
WELLNESS
สำรวจอาหารที่ทานแล้วช่วยปกป้องผิวแห้งด้วยการเติมความชุ่มชื้นจากภายในแก้ปัญหาผิวแห้งแค่ทาครีมอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ มาเสริมทัพด้วยการทานอาหารเหล่านี้ที่จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว |
การรับประทานอาหารถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวโดยตรง หากเรารับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีความสมดุล ผิวก็จะทำหน้าที่ปกป้องตัวเองได้ดี ซึ่งการทานอาหารบางอย่างจะช่วยปกป้องผิวไม้ให้แห้งและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ ในขณะที่อาหารบางอย่างก็อาจทำให้ปัญหาผิวแห้งยิ่งแย่ลง จริงอยู่ว่าหลายคนที่มีปัญหาผิวแห้งให้การทาครีมบำรุงเป็นวิธีแก้ แต่จะดีกว่าไหมหากเลือกทานอาหารเพื่อช่วยเสริมทัพการฟื้นฟูผิวให้กลับมาสุขภาพดีได้ด้วย และในบทความนี้โว้กบิวตี้ลิสต์มาให้แล้วว่ามีอาหารอะไรบ้างที่ควรทานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวแห้ง

ภาพถ่ายโดย Anastasia Belousova
มันเทศ
“มันเทศ” ถือเป็นซูเปอร์ฟู้ดสำหรับผิวแห้งอย่างแท้จริง เพราะอุดมวิตามินเออันเป็นวิตามินแห่งความอ่อนเยาว์ ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยมันเทศอบทั้งเปลือกแต่ละชิ้นมีวิตามินเอ 1,403 ไมโครกรัมเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีวิตามินซีและอีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง นอกจากนี้มันเทศยังอัดแน่นไปด้วยโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี สารอาหารสำคัญที่ช่วยควบคุมความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และอิ่มน้ำ

ภาพถ่ายโดย Néstor Santos
พริกหวานสีแดง
“พริกหวานสีแดง” เป็นแหล่งของสารอาหารอย่างวิตามินซี เพียงครึ่งถ้วยก็อัดแน่นไปด้วยวิตามินซีมากถึง 95 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 106% ของปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน ซึ่งวิตามินซีไม่ได้แค่ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว หรือ "Skin Barrier" ซึ่งเป็นชั้นสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นอิ่มน้ำ และลดโอกาสที่จะเกิดผิวแห้งกร้าน แตกเป็นขุย
WATCH

ภาพถ่ายโดย Polina Tankilevitch
นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ และนมข้าวโอ๊ต
เมื่อพูดถึง “นม” หลายคนอาจนึกถึงโปรตีนเป็นอันดับแรก ทว่าที่จริงแล้วนมยังมีวิตามินดีซึ่งมีคุณสมบัติลดอาการอักเสบและระคายเคืองที่เกิดจากผิวแห้ง และยังช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้ดี โดยวิตามินดีนั้นพบมากในนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ และนมข้าวโอ๊ต ในปริมาณ 8 ออนซ์ มีวิตามินดี 2.5-3.6 ไมโครกรัม ซึ่งให้มากถึง 13-18% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน นอกจากนี้นมจากพืชเหล่านี้ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสในนมวัวอีกด้วย

ภาพถ่ายโดย Eva Bronzini
เมล็ดทานตะวัน
“เมล็ดทานตะวัน” ไม่ได้เป็นแค่ของทานเล่นแทะเพลินเท่านั้น แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ว่าเมล็ดทานตะวันมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะอุดมด้วยสารอาหารและแร่ธาตุหลายอย่าง โดยเฉพาะวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระต่างๆ รวมถึงรังสียูวี ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวแห้งกร้าน และริ้วรอยก่อนวัย โดยเมล็ดทานตะวันคั่วแห้ง 1 ออนซ์มีวิตามินอี 7.4 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับ 49% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันเลยทีเดียว

ภาพถ่ายโดย Nadin Sh
หอยนางรม
“หอยนางรม” ไม่ได้มีดีแค่บูสต์ชีวิตรักให้เปี่ยมสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งของสังกะสี ซึ่งเป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง ทั้งการสร้างคอลลาเจน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงเร่งกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด รักสียูวี และมลภาวะต่างๆ นอกจากนี้มันยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวชั้นสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ ผิวจะยังคงความชุ่มชื้นและอิ่มน้ำ
เมื่อมีอาหารที่ควรทานก็ยังมีอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง นั่นคืออาหารที่มีไขมัน(เลว)และน้ำตาลสูง ซึ่งไม่เพียงจะไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ผิวหนังเกิดการอักเสบและแห้งกร้านได้ในที่สุด นอกจากนี้การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน
ข้อมูล : Medical news today
WATCH