WELLNESS
‘หมอผิง’ แชร์ทิปส์การดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต และผิวควบคู่กันไปในช่วงอยู่บ้านโว้กบิวตี้พูดคุยกับ พญ.ธิดากานต์ หรือ หมอผิง ถึงวิธีการดูแลสุขภาพในช่วงวิกฤติ Covid-19 |
ในช่วงวิกฤติ Covid-19 ส่ิงที่ดีที่สุดที่ทุกคนควรทำตอนนี้ก็คืออยู่บ้านเพื่อปกป้องสุขภาพของตัวเองและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แน่นอนว่าหลังจากที่อยู่บ้านและทำงานที่บ้านกันแบบลืมนับวันนับคืน หลายคนก็อาจมีความรู้สึกเบื่อและอยากออกไปทำกิจกรรมที่เคยทำนอกบ้านบ้างเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามทีมโว้กบิวตี้เชื่อว่าในช่วงนี้หลายๆ คนน่าจะได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้ว วิกฤติในครั้งนี้ก็มีด้านบวกซ่อนอยู่เหมือนกัน อย่างแรกมันทำให้เราหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ได้ใช้เวลากับคนในครอบครัว และแน่นอนสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเองที่บ้านก็อาจจะได้ค้นพบความสามารถในการเป็นเชฟ หรือบางคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็หันมาฟิตร่างกายอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจดีๆ ในการอยู่บ้านในช่วงนี้ ทีมโว้กบิวตี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือคุณหมอผิง แพทย์วุฒิบัตรเวชศาสตร์ชะลอวัย (สหรัฐอเมริกา) ผ่านทางโทรศัพท์ถึงเคล็บลับการดูแลสุขภาพในช่วงวิกฤติ Covid-19 นอกจากนี้เรายังได้พูดคุยกันถึงประเด็นที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไป อย่างการดูแลสุขภาพจิต พร้อมทั้งการดูแลผิวในช่วงอยู่บ้าน
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง) แพทย์วุฒิบัตรเวชศาสตร์ชะลอวัย (สหรัฐอเมริกา)
ดูแลสุขภาพช่วงอยู่บ้าน ควรเริ่มอย่างไร?
“ตอนนี้หลายๆ คนอาจจะเน้นการซื้อพวกอาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง โดยส่วนใหญ่จะมีปริมาณของเกลือโซเดียมสูง ซึ่งถ้ากินบ่อยๆ ก็มีโอกาสที่เราก็จะได้รับปริมาณโซเดียมมากเกินไป ส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักและก็ทำให้หน้าจะออกบวมๆ ได้ ดังนั้นแนะนำว่าถ้าพอทำอาหารเป็นให้พยายามสลับกินเป็นอาหารสด อาหารปรุงสุก ก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า หรือถ้าเป็นการสั่งอาหารก็พยายามสั่งให้หลากหลาย คือไม่แนะนำให้สั่งแต่อาหารเดิมๆ เป็นประจำ และพยายามเลือกเมนูที่เค็มน้อยบ้างสลับกันไป นอกจากนี้บางคนในช่วงที่ทำงานที่บ้าน ก็จะมีขนม มีเครื่องดื่มน้ำหวานๆ ติดไว้บนโต๊ะตลอด อันนี้ก็จะทำให้เราอ้วนได้ง่าย ดังนั้นหลักการง่ายๆ คือพยายามอย่าเอาไว้ใกล้มือหรือใกล้ตา เพราะเราจะหยิบกินได้ง่าย แนะนำให้เก็บขนมไว้ในตู้และกินเป็นเวลา คืออาจจะต้องทำเหมือนกับตอนอยู่ออฟฟิศที่เราจะพักเบรกเป็นเวลา จะได้ไม่ตามใจตัวเองทำงานไปกินไปตลอดเวลา”
คุณหมอผิงได้เสริมต่อว่าเป็นไปได้ที่การเดินเข้าห้องครัวตลอดทั้งวันหรือกินขนมทุกๆ ชั่วโมงอาจเป็นการกินเพื่อแก้เหงา "อีกอย่างนึงหมอว่าเวลาอยู่บ้านบางทีก็ทำให้รู้สึกเหงาได้ ไม่รู้จะทำอะไร ไม่ได้เจอเพื่อน ซึ่งเราสามารถแก้เหงาด้วยการโทรคุยหรือวีดิโอคอลหากันได้เพื่อช่วยให้เราไม่รู้สึกเหงาและไม่ไปกินเพื่อแก้เหงา"
นอกจากนี้การหาเวลาออกไปสูดอากาศหรือรับแสงแดดก็มีส่วนสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดี "ควรหาเวลาออกไปข้างเพื่อรับแสงแดดบ้าง เพราะการนั่งอยู่แต่ในห้อง ในบ้านทั้งวันโดยไม่ได้รับแสงแดดเลย อาจทำให้ร่างกายของเราไม่ได้สังเคราะห์วิตามินเอง ส่งผลให้สร้างวิตามิน D ได้น้อยลง ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อภูมิคุ้มกัน โดยการรับแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายของเราสร้างวิตามิน D ด้วยตัวเอง คือถ้าบ้านใครมีบริเวณหน่อยก็ดี ก็สามารถออกมาเดินรอบๆ บ้าน รดนำ้ต้นไม้ หรือถ้าไม่มีบริเวณ ก็แนะนำให้เปิดหน้าต่างแล้วให้ได้แสงแดดอ่อนๆ ในช่วงตอนเช้ากับตอนเย็นเข้ามาในห้อง"
Photo: @santamonicaproper
กินอย่างไรเพื่อช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย?
“จริงๆ แล้วสำหรับการเสริมภูมิต้านทาน นอกจากอาหารแล้ว ที่สำคัญคือการนอนด้วย คือควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอและต้องไม่เครียด 2 อย่างนี้ถือว่าสำคัญมากๆ ส่วนอาหารก็คือการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั่วไปเลย สำหรับอาหารที่หมอกิน จะเน้นในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระหรือว่า Anti-oxidant ต่างๆ จากผักผลไม้หลากสี ซึ่งมีความสำคัญต่อร่างกาย และก็จะพยายามเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย เช่นขนมหวานและของทอด นอกจากเน้นกินผักผลไม้แล้ว แนะนำให้ทานอาหารที่มีโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต และพรีไบโอติก ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ โดยมาจากผักและอาหารที่มีกากใยทั้งหลาย เพราะประชากรของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าประชากรของแบคทีเรียที่ดีมีเยอะ ภูมิคุ้มกันของเราก็จะดีตามไปด้วย”
WATCH
Photo: @thidakarn / เมนูอาหารจากอินสตาแกรมหมอผิง
ดูแลผิวอย่างไรดีในช่วงอยู่บ้าน?
การรับข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในช่วงนี้ส่งผลให้หลายๆ คนรู้สึกเครียด หรือบางครั้งเสพข่าวเหล่านี้จนนอนไม่หลับ ทำให้พักผ่อนได้ไม่เพียงพอ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือผิวพรรณที่ดูอิดโรย โดยหลังจากที่พูดคุยกับคุณหมอผิงเราก็พบว่าการดูแลผิวในช่วงอยู่บ้านไม่ควรละเลย 2 สิ่งนี้ "หมอแนะนำว่าพยายามอย่าเสพข่าวตลอดเวลา ควรตั้งเวลาในการเช็คข่าวสาร เช่นเช้ากับเย็น อย่างก่อนนอนเนี่ยไม่ควรเช็คเพราะอาจทำให้เครียดจนนอนไม่หลับได้ สำหรับผิว หลายคนอาจจะคิดว่าอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน ไม่ต้องทาอะไรก็ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วถึงจะอยู่บ้านก็ควรทามอยซ์เจอไรเซอร์และครีมกันแดด เพราะว่าถึงเราไม่ได้ออกไปโดนแดดโดยตรง แต่เราก็โดนทางอ้อมจากแสงแดดที่รอดผ่านกระจกมา หรือพวกแสงอินฟาเรดและแสงสีฟ้า (Invisible Light) จากหน้าจอคอมฯ ได้ ดังนั้นเวลาอยู่บ้านควรล้างหน้าล้างตา ทามอยซ์เจอไรเซอร์ และทาครีมกันแดดให้เป็นนิสัย"
Photo: @supergoop
ดูแลสุขภาพจิตอย่างไรในช่วงที่มีแต่ความกังวล?
“เรื่องของสุขภาพจิตใจถือว่าสำคัญมากๆ เลยในช่วงนี้ ซึ่งความกังวลที่มากไป เช่นกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง สามารถทำให้เกิดภาวะเครียดในร่างกายเราได้ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าพยายามอยู่กับปัจจุบันและใช้เวลากับคนที่เรารักไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนในครอบครัว สำหรับตอนนี้ถึงแม้การเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้ตัวต้องอยู่ห่างกัน แต่เรายังสามารถติดต่อกันได้ผ่านการสื่อสารทางดิจิตอล อย่างโซเชียลมีเดียหรือวีดิโอคอลได้ เพราะจริงๆ มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมเนอะ ซึ่งถึงแม้ไม่ได้เจอกันแต่เราก็ยังสามารถสังคมกันได้ ซึ่งมีการพบว่าวีดิโอคอลจะช่วยแก้เหงาได้ดีกว่าการโทรหาเพราะได้เห็นภาษากายด้วย”
ทิปส์ที่จะช่วยให้ '"โฟกัส" กับสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวันมากขึ้น
“หมอเห็นด้วยเลยสำหรับการฝึกสมาธิว่าเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญ เพราะทุกวันนี้เราจะถูกรบกวนค่อนข้างง่ายจากสิ่งรอบๆ ตัว จนเสียสมาธิและสามารถคิดอะไรที่ต่อเนื่องหรือ Deep Work ได้น้อย ส่วนตัวหมอเองจะหาเวลาทำ Digital Detox คือปิดแอพ ปิดโทรศัพท์ แล้วอยู่กับการอ่านหนังสือ ทำสมาธิ หรือบางทีเวลาออกกำลังกาย อย่างการวิ่งบนสายพาน จะวิ่งแบบไม่เปิดอะไรดู ไม่ฟังเพลง และจะอยู่กับการก้าวและลมหายใจของเราขณะเดินหรือวิ่งแทน”
รูทีนในชีวิตประจำวันของหมอผิงเป็นแบบไหน?
"ตอนเช้าหลังตื่นนอน สิ่งแรกที่ทำคือออกกำลังกาย ก็จะเป็นการวิ่งบนสายพานหรือรอบๆ คอนโด ต่อด้วยบอดี้เวทเทรนนิ่งนิดหน่อย และก็มีแพลงก์กับวิดพื้นบ้าง พอเสร็จก็จะทำอาหารเช้า หลังจากนั้นถ้ามีตรวจก็จะเข้ามาที่โรงพยาบาล โดยระหว่างวันหมอจะพยายามให้ตัวเองเดินเยอะๆ จะเน้นการเดินขึ้นบันไดมากกว่าลงบัันไดเพราะค่อนข้างจะโหลดไปที่หัวเข่า และเวลาจะคุยกับเพื่อนร่วมงานเราก็จะไม่โทรแต่จะเดินไปหา ในส่วนของการเลือกอาหารเวลามาทำงาน หมอไม่ได้ทำอาหารมากินเอง จะพยายามเน้นให้มีผักในทุกมื้อและก็เน้นโปรตีนเช่น ปลา ไก่ ไข่ จะพยายามเลี่ยงเนื้อแดง สำหรับมื้อเย็นจะกินค่อนข้างเร็ว 5-6 โมงก็กินละ หลังจากนั้นก็จะไม่กินอะไรแล้ว ส่วนใหญ่กลางคืนจะพยายามอ่านหนังสือก่อนนอนให้เป็นนิสัย หมอไม่ค่อยติดทีวี รู้สึกซื้อมาไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่เลย (หัวเราะ) และถ้าวันไหนเหนื่อยๆ จะเลือกการฟังเพลง เพื่อสร้างความผ่อนคลาย”
เรื่องและสัมภาษณ์: แก้วสิริ ศรีสำอาง
WATCH