รวม 10 น้ำหอมกลิ่นวูดดี้ ให้ความรู้สึกน่าค้นหา สไตล์สาวมั่นและรักอิสระ

Nomade Absolu de Parfum จาก Chloe (ราคา 3,000 บาท / 30 ml)

เป็นน้ำหอมที่ผสมผสานทั้งความอ่อนโยนและความเข้มแข็งเข้าไว้ด้วยกัน จากกลิ่นที่ชัดเจนของโอ๊กมอสผสานกับความหอมหวานของมิราเบล พลัม ปิดท้ายด้วยความสดชื่นของดอกฟรีเชีย เหมาะสำหรับหญิงสาวที่มีความกล้าแสดงออกและรักอิสระ

Top Note : Mirabelle Plum

Middle Notes : Oak Moss และ Davana

Base Notes : Sandalwood และ Musk

Eau des Merveilles จาก Hermès (ราคา 5,900 บาท / 100 ml)

เห็นแค่แพกเกจจิ้งก็พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นกลิ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงพลุที่กระจายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างงดงาม เปิดนำมาด้วยกลิ่นสดชื่นของผลส้ม ตามด้วยความอบอุ่นของกลิ่นแมกไม้นานาชนิดและตัดด้วยกลิ่นสไปซี่อ่อนๆ

Top Notes : Orange, Elemi Resin และ Lemon

Middle Notes : Amber, Pepper, Pink Pepper และ Violet

Base Notes : Fir, Cedar, Madagascar Vetiver และ Oakmoss

A Midnight Stroll จาก Gucci (ราคา 12,400 บาท / 100 ml)

ใครชอบแนวเย้ายวนห้ามพลาดกลิ่นนี้ เพราะเปิดมาด้วยกลิ่นหอมอโรม่าของกำยาน เพิ่มความลึกลับเข้าไปด้วยกลิ่นของไม้เคดรมควัน และกลิ่นจากไม้สนไซเปรสเพื่อพิ่มความสดชื่นให้กลิ่นไม่แรงจนเกินไป

Top Note : Incense

Middle Note : Cade Oil

Base Note : Cypress

Tobacco Mandarin จาก Byredo (ราคาประมาณ 9,000 บาท / 50 ml)

เป็นกลิ่นนุ่มลึกที่นำมาด้วยกลิ่นส้มและเครื่องเทศ โดยถ่ายทอดผ่านกลิ่นของส้มแมนดาริน ผักชี และยี่หร่า เพิ่มความพิเศษด้วยกลิ่นของ Tabacco ที่ให้ความรู้สึกน่าหลงใหลมากกว่าเดิม

เป็นกลิ่นยูนิเซ็กส์ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศ

Top Notes : Cumin, Mandarin Orange และ Coriander

Middle Notes : Tobacco, Leather และ Labdanum

Base Notes : Olibanum, Sandalwood และ Agarwood

Sycomore Eau de Parfum จาก Chanel (ราคา 8,000 บาท / 75 ml)

เป็นชื่อเรียกที่ได้มาจากต้นไม้ใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงความผลิบานในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประกอบด้วยความหอมของกลิ่นเขม่าควันจากเวทิเวอร์ ซีด้าร์และวานิลา ให้ความรู้สึกนุ่มลึกและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

Notes: Vetiver, Cypress, Juniper Spices, Tobacco, Sandalwood, Pink Pepper, Violet และ Aldehydes

Tam Dao Eau de Parfum จาก Diptyque (ราคา 4,900 บาท / 75 ml)

เปิดมาด้วยกลิ่นนุ่มนวลของไม้แซนดัลวู้ด เติมความเย็นสดชื่นเข้าไปด้วยกลิ่นของต้นไซปรัสและดอกเมอเทิล ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในป่าเขาแถบอินโดจีน ซึ่งเป็นความทรงจำวัยเด็กของ Yves Coueslant หนึ่งในผู้ก่อตั้งของ Diptyque นั่นเอง

Notes : Sandalwood, Cedar, Amberwood, Coriander, Vanilla, Musk, Lime และ Ginger

Santal 33 จาก Le Labo (ราคา 5,795 บาท / 50 ml)

เป็นน้ำหอมที่ทําให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยได้แรงบันดาลใจมาจากโฆษณาบุหรี่ Marlboro กลิ่นจึงจะออกไปทางแมกไม้ที่แซมด้วยกลิ่นของหนังกระเป๋าเล็กน้อย ตัดด้วยความเผ็ดร้อนของกลิ่นแนวสไปซี่เล็กน้อย

Notes: Sandalwood, Papyrus, Leather, Virginia, Cedar, Cardamom, Violet, Iris และ Amber

Si จาก Giorgio Armani (ราคา 5,800 บาท / 100 ml)

เป็นกลิ่นหอมจากบลอนด์วู้ดสลับกับกลิ่นหอมอโรม่าเล็กน้อยและความหอมสดชื่นจากดอกฟรีเชีย กลิ่นจึงมีความอ่อนหวานแต่ก็แอบซ่อนความหรูหราเอาไว้ มีความโมเดิร์นเป็นผู้หญิงสมัยใหม่

Top Notes : Sicilian Bergamot, Mandarin และ Blackcurrant Liqueur

Middle Notes : Rose de Mai, Neroli, Egyptian Jasmine และ Freesia

Base Notes : Patchouli, Woods, Amber, Orcanox และ Vanilla

TF Bitter Peach จาก Tom Ford Beauty (ราคา 12,000 บาท / 50 ml)

 เป็นการจับเอาความหอมหวานของน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ผสมกับความฉ่ำหวานของลูกพีช ตัดด้วยกล่ินคู่ตรงข้ามของกลิ่นไม้และกลิ่นเหลา ให้ความรู้สึกเย้ายวนรัญจวนใจ ซับซ้อน และดูน่าค้นหา

Top Notes : Peach, Blood Orange, Cardamom และ Heliotrope

Middle Notes : Rum, Cognac, Davana และ Jasmine

Base Notes : Indonesian Patchouli Leaf, Sandalwood, Vanilla, Tonka Bean, Cashmeran, Styrax, Labdanum, Benzoin และ Vetiver

Miraceti Eau de Parfum จาก Aesop (ราคา 6,400 บาท / 50 ml)

กลิ่นนุ่มลึกที่สกัดจากยางไม้เก่าๆ มีกลิ่นของวิสกี้แทรกเข้ามาเล็กน้อย ผสานกับกลิ่นกำยาน สาหร่ายทะเล และชะมดต้นที่ช่วยผสมผสานให้เกิดเป็นกลิ่นไม้อันแสนอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนเรือเดินทะเลกลางท้องทะเลที่เงียบสงบแต่ก็แฝงไปด้วยความดุร้ายของคลื่นทะเลยักษ์