CELEBRITY

ปิดฉาก 9x9 จบโปรเจกต์แล้วหนุ่มๆ ทั้ง 9 คนจะทำอะไรต่อ...

9by9th: When the light go down…

คำบอกเล่าสุดท้ายของ 9 หนุ่มจากโปรเจกต์แห่งปี 9x9 ที่จบโปรเจกต์ด้วยคอนเสิร์ตใหญ่ที่รวบรวมเอาทุกความทรงจำมาไว้ด้วยกัน พวกเขานั่งเปิดใจกับโว้กไทยแลนด์ในวันสุดท้ายที่แสงกำลังจะลับเลือนไป พร้อมๆ กับความหวังใหม่ๆ ที่กำลังลุกโชนอยู่ในใจของพวกเขาทุกคน

 

The Futuristic-Jaylerr - กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม

ไม่ต้องแปลกใจไปถ้าหลังจากนี้เราจะได้เห็นเจเจหรือเจเลอร์ที่หลายคนเรียกกันจนติดปาก ในฐานะของศิลปินนักร้องคนใหม่หลังจากที่โปรเจกต์ 9x9 จบลง “ผมอยากพักงานแสดงไปทำงานเพลง เพราะรู้สึกว่าผมมีความสุขมากตอนร้องเพลงและฟังเพลง มีความสุขกว่าตอนแสดงบทบาทใดบทบาทหนึ่ง ถ้าได้ทำเพลงของตัวเองในแนวที่เป็นตัวเราเองมากๆ ที่เราชอบมากๆ มันน่าจะเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากๆ” หนุ่มหล่อหน้าตี๋ที่หลายคนยกย่องให้เป็นเจ้าพ่อแฟชั่นคนหนึ่งของวงการบันเทิงไทย เปิดใจสำหรับคำถามเรื่องอนาคตหลังเดือนมีนาคม “ผมคาดหวังมากกับโปรเจกต์นี้ เป็นสิ่งที่เราฝันว่าอยากทำแต่ไม่มีโอกาสได้ทำสักที พอเราได้มาอยู่จุดนี้ก็มีสิ่งที่ตรงและไม่ตรงกับที่เราคิดไว้ ซึ่งเป็นผลดีกับเรา ทำให้ได้ฝึกรับมือกับปัญหาต่างๆ พอโปรเจกต์เริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้นๆ ความหวังก็มาเองโดยอัตโนมัติ แล้วความคาดหวังก็ทำลายผม พอทุกคนฝึกหนัก ทำงานหนัก ถูกพูดถึงเยอะ ก็ยิ่งกระตุ้นเรา สุขภาพเริ่มเป๋ๆ สุขภาพจิตก็แย่ สุขภาพกายก็ไม่รอด แต่มันดีที่ได้ฝึกตัวเอง พอจบโปรเจกต์นี้ทุกคนคงโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าตอนแรกที่เข้ามาแน่นอน” หนุ่มแร็ปคนเก่งของโปรเจกต์พูดถึงความตั้งใจของเขา “มันมีสิ่งที่เราอยากทำให้แฟนๆ เพิ่มมากขึ้นครับ ตอนแรกมีการวางแผนชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง ในระหว่างโปรเจกต์เราต้องซ้อม มีงานเปิดตัว มีละคร แต่พอทุกอย่างเริ่มถูกปล่อยออกไปแล้วทุกคนให้การตอบรับที่ดีมาก เราเลยอยากทำอะไรที่มากกว่าที่เตรียมไว้ อย่างเช่นงาน Into the Light with You ที่เป็นการโชว์ครั้งแรกของพวกเราร่วมกับแฟนคลับ 1,500 คนแล้วที่เต็มหมด มันเลยเหมือนกับว่าเรากับแฟนคลับไปด้วยกัน ทำให้เราได้ทำอะไรร่วมกันมากกว่าที่เราบอกไว้ตั้งแต่แรกอีก”

 

The Reality Boy-Ryu - วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์

“ผมคิดว่ากำลังทำงานศิลปะ แล้วก็ตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด รู้สึกดีใจที่ผลตอบรับออกมาดี ถือว่าเกินคาด” หนุ่มหน้าตาทะเล้นที่มาพร้อมรอยยิ้มสดใสบอกกับเราอย่างจริงจัง ขัดกับบุคลิกซุกซนแบบเด็กๆ บนรูปร่างสูงใหญ่ตามสไตล์หนุ่มนักกีฬาปิงปองทีมชาติไทย ริวเป็นนักแสดงในสังกัดของช่อง 3 แต่กลับได้รับคัดเลือกเข้ามาทำงานในโปรเจกต์ 9x9 เป็นที่แรก ประเดิมด้วยบทหนุ่มน้อยขี้เล่นผู้มองโลกสวยสดใส และพร้อมที่จะแย่งซีนขโมยความเด่นด้วยรอยยิ้มจริงใจ “หลังจากที่มีผลงานออกไปทั้งละครและงานเพลง รวมถึงการเดินสายคอนเสิร์ต ริวรู้เลยว่าสิ่งสำคัญจริงๆ ที่เราต้องดูแลให้มากที่สุดคือ ร่างกาย เพราะพวกเราทำงานกันหนักมาก” คำตอบจากหนุ่มผู้รักสุขภาพเมื่อถูกถามถึงสิ่งสำคัญที่เขาได้เรียนรู้จากการทำงานในโปรเจกต์นี้ “สำหรับเรื่องความรู้สึก ผมดีใจมากที่กระแสตอบรับดีทั้งละครและเพลง พอได้จับไมค์จริงบนเวทีมันเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน ความรักจากแฟนคลับช่วยเติมเต็มกำลังใจให้เรา ทำให้เรารู้สึกดีมากๆ 3 นาทีบนเวทีมันเร็วมาก อยากจะอยู่บนนั้นต่อไปเรื่อยๆ” ในฐานะของ Sub-vocal แห่งโปรเจกต์ 9x9 นี่อาจจะเป็นโอกาสแรกและโอกาสเดียวที่จะได้ฟังเสียงร้องของเขาแบบเต็มๆ เพราะในฐานะของนักแสดงแห่งช่องน้อยสี งานละครน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางที่แท้จริงที่กำลังรอเขาอยู่ “ผมคิดว่าทุกคนต้องเติบโตไปในทางของตัวเองอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโปรเจกต์นี้จะจบลง แต่เวลาพวกเรากลับมารวมตัวกัน มันก็คือ 9x9 อยู่ดี ถึงผมจะมีแพลนงานกับทางช่อง 3 ซึ่งก็คงมีงานละครตามมาก็ตาม”

 

The Lucky Boy-Jackie - จักริน กังวานเกียรติชัย

จากหนุ่มน้อยหน้านิ่ง พูดน้อย แต่ยิ้มแล้วโลกสดใสในวันแรกที่เราเจอเขา มาวันนี้แจ๊คกี้หรือที่หลายๆ คนเรียกจนติดปากว่า เต้ย จากบทที่เขาได้รับในละครดังแห่งปี เลือดข้นคนจาง กลายเป็นหนุ่มที่มีพัฒนาการมากที่สุดคนหนึ่งทั้งในเรื่องการแสดง การร้องเพลง รวมไปถึงการพูดคุยด้วย “รู้สึกชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีผลงานอะไรเลย ไม่ว่าดนตรีหรือการแสดง มันเป็นอีกมุมหนึ่งของการใช้ชีวิตเป็นศิลปิน ทำให้เรารู้ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างไร ดูแลสุขภาพอย่างไรต่อไป” เขาเล่าถึงงานเพลง เป็นที่รู้กันดีในหมู่แฟนๆ ของเขาว่าแจ๊คกี้ในฐานะของ Lead vocal หรือนักร้องนำแห่งโปรเจกต์ 9x9 คนนี้มีดีมากกว่าในการแสดงที่เซอร์ไพรส์ทุกคน รวมไปถึงตัวเขาเองด้วยซ้ำ “ผมไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ แค่รู้สึกว่าเราต้องทำให้เต็มที่และดีที่สุดของเราก็พอ ต้องให้เครดิตคนที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งคุณครูที่สอนการแสดง การร้องเพลง การเต้น พี่ๆ ทีมงานทั้งหมดที่สอนไปจนถึงการใช้ชีวิตในวงการ” น้องเล็กสุดในโปรเจกต์เล่า “เรารู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งแฟนคลับอาจจะเข้าๆ ออกๆ เราต้องทำตัวเองให้ดีที่สุด ตัวผมเองไม่ได้เจาะจงแพลนอะไร รู้แค่ว่ายังอยากทำเพลงเดี่ยวของตัวเอง ผมคิดว่าเราคงไม่สามารถคาดเดาอนาคตของเราเองได้ เพราะปีที่ผ่านมาหลายอย่างมันเกินความคาดหวังของเราไปแล้ว สิ่งที่ผมคิดก็คือเราจะตั้งใจทำทุกอย่างที่เข้ามาให้ดีมากๆ”

 

The Rapper-Porsche - ศิวกร อดุลสุทธิกุล

จากศิลปินฝึกหัดของค่ายดังและมีผลงานให้แฟนๆ รู้จักมาแล้วก่อนจะหายหน้าไป วันนี้หนุ่มหน้าตี๋กลับมาอีกครั้งในฐานะของ 1 ใน 9 จาก 9x9 “รู้สึกตื่นเต้น เพราะเราคาดหวังเองด้วย ทุกอย่างที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ละครจนถึงงานเพลงกระแสออกมาค่อนข้างดี เราเลยคาดหวังว่าที่เหลือต้องออกมาดีเหมือนกัน” เขาเล่าถึงความคาดหวังที่รอการพิสูจน์อยู่ “การได้มาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้เหมือนได้มาสานความฝันที่ค้างไว้ต่อหลังจากที่เฟลไป ครั้งนี้เป็นความฝันที่ใหญ่กว่าเดิม ทำให้ตัวเรารู้สึกว่าต้องทำให้มากขึ้น ตามเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นด้วย” แน่นอนว่าครั้งนี้เขาได้เรียนทั้งการแสดง เสริมการร้องและเต้นที่ถนัดอยู่แล้ว “มันเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่พวกเราทั้งหมดต้องเจอร่วมกัน อะไรจะมาพวกเราก็พร้อมจะลุยไปด้วยกัน ไม่ว่าจะแลกกับอะไร พวกเราก็พร้อมจะทำให้ดีที่สุด”

 

The Third Element-Third - ลภัส งามเชวง

“เราไม่ได้คาดว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบนี้ แค่พยายามตั้งใจทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ดีใจที่ทุกคนให้ความสนใจเรามากขนาดนี้” เติร์ดหนุ่มน้อยร่างเล็กกล่าวถึงโอกาสที่ 2 ที่เขาได้รับจาก 9x9 “ถึงจะเคยล้มลุกคลุกคลานมา มีดีใจบ้างเสียใจบ้าง แต่ความฝันของผมก็ยังเหมือนเดิม ผมยังอยากเป็นศิลปินที่ทำผลงานให้ทุกคนได้ชม เพียงแต่ครั้งนี้มันเป็นความฝันของคนทั้ง 9 คนด้วย” สิ่งสำคัญก็คือการเปิดใจรับความท้าทายทุกอย่างที่เข้ามา “เราเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่จะเข้ามา เราจะตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด แม้ว่าเราจะซ้อมกันมานาน แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันมาเร็วเกินไปจนตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน ตัวเราเองพอเข้ามาทำงานในโปรเจกต์ก็เหมือนกับการเซตซีโร่เหมือนกันนะ คือต้องมาเริ่มต้นกันใหม่หมดทุกด้าน ใครเคยมีประสบการณ์ด้านไหนมาบ้างก็เอามาถ่ายทอดให้อีกคนหนึ่ง เป็นการช่วยกันเรียนรู้อีกแบบ”

 

The Leadership-Jamyjamess - ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ

“มันเปลี่ยนไปเยอะครับ บางคนเริ่มต้นมาจากศูนย์ พอแต่ละคนเริ่มมีพื้นที่เป็นของตัวเองก็เป็นผลดีกับโปรเจกต์ ความเป็นตัวเองของแต่ละคนชัดขึ้น เราเป็น 9 คนที่ไม่ซ้ำกันจริงๆ” คำยืนยันของหัวหน้าโปรเจกต์ร่างเล็กเจมส์ ธีรดนย์ ซึ่งปีที่ผ่านมาเขาต้องรับบทหนักทั้งหน้าที่การงานส่วนตัวและการเป็นลีดเดอร์ให้เพื่อนๆ และน้องๆ อีก 8 ชีวิตด้วย “ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะให้ทั้งชีวิตกับโปรเจกต์นี้ขนาดนี้ แต่พอทุกอย่างมันเริ่มออกไป เราเริ่มถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ เพื่อนๆ 9x9 เป็นมากกว่าเพื่อนไปแล้ว สนิทมากกว่าพี่น้องอีก เราคุยกันบ่อยว่าอยากทำงานให้ดีขึ้น แต่ละคนมีทางที่อยากจะทำมากขึ้น จบโปรเจกต์เมื่อไรคงจะเศร้ามากๆ เหมือนกัน คิดถึงคนที่เราอยู่ด้วย คิดถึงชาวไนท์ที่ติดตามเรา” เจ้าของตำแหน่งว่าที่นักแสดงนำฝ่ายชายจากภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมแห่งปีเปิดใจ “ความคาดหวังของผมเป็นนามธรรมมากเลย ถามว่าตรงไหม มันไม่ได้ตรงขนาดนั้น ทุกอย่างเซอร์ไพรส์หมด พอกระแสมันดีเราก็อยากทำอะไรใหม่ๆ ให้เขาเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่รู้หรอกว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีหรือเปล่า รู้แค่ว่าอยากทำให้แฟนๆ เซอร์ไพรส์ และเราเองก็เซอร์ไพรส์ด้วย รู้สึกว่ามันสนุก พอทุ่มไปเต็มที่แล้วหันหลังกลับไม่ได้ ต้องไปให้สุด จะออกมาดีหรือไม่ดีเราจะเก็บไว้เป็นแรงผลักดันไปจนถึงวันสุดท้าย” หนุ่มหล่อเจ้าของบท “เลิฟ” สาวน้อยในร่างชายจากซีรี่ส์เรื่องล่าสุด Great Men Academy เล่า “ผมเคยคาดหวังสูงมากกับทุกงานที่ทำ แต่ไม่ค่อยเป็นไปตามความคาดหวังเท่าไร บางช่วงนอนไม่ได้เพราะวนคิดอยู่แต่เรื่องพวกนี้ รู้สึกเหนื่อยมากจนอยากเลิกทำ แล้วก็มานั่งถามตัวเอง จริงๆ เราก็ยังไม่อยากหยุดนะ สำหรับผมตอนนี้เหมือนมี 2 ทางคือเป้าหมายหรือชีวิต ผมจะไม่ทำงานแบบขอไปที ถ้าจะอยู่ในวงการนี้จริงๆ ผมต้องเป็นแถวหน้าให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่ทำเลย ด้วยทัศนคติแบบนี้เลยทำให้ผมเหมือนเป็นบ้าตลอดเวลา มันเหนื่อย แต่ก็ยังสู้นะ แค่ไม่รู้ว่าจะสู้ได้ถึงเมื่อไร”

 

The Cool Kid-Ice - พาริส อินทรโกมาลย์สุต

“ดีใจมากครับที่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบและได้รับการตอบรับที่ดีในทุกๆ อย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะมา อะไรที่เราเคยคาดหวังไว้ตอนนี้มันเกินจากที่เราหวังไว้หมดเลย ทำให้ยิ่งตื่นเต้นว่าสิ่งที่จะเข้ามาต่อไปคืออะไร” ไอซ์หรืออาฉีในละคร เลือดข้นคนจาง บอกเล่าถึงประสบการณ์ในวงการบันเทิง “สำหรับผมมันเกินคำว่าประสบความสำเร็จไปแล้ว เกินคาดไปหมดทุกอย่าง เราไม่เคยคิดว่าจะได้พลังงานอะไรแบบนี้เลย ยิ่งกว่าที่เราฝันไว้อีก ผมจะรักษาความตั้งใจของตัวเอง รักษาสกิลต่างๆ รักษามาตรฐานในการทำงานเอาไว้ เราต้องพยายามพัฒนาตัวเองไม่ให้ย่ำอยู่ที่เดิม” ดูเหมือนว่านอกเหนือจากงานแสดงที่เขาเริ่มต้นกับมันได้ดีทีเดียว งานดนตรีก็เป็นอีกหนึ่งความฝันที่ตัวเขาตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำออกมาให้ดีที่สุดเช่นกัน “ผมตื่นเต้นมากกับการขึ้นเวทีครั้งแรกเพื่อเปิดตัวพวกเราในฐานะศิลปินที่ Parc Paragon สั่นไปหมด แต่สักพักความรู้สึกทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดเลย ผมสนุกมาก โล่ง และอิสระ รู้สึกว่าได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด รู้สึกได้ถึงพลังบวกที่ได้มาจากแฟนคลับ ซึ่งเราเองก็อยากจะส่งพลังกลับไปให้พวกเขาเช่นกัน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ โดยเฉพาะตอนที่เปิดตัวออกมาแล้วเห็นป้ายไฟของทุกคน ผมไม่คิดเลยว่าพวกเรามาถึงจุดนี้แล้วจริงๆ” หนุ่มหล่อมาดเท่ที่เล่นกีตาร์ได้ดีไม่แพ้ใครเล่าถึงงานในภาคดนตรี “อัลบั้มของเรา En Route จะมีทั้งหมด 5 เพลง แต่ละเพลงมีธีมของมันซึ่งจะเล่าเกี่ยวกับการเดินทางของเราทั้งหมดตรงตามชื่ออัลบั้ม เพลงแรกเกี่ยวกับความฝัน Dream เพลงที่สองเป็น Passion เพลงที่สามเป็น Broken เพลงที่สี่เป็น Friendship เพลงสุดท้ายเป็น Beginning of the end แต่ละเพลงก็จะมีภาพต่างๆ ออกมาแตกต่างกันไป” เมื่อเราถามถึงอนาคตหลังจากจบโปรเจกต์ 9x9 ดูเหมือนว่าเส้นทางในฐานะศิลปินในวงการบันเทิงไทยของไอซ์ดูจะสดใสและเด่นชัดอยู่ไม่น้อย “ผมมีงานละครต่อครับ โดยส่วนตัวไม่ได้แพลนอะไรไว้ เพราะรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรตามแพลน ชอบอิมโพรไวส์มากกว่า เป็นคนที่ชอบใช้สัญชาตญาณนำ เรารู้แค่ว่าปีนี้จะมีอะไรเข้ามาและเราอยากทำอะไร อยากลองทำในสิ่งที่อยากก่อนแต่ยังไม่ได้ทำ เช่น การมีเพลงเดี่ยวเป็นของตัวเอง ผมมีแต่สิ่งที่อยากทำ แต่ไม่ได้แพลนว่ามันต้องเกิดขึ้นเมื่อไรอย่างไร”

 

The Perfectionist-Tor - ธนภพ ลีรัตนขจร

เจ้าของตำแหน่งดารานำชายยอดเยี่ยมแห่งปี ผู้ที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าวันหนึ่งจะได้เห็นเขาในบทบาทของไอดอลหนุ่ม หนึ่งในศิลปินจากโปรเจกต์ 9x9 “ผมไม่เคยมาอยู่ในโพสิชั่นอะไรแบบนี้มาก่อน มันไม่ได้ใหม่แค่คนที่เขาเคยตามเราอยู่ เราเองก็ใหม่เหมือนกัน แฟนคลับที่เคยตามเรามานานๆ ก็จะไม่ชิน คนใหม่ๆ ที่เข้ามาก็จะมีวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่ง เอาจริงก็คือเราเองก็ใหม่พร้อมคุณเลย มันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้และเราเองก็รู้สึกตื่นเต้นด้วย” เขาบอกถึงความรู้สึกเริ่มแรกที่ได้เข้ามาร่วมโปรเจกต์ใหญ่แห่งปี แน่นอนว่าความใหม่และใหญ่ของโปรเจกต์ย่อมนำมาซึ่งความคาดหวังด้วย “ผมเป็นคนที่ไม่เคยคาดหวังอะไรในการทำงานมาก่อน แต่โปรเจกต์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวเราตั้งแต่แรก แต่เราเลือกที่จะทุ่มเท มันเลยต่างกัน คือจะมีความลุ้น พอลุ้นแล้วก็เลยกลายเป็นความคาดหวัง แต่ผมยังจัดการกับความคาดหวังได้ไม่ดีเพราะผมเพิ่งรู้จักมัน ผมไม่ติดว่ามันจะดีหรือไม่ดี ถ้าออกมาดีก็ดีใจ ถ้าไม่ดีเราก็รู้ว่ามันยังไม่ใช่ แค่นั้นเอง” แต่หลังจากที่รู้จักต่อในฐานะศิลปินนักร้องผู้มีเสียงร้องสูงอันเป็นเอกลักษณ์ เราอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขามีอีกด้านหนึ่งมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ ได้อย่างน่าติดตามทีเดียว “ขอบคุณมากครับที่ทำให้ผมรู้จักพลังบางอย่างที่ผมไม่เคยได้สัมผัส ไม่รู้ว่าวันนี้เราทำให้คุณถูกใจหรือไม่ถูกใจ แต่เราอยากให้คุณรู้ว่าสิ่งที่เราทำมาตลอด เราทำด้วยความรู้สึกจริงๆ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ ทำให้ผมเข้าใจว่าการซัพพอร์ตที่แท้จริงเป็นอย่างไร ผมบอกรักพวกเขาบ่อยมาก จนบางครั้งผมก็กลัวพวกเขาเบื่อเหมือนกัน เอาเป็นว่าพวกเขาน่าจะรู้ว่าผมรักพวกเขามากแค่ไหน”   

 

The Dream Catcher-Captain - ชลธร คงยิ่งยง

ถือเป็นปีแห่งความทรงจำที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างสมบุกสมบันสำหรับหนุ่มที่เคยมีนามสกุลต่อท้ายว่า Love Sick กัปตันสุดหล่อคนนี้สามารถฝ่าคลื่นลมพาตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ได้อย่างน่ายินดี “ผมรู้สึกว่าพวกเราทั้งหมดรับมือกับมันได้ดีมาก เพราะเรามีพี่ๆ ที่อยู่กับเราและเคยผ่านจุดนี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นไม่ว่าน้องๆ อย่างพวกผมจะมีปัญหาอะไรก็จะมีพี่ๆ คอยซัพพอร์ตอยู่ตลอด สามารถปรึกษาพี่ๆ ได้ทุกเรื่อง อย่างเช่นงงๆ ว่าควรทำตัวอย่างไร ก็คอยดูตัวอย่างจากเขาว่าทำตัวอย่างไร แล้วนำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาเป็นประสบการณ์ มาเป็นตัวอย่างเพื่อพัฒนาตัวเอง และทำให้มันถูก ด้วยความที่เรายังเด็กเลยถือว่าโชคดีมากที่มีโอกาสมาเริ่มต้นกับตรงนี้ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเราเปลี่ยนอะไรมากมาย” เมื่อให้เล่าหรือจินตนาการว่าหลังจากจบโปรเจกต์นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เขายิ้มก่อนจะตอบกลับมาอย่างร่าเริงว่า “สนุกแน่นอนครับ ผมยังมีอะไรที่อยากลองทำอีกเยอะแยะ รับรองว่าไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ”

WATCH