให้คุณเครียดหนักยิ่งกว่าวันทำงานเสียอีก 

 

“ถ้าหล่อนเป็นสาวสวยหุ่นดี ผมอยากเห็นหล่อนถูกฆ่ามากกว่าจะเห็นพวกขี้เหร่หรือผู้ชายโดนฆ่าตาย” วรรคทองคายจากปาก Dario Argento เจ้าพ่อหนังสยองขวัญชาวอิตาลี อธิบายสูตรสำเร็จของหนังหวีดหนังประเภทเดียวที่ผู้หญิงครองพื้นที่มากกว่าผู้ชาย ซึ่งมีสถิติรับรองจากการสำรวจ GD-IQ (Geena Davis Inclusion Quotient) จัดทำโดย Geena Davis Institute ซึ่งอุตส่าห์นั่งนับวินาทีการปรากฏตัวและบทพูดของนักแสดงหญิงในหนัง Jodie Foster หัวใจแทบหยุดเต้นในฉากที่ Hannibal Lecter พยายามจะ “ชิม” เนื้อของเธอผ่านลูกกรงใน The Silence of the Lambs ส่วน Neve Campbell สติแตกวิ่งขึ้น ชั้น 2 แทนที่จะวิ่งออกทางประตูตอนไอ้โม่งดอดเข้ามาทำสยองใน Scream และ Nicole Kidman ผวากับเงามืดตามซอกหลืบบ้านตัวเองใน The Others

 

พวกเธอคือ “The Final Girl” คำเรียกขานของ Carol J. Clover จากหนังสือ Men, Women, and Chain Saws ที่บอกว่าผู้หญิงอ่อนแอ บอบบาง ขวัญอ่อน และกรี๊ดเก่งอย่างน่ารำคาญ แต่ทำให้คนดู มีพัฒนาการทางอารมณ์ จากความเพลิดเพลินที่ได้เห็นการฆ่าปนเปกับความเห็นใจ โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่เป็นกลุ่มคนดูใหญ่สุดของหนังสยองขวัญซึ่ง เอาตัวเองไปแทนที่เหยื่อ ก่อนจะทึ่งว่าเหยื่อสาว รายสุดท้ายนี้ ในท้ายที่สุดก็ยืนหยัดเป็นผู้รอดชีวิต หนังสยองขวัญยังเป็นหนังเดตชั้นเยี่ยม ทุกซัมเมอร์จึงมีโปรแกรมหนังหวีดให้คู่เดตผวา จับมือ แต่หนังสยองขวัญแนว Slasher Movie “หนังประเภทสาววัยรุ่นผมบลอนด์ (สไตล์เชียร์ลีดเดอร์) วิ่งหนีฆาตกรต่อเนื่องสุดจิต” เริ่มเปลี่ยนเป็นภาพผู้หญิงวัยทำงานหรือมนุษย์แม่ช่างหลอนขึ้นทุกที แบบในหนังเหล่านี้เป็นต้น

 

Hereditary

 

ตั้งแต่เปิดตัวที่ซันแดนซ์เมื่อเดือนมกราคม ยังไม่มีนักวิจารณ์หน้าไหนบอกว่าหนังเรื่องนี้ห่วย เว็บไซต์ Rotten Tomatoes ให้คะแนนเต็ม 100 ได้ชื่อว่าเป็นหนังเฮี้ยนที่สุดแห่งปี 2018 และคำชมที่ดีที่สุดคือเป็น The New Exorcist/Rosemary’s Baby แห่งศตวรรษที่ 21 Toni Colette ในบทคุณแม่ศิลปิน วันหนึ่งหลังงานศพของมารดา ลูกสาวคนเล็กก็เห็นคุณยายปรากฏตัวกลางเปลวไฟในเตาผิง ออร์เดิฟวร์ เบาๆ ก่อนเมนคอร์สชวนหวีดชุดใหญ่


Unsane

 

Steven Soderbergh ใช้ iPhone 7 Plus ถ่ายจ่อหน้า Claire Foy ทั้งเรื่อง นับว่าเหมาะกับหนังสยองขวัญล้อเลียนชีวิตคลั่งเทคโนโลยีของคนยุคใหม่ แคลร์รับบทเวิร์กกิ้งเกิร์ลที่เดตหนุ่มจาก Tinder เฟซไทม์กับครอบครัว และหางตาเหมือนจะเห็น ใครสักคนแว่บๆ อยู่ตลอดเวลา

 

A Quiet Place

 

เมื่อ John Krasinski ริทำหนัง ก็จับภรรยา Emily Blunt มาหวีดแบบห้ามมีเสียง แต่กรี๊ดเป็นภาษาใบ้สุดฤทธิ์เพราะ “ถ้าทำเสียงดัง มันจะตามล่าคุณ” มันในที่นี้ไม่แน่ชัดว่าเป็นคน สัตว์ ผี...หรือผัว

 

A Fantastic Woman

 

Marina เป็นสาวเสิร์ฟและนักร้องในเลานจ์ ทุกคืน Orlando แฟนหนุ่มวัยแก่กว่า 2 ทศวรรษจะมารับพาเธอไปกินข้าวและถามว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง รักต่างวัยนี้ช่างอ่อนหวาน แต่แล้วกลับจบลงกะทันหันเมื่อชายคนรักหยุดหายใจ ยังไม่ทันได้เศร้าใจ เธอก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถูกไล่ออกจากห้องที่เคยอยู่กับคนรัก โดนยึดแม้กระทั่งหมาของเธอกับเขา ภรรยาเก่าตามมาตอกหน้าว่า “เวลาฉันเห็นเธอ ฉันไม่รู้ว่าฉันเห็นตัวอะไร” และตำรวจยืนยันว่าจะเรียกชื่อตามบัตรประชาชนของเธอว่า Daniel ออสการ์เคยยกตุ๊กตาทองให้ Hilary Swank นักแสดงหญิงแท้ที่รับบททรานส์แมนใน Boys Don’t Cry และยอมให้ Feli- city Huffman เข้าชิงจาก Transamerica ก็จริง แต่ A Fantastic Woman ซึ่งเป็นตัวแทนจากชิลีในสาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมในปีนี้ Daniela Vega นักแสดงหญิงข้ามเพศตัวจริงกลับก้าวไปไม่ถึงจุดนั้น อย่างไรก็ดีเธอได้รับคำชมว่าทำได้ เกินกว่าคำว่า “ดีงาม” ในบททรานส์ผู้ผ่านการเหยียดหยามมาอย่างโชกโชน

 

Feelin’ Pretty in size 12

 

จะเป็นอย่างไรถ้าผู้หญิงทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นซูเปอร์โมเดล Renee สาวใสไซซ์ 12 หรือ 42 หรือ L ขมีขมันเข้าฟิตเนสเพื่อรีดน้ำหนักให้เท่ากับซูเปอร์โมเดลตัวจริง (FYI Gisele Bündchen หุ่นไซซ์ 4) กระทั่ง ณ ขณะเข้าคลาสสปินนิ่ง ปั่นจักรยานอัจฉริยะที่ SoulCycle อุบัติเหตุเข้ามาทักทาย เป็นเหตุให้เธอตกจักรยานหัวจูบพื้น และเมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมาเห็นตัวเองในกระจกก็ มโนว่า “ฉันดูเหมือนเดิมเด๊ะ แต่ในหัวฉันคือจีเซลล์ ฉันคือหนึ่งในสาวๆ Jenner-Kardashian เกิด เจิด เชิด” คิดได้ดังนั้นก็ไปสมัครงานใหม่ และงานที่ใช่ของ สาวไซซ์ 12 คือทำอะไรสักอย่างในนิตยสารแฟชั่นชั้นนำของโลก ซึ่งมีกองบรรณาธิการดีกรีความเก๋ระดับ 8½ ได้แก่ Lauren Hutton, Naomi Campbell และ Michelle Williams ซึ่งหล่อนโปรยวาทะเด็ดจนได้งานทำว่า “อาชีพนางแบบก็เป็นตัวเลือกหนึ่งของฉันนะคะ แต่แบบ... มันไม่ได้บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงอะค่ะ” ผู้หญิงน้อยคนจะหาญกล้าพูดประโยคนี้ และหนึ่งในน้อยคนนั้นก็คือ Amy Schumer ผู้เคยสบตากับ Anna Wintour บนชั้น 26 ตึก One World Trade Center มาแล้ว ใน I Feel Pretty เอมี่เฉลยพลอตกันไปเลยว่าอยากเชิญชวนให้ผู้หญิงมองรูปร่างตัวเองในแง่บวก ต่อให้ต้นขาเท่าต้นกล้วยก็ใส่มันเข้าไปเหอะ กระโปรงสั้นกุด หน้าท้องเสริมเซลลูไลต์ ถ้าอึดอัดกับ Spanx นักก็อย่าใส่มันเลย! อุตส่าห์วางตัวเป็นหนังฟีลกู๊ด แต่ I Feel Pretty กลับทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นสนามเพลาะแห่งโลกโซเชียลที่ผู้หญิงฟาดฟันกันเอง ทั้งจาก Team Amy ที่เชิดชูเมสเสจ #BodyPositive ของหนังและฝ่ายที่มองว่าผู้หญิงต้องสมองเสื่อมก่อนหรือไรจึงมองเห็นความงามในตัวเองได้ อย่างน้อยหนังตลกที่ไม่ตลกสำหรับบางคนเรื่องนี้ก็ใช้อานุภาพของหนังคอมมิดี้ มาเปิดบทสนทนาเรื่องร้อนในสังคมได้ก็แล้วกัน 

 

The Death of Hong Kong Films

 

กาลครั้งหนึ่งในปี 2004 ทีมผู้จัดงาน บายเออร์ นักวิจารณ์ และผู้ชม ทั้งเทศกาลหนังเมืองคานส์ยอมปรับตารางชีวิตเพื่อรอชมหนัง 2046 ของหว่องการ์ไว ในช่วงปี 1980-1990 มีหนังฮ่องกงให้ดูปีละ 400 เรื่อง นับเป็นอุตสาหกรรมหนังยักษ์ใหญ่เป็นรองแค่ฮอลลีวู้ดและบอลลีวู้ด จนได้สมญานามว่า Hollywood East ส่วนนักแสดงอย่างเหลียงเฉาเหว่ย จางม่านอวี้และหลิวเต๋อหัวไม่ต่างอะไรจากเทพ แต่หลังจากอังกฤษคืนฮ่องกงให้จีนในปี 1997 โรคซาร์ระบาดในปี 2002 และเศรษฐกิจตกต่ำ สถานการณ์วงการหนังฮ่องกงก็สูสีกับวงการหนังไทย มีหนังเข้าโรงฉายแค่ปีละหลักสิบ ส่วนใหญ่เป็นหนังอาร์ตเฮาส์ ขณะที่ผู้กำกับและนักแสดงหันไปทำหนังร่วมทุนกับจีน ทำตามเงื่อนไขที่ต้องส่งบทหนังให้กองเซ็นเซอร์ตรวจก่อน ซึ่งแปลว่าคนทำหนังชาวฮ่องกงยอมถูกควบคุมโดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์

 

 

เดือนเมษายน 2018 ครบรอบ 101 ปีวงการหนังฮ่องกง เป็นวาระพิเศษที่จะหวนรำลึกถึง A Better Tomorrow หรือชื่อไทยแสนไอคอนิกว่า โหด เลว ดี หนังที่ติดอันดับ 2 ของหนังพูดภาษาจีนที่ดีที่สุด 100 เรื่อง หนังแมนๆ ในปี 1986 เรื่องนี้อัดแน่นด้วยนักแสดงชายระดับตำนานของเอเชีย ทั้งโจวเหวินฟะ ตี้หลุง และเลสลี่ จางผู้ลาโลกไปในเดือนเมษายน 2003 จากชั้น 24 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนทัล ฮ่องกงด้วยโรคซึมเศร้า หนังยังส่งให้ John Woo กลายเป็นผู้กำกับบิ๊กเนมในฮอลลีวู้ดช่วงหนึ่ง (Face/Off และ Mission: Impossible II) คนไทยคุ้นเคยกับชื่อ “ฉีเคอะ” ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างและหนังยังเป็นไบเบิลของหนังแนวยิงล้างบางชิงไหวพริบหักเหลี่ยมระหว่างตำรวจ-ผู้ร้าย-เพื่อนรักในยุคต่อมา ทั้งหนังฮ่องกงเองอย่าง Infernal Affairs จนถึง Natural Born Killers ของ Oliver Stone, Reservoir Dogs ของ Quentin Tarantino และ Leon ของ Luc Besson เวอร์ชั่นใหม่ใช้ชื่อว่า A Better Tomorrow 2018 เพื่อบูชาหนังที่เป็นเพชรยอดมงกุฎของวงการหนังฮ่องกงเรื่องนี้ นำแสดงโดยนักแสดงยอดนิยมชาวจีน หวังข่ายในบทเดิมของตี้หลุง หม่าเทียนหยูในบทเดิมของเลสลี่ จาง และ หวังต้าลู่สวมบทที่โจวเหวินฟะเคยแสดงไว้ และทำให้แว่นดำเรย์แบนขาดตลาดในสัปดาห์แรกที่หนังเข้าฉาย ปรากฏการณ์เช่นในยุคทองของหนังฮ่องกงจะหวนกลับคืนมาได้อีกหรือไม่ หวังต่อไปเพื่อ A Better Tomorrow

 

Battleship Potemkin

 

นักเรียนฟิล์มทุกคนต้องเคยดู Odessa Steps ฉากม็อบชุลมุนเหยียบกันตายบนบันได ใน Battleship Potemkin หนังเงียบขาวดำปี 1925 ของ Sergei Eisenstein aka บิดาแห่งมอนทาจ ซึ่งกล่าวอย่างง่ายคือการเรียงชอตต่อกัน ตัดชอตนั้นมาต่อชอตนี้ เพื่อเร้าอารมณ์ให้น่าสนใจกว่า แช่ภาพไว้เฉยๆ เนิบๆ ตั้งแต่ออกฉายเมื่อ 93 ปีก่อน Battleship Potemkin ไม่เคยหลุดโผหนังยอดเยี่ยมตลอดกาลไม่ว่าสำนักไหนๆ มันคือหนังที่กลายเป็นบทเรียน Filmmaking 101 เป็นหนังที่ทำให้คนธรรมดาฝันอยากเป็นคนทำหนัง จนโลกมี ผู้กำกับมือทองอย่าง Orson Wells, Billy Wilder และ Michael Mann ทั้งยังเป็นหนังฝังใจของเผด็จการที่ไม่อยากเห็นชนชั้นใต้ปกครองลุกฮือต่อต้านอำนาจรัฐ Battleship Potemkin กับช่วงเวลานี้ของโลกก็เหมาะสมกันดี สมัยที่เทคโนโลยียังบันทึกเสียงซาวด์ออนฟิล์มไม่ได้ วงดนตรีต้องมาตั้งวงเล่นสดประกอบการฉายหนังเงียบ แต่ Yoko Ono ประธานจัดงาน Meltdown Festival 2013 จัดแจงใช้สกอร์ของ Pet Shop Boys มาซิงก์กับภาพในหนังเป็นครั้งแรก ดีกรีความฮึกเหิมเพิ่มขึ้นอีกหลายขีด ชมและฟัง Battleship Potemkin แบบมีสกอร์ของดูโอ Neil Tennant และ Chris Lowe เป็นครั้งแรกในประเทศไทยกัน ได้ในเดือนนี้ที่ Bangkok Screening Room

 

เรื่อง: สุภักดิภา พูลทรัพย์

WATCH

TAGS : Movie Culture Film