
WELLNESS
อัปเดตเทรนด์ความงามยุคใหม่ สวยแบบ “Longevity” ต้องเป็นแบบไหน?มาเจาะลึกและอัปเดตเทรนด์ความงามเพื่อความสวยยุคใหม่อย่างยั่งยืนไปกับหนึ่งคุณหมอด้านความงามและเวลเนส คุณหมออุ๋ม พญ. สุรัสศวัลย์ วงศ์เกียรติขจร Merz Aesthetics Med Friend |
หากจะต้องอธิบายความงามในยุคนี้ คุณจะอธิบายว่าอย่างไร?
จากยุคที่ความงามกับสุขภาพเป็นเรื่องที่แบ่งแยกจากกัน อยากสวยต้องเติมแต่ง อยากสุขภาพดีต้องออกกำลังกาย เข้าสู่ยุคถัดมาที่มีวลีติดหู “Beauty Inside Out” ที่คนเริ่มหันมาสนใจเรื่องการดูแลจากภายในมากขึ้น จนในช่วงหนึ่งถึงสองปีมานี้เราจะเห็นคำว่า “Longevity” และ “Wellness” จนชินตา เพราะเราต่างอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน และแน่นอนเราต่างก็อยากสวยอย่างยั่งยืนในแบบของตัวเองเช่นกัน
การก้าวเข้าสู่ยุคที่อยู่ภายใต้เทรนด์กระแสหลักของ Longevity ไลฟ์สไตล์ของเราแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง การออกกำลังกายหรือการฝึกร่างกายและจิตใจอย่างพิลาทิส โยคะ หรือการทำฮีลลิ่งต่างเป็นที่สนใจในวงกว้าง อาหารและเมนูคลีนไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ผักสลัดหรือเมนูไขมันต่ำ แต่รวมถึงเมนูทางเลือกอื่นๆ ที่เน้นการต่อต้านอนุมูลอิสระ หรือแม้กระทั่งเรื่องความสวยความงามอย่างเมกอัป สกินแคร์ การใช้หัตถการ และการเสริมความงามต่างก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งโว้กบิวตี้ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ Longevity ในด้านความงามกับแพทย์มากประสบการณ์ และเก็บข้อมูลมาแบ่งปันให้ชาวโว้กบิวตี้ทุกคนได้กลายเป็นคนยุคใหม่ที่สวยได้อย่างยั่งยืน

Meet the Expert: คุณหมออุ๋ม พญ. สุรัสศวัลย์ วงศ์เกียรติขจร (Merz Aesthetics Med Friend)
จากแพทย์ผู้เป็น KOL (Key Opinion Leader) และเทรนเนอร์ด้านผลิตภัณฑ์ของ Merz Aesthetics จนถูกรับเชิญให้เป็น Merz Aesthetics Med Friend ที่คล้ายกับเป็นเพื่อนหมอของเมิร์ซ ผู้มาให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ Merz Aesthetics ให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจเรียนรู้ข้อมูลด้านการแพทย์และเทรนด์ความสวยความงาม โดยเผยแพร่ในช่องทาง TikTok ของ Merz Aesthetics Thailand
อายุยืนคือที่มาของเทรนด์ Longevity
“อะไรก็ได้ที่ทำให้ชีวิตยืนยาว” คำแปลตรงตามตัวของคำว่า Longevity เมื่อเราอยากใช้ชีวิตให้ยาวนานขึ้น เราต่างก็หาวิธีมาดูแลให้ร่างกายเสื่อมถอยช้าที่สุด จากประสบการณ์กว่า 20 ปีของคุณหมออุ๋ม เธอมองว่าหลังจากความคิดต้องการมีอายุยืนยาว ถัดมาคือการคำนึงถึง Quality of Life เช่น อายุมากขึ้นเราจะยังสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอยู่โดยไม่ลำบากไหม รวมถึงสุขภาพจิตที่ส่งผลกับความสุขในการใช้ชีวิตด้วย พอมาในด้านความงามจะแบ่งออกเป็นสวยสมวัยกับสวยอ่อนกว่าวัย ขึ้นอยู่กับตามความต้องการส่วนตัวที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายปลายทางความสวยนั้นย่อมต้องยืนยาวและทำให้มีความสุขเสมอ
คอนเทนต์บนโลกออนไลน์ในช่วงประมาณสองสามปีมานี้นับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Longevity กลายเป็นเทรนด์กระแสหลัก ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบภาพดาราฮอลีวูดในช่วงวัย 20 ต้นๆ กับปัจจุบันที่ต่างเข้าเลขสี่เลขห้ากันแล้วแต่กลับสวยหล่อดูดีอยู่ คอนเทนต์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ จะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะเปรียบเทียบได้กับความเชื่อของบางกลุ่มคนที่ปล่อยให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา สองอย่างนี้นับเป็นสองตัวเลือกให้กับคนยุคใหม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ซึ่งเมื่ออิงจากเทรนด์ที่เกิดขึ้น คนยุคนี้เลือกหันกลับมาดูแลตัวเองกันเป็นส่วนใหญ่
“ยุคนี้มีงานวิจัยเปเปอร์ต่างๆ มาสนับสนุนมากขึ้นว่าทำแบบไหนจะเห็นผลลัพธ์อย่างไร อย่างเช่นการดื่มกาแฟที่มีข้อดี แต่ยุคนี้ไม่ใช่แค่หาข้อมูลว่าดีหรือไม่นะ เราจะมาสนใจว่าดื่มแบบไหนถึงจะดี หรือดื่มแบบไหนที่เข้ากับรูทีนของเรามากที่สุดและมีประโยชน์ที่สุด เมื่อผู้คนรู้ผลลัพธ์จากงานวิจัยที่มีหลากหลาย ก็จะส่งผลให้เกิดการทำตามและเริ่มใส่ใจการดูแลตัวเอง”
เมื่อคนกลัวแก่ด้วย กังวลเรื่องความสวยด้วย
“เราต้องเข้าใจร่างกายของตัวเองก่อนว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จากนั้นจึงมาทำความรู้จักในโปรดักส์ความงามต่างๆ ที่เราจะเลือกใช้”
ความแก่ที่เรากลัวกันส่วนใหญ่จะเป็นความแก่ด้านกายภาพ โดยเฉพาะความงามที่บางทีอาจเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงก่อนร่างกายเสียอีก การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจึงเป็นเรื่องที่ควรตระหนักไว้เสมอ จากนั้นความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวเลือกในการดูแลความงามให้ยั่งยืนคือสิ่งถัดมาที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น อยากบำรุงผิวต้องใช้สกินแคร์กลุ่มไหนที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเรา หรืออยากหาตัวช่วยด้านความงามอย่างการ “เติมโบ” ปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอยเพื่อเสริมความมั่นใจก็ควรหาข้อมูลเพื่อหารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และปลอดภัยมากที่สุดเสมอ
ตัวอย่างส่วนผสมที่แนะนำสำหรับปัญหาผิวต่างๆ
ปัญหาผิว |
ส่วนผสมที่แนะนำให้สังเกตที่ฉลาก |
ผิวแห้ง |
Hyaluronic, Squalane, Glycerin |
ผิวเป็นสิว |
Tea Tree Oil, Salicylic Acid, Benzoyl Peroxide |
ผิวแพ้ง่าย |
Niacinamide, Ceramine, Ectoin |
Beauty Note: หากพูดถึงเรื่อง "โบ" หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ที่เป็นทางเลือกการรับมือริ้วรอยก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์นี้ด้วยเช่นกัน ยุคนี้มีโบเจเนอเรชั่นใหม่ที่พัฒนาการผลิตแบบ “Double Purification“ การสกัด 2 ขั้นตอน เพื่อให้ผลลัพธ์ใบหน้าแบบไร้กังวลเรื่องผลข้างเคียงต่อความงามในระยะยาว รวมถึงยังตอบโจทย์การใช้คู่กับสกินแคร์ที่ชื่นชอบเพื่อรักษาผลลัพธ์ผิวที่ต้องการให้อยู่ยาวนานขึ้น การเลือกใช้โบเจเนอเรชั่นใหม่ที่ผ่านการรับรอง และไม่มีส่วนผสมของ Complexing Protein หรือสิ่งแปลกปลอม ช่วยลดโอกาสดื้อโบในอนาคตให้เป็น 0% (*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
WATCH

ภาพ: Getty Image
“เริ่มตั้งแต่ช่วงประมาณปีที่แล้ว คนจะเริ่มสนใจความสวยที่ดูเป็นธรรมชาติกันมากขึ้น”
ความธรรมชาตินี่แหล่ะคือคีย์หลักของเทรนด์ Longevity ที่จะมีควบคู่ไปกับความยั่งยืน ซึ่งตรงกับช่วงปีที่ผ่านมาที่นับเป็นปีทองของความงามแบบธรรมชาติ และแม้ในด้านเมกอัปจะมีเทรนด์ไวรัลเกิดขึ้นระหว่างปี แต่เทรนด์กระแสหลักยังยืนหยัดอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะแต่งหน้าหนักหรือใช้สีสันแค่ไหนก็ตาม หรือแม้แต่ทางเลือกเสริมความงามอย่างหัตถการโดยเฉพาะการเติมฟิลเลอร์ก็เปลี่ยนทิศจากการเติมให้แน่นใบหน้า มาสู่การเติมเต็มเฉพาะจุดในปริมาณที่พอเหมาะ
Beauty Note: ฟิลเลอร์สำหรับเติมเต็มที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นฟิลเลอร์ HA ซึ่งแต่ละชนิดให้ผลลัพธ์และแก้ปัญหาใบหน้าได้แตกต่างกัน เช่น ฟิลเลอร์สำหรับเติมเต็มร่องบนใบหน้า ให้ผลลัพธ์การ ลิฟติ้ง ใบหน้าแลดูเด็กลง ดูสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้น หรือ ฟิลเลอร์ HA ที่เหมาะกับการปั้นขึ้นรูป อยู่ทรงนาน นิยมนำมาเติมเต็มบริเวณขมับ ใต้ตา แก้มส้ม เนื้อแก้มและคาง (*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ผิวคือหนึ่งสิ่งชี้วัดของเทรนด์ Longevity ด้านความงาม
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นการเปลี่ยนแปลงของผิวคือหนึ่งสัญญาณที่บอกถึงความแก่ของร่างกายได้ ดังนั้นคนในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไปจึงให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพในชั้นผิวและความกระชับของผิวเป็นอย่างมาก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ปัญหามลภาวะฝุ่นควันและความเครียดจากปัจจัยต่างๆ ส่งผลโดยตรงทำให้การเสื่อมลงของผิวเกิดไวขึ้น กลุ่มคนวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 20 - 25 ปีจึงเริ่มหันมาใส่ใจการดูแลผิวอย่างจริงจังตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นสกินแคร์ในปัจจุบันจึงเริ่มเบนเข็มจากกลุ่มไบร์ทเทนนิ่งหรือเอจจิ้งธรรมดามาเป็นกลุ่มเพิ่มความชุ่มชื่นคู่กับเสริมเกราะป้องกันผิวมากขึ้น หากสังเกตดีๆ สกินแคร์แบรนด์มากกว่าครึ่งล้วนมีไอเท็มชูโรงเป็นไอเท็มฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวและมอบความชุ่มชื้นกันทั้งหมด ส่วนด้านหัตถการเสริมความงามฟิลเลอร์งานผิวก็เริ่มเป็นที่รู้จักและถูกเลือกใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งฟิลเลอร์งานผิวแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่ให้ผลลัพธ์การเติมความชุ่มชื้นในผิวด้วยเช่นกัน

ภาพ: Courtesy of Brand
ตัวอย่างสกินแคร์กลุ่มฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิวให้ผิวกลับมาแข็งแรง ซึ่งนับเป็นการบำรุงที่สำคัญ เพราะผิวจะดีในระยะยาวได้ต้องเริ่มที่เกราะป้องกันผิวก่อน
Beauty Note: ฟิลเลอร์ทุกตัวไม่เหมือนกัน แต่ฟิลเลอร์งานผิวที่ดีควรมีทั้ง Hyaluronic Acid และ Glycerol ที่เข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายในระยะแรกจากแสงแดดและมลภาวะ รวมถึงคืนความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำวาวแบบกลาสสกิน รวมถึงมอบผลลัพธ์งานผิวที่แลดูสุขภาพดีครบ 4 มิติที่มีทั้งความอิ่มฟู เนียนเด้ง ชุ่มชื้น และฉ่ำวาว ให้ผิวพร้อมใช้ในทุกวัน (*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ยุคนี้ต้อง “Aging Well”
ถ้าเบื่อฟังคำว่า Anti-Aging แล้ว นี่นับเป็นโชคดีของคุณ เพราะหลังจากนี้เราจะได้ยินคำใหม่ๆ อย่าง Aging Well หรือ Aging Reverse กันมากขึ้นในยุคของ Longevity เพราะความแก่ยากที่จะต้าน แต่เราสามารถแก่อย่างมีคุณภาพได้
“เมื่อเราอายุ 20 ปีขึ้นไป คอลลาเจนจะลดลงปีละ 1% นั่นหมายความว่าพออายุ 30 ปีคอลลาเจนก็ลดลงไปแล้ว 10%” นี่คืออัตราเฉลี่ยที่คอลลาเจนลดลงตามปกติที่คุณหมออุ๋มบอกกับโว้กบิวตี้ ซึ่งยังไม่นับการลดลงจากสิ่งเร้าต่างๆ ทั้งความเครียด มลภาวะและสิ่งแวดล้อมซึ่งไม่แน่ว่าบางปีก็อาจลดลงมากกว่า 1% ก็เป็นได้ ดังนั้นอัตราการสร้างที่ลดลงและการทำลายที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจเพื่อปรับสมดุลการฟื้นฟูและลดการทำลายตัวเองของเซลล์ผิว
เรตินอลตัวช่วยที่ไม่ได้เป็นฮีโร่เสมอไป
พูดถึงเรื่องเอจจิ้งทีไร เรตินอลต้องเข้าร่วมบทสนทนาด้วยเสมอ คนที่เคยใช้เรตินอลมาจะรู้ว่าใช้แล้วผิวจะแห้งขึ้น ดังนั้นในคนวัย 40 ปีขึ้นไปที่ส่วนใหญ่สภาพผิวเริ่มแห้งแล้วจึงอาจไม่เหมาะกับการใช้เรตินอลเสมอไป สกินแคร์กลุ่มฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของการผลิตคอลลาเจนจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
อีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมสำหรับผิวเอจจิ้งคือตัวช่วยอย่างไบโอสติมูเลเตอร์ (Biostimulator) ที่ขึ้นชื่อเรื่องกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว แต่ด้วยความล้ำหน้าของหัตถการยุคนี้ทำให้มีการพัฒนาเป็น รีเจเนอเรทีฟ ไบโอสติมูเลเตอร์ (Regenerative Biostimulator) ที่มีความสามารถขั้นกว่า ไม่ใช่แค่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว แต่ช่วยเสริมสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ครบ 5 ประการ โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง เติมความชุ่มชื้นและเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิว และคงผลลัพธ์ได้นานสูงสุดถึง 24 เดือนเลยทีเดียว (*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
Beauty Note: ทำหัตถการงานผิวแล้วไม่ได้หมายความว่าจะหยุดใช้สกินแคร์ได้ เพราะการทำควบคู่กันจะเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพกัน ยกตัวอย่างเช่น ใช้รีเจเนอเรทีฟ ไบโอสติมูเลเตอร์แล้วหมั่นทาครีมบำรุงให้ครบสามขั้นตอน คลีนเซอร์ เซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ จะทำให้การคงอยู่ของคุณภาพผิวที่ดีนั้นยาวนานยิ่งขึ่น
แล้วเครื่องยกกระชับยังจำเป็นไหม? ในยุคที่หัตถการดูตอบโจทย์มาก
ตามจริงเครื่องยกกระชับยังเป็นทางเลือกการดูแลผิวที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะจะให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์และยาวนาน โดยคุณหมออุ๋มให้ข้อมูลว่านอกจากใช้สกินแคร์ร่วมกับการทำหัตถการจะได้ผลลัพธ์ที่ส่งเสริมกันแล้ว เครื่องยกกระชับกับหัตถการก็สามารถทำควบคู่กันได้เช่นกัน แต่จะต้องผ่านการวินิจฉัยของแพทย์ว่าเหมาะกับการทำสิ่งใดบ้าง และต้องเว้นระยะเวลาห่างกัน 4 - 6 เดือน
ซึ่งเครื่องยกกระชับที่นิยมยุคนี้คือเครื่องที่ใช้เทคโนโลยี Micro-focused Ultrasound with Visualization (MFU-V) ให้ผลลัพธ์ความยกกระชับของผิวหน้า แต่การเลือกใช้เครื่องยกกระชับกลุ่มนี้ต้องมองหาเครื่องที่เป็นมาตรฐานระดับ Gold Standard ที่ช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเครื่องที่มีมาตรฐานนี้จะสามารถมองเห็นภาพชั้นผิวได้แบบเรียลไทม์ (Real-time Visualizationl) ทำให้ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่เกี่ยวข้องกับการยกกระชับผิว ส่งผลให้ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ผลลัพธ์สุดท้ายคือผิวแลดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
บทสรุปเทรนด์ Longevity
จากข้อมูลที่ได้แลกเปลี่ยนกับคุณหมออุ๋มทำให้สรุปได้ว่าเทรนด์ Longevity ในแวดวงความงามคือการหันกลับมาดูแลตัวเองอย่างมีคุณภาพของเหล่าคนยุคใหม่ เริ่มต้นจากการมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกายสู่การดูแลตัวเองตั้งแต่อาหารการกิน ตลอดจนใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่รับมือปัญหาผิวได้ตรงจุด รวมไปถึงการใช้หัตถการหรือการเสริมความงามที่ถูกพัฒนาให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์และเข้าไปช่วยถึงระบบการทำงานธรรมชาติที่จะให้ความงามอย่างยั่งยืนด้วย
โดยสิ่งสำคัญที่คุณหมออุ๋มเน้นย้ำคือเรื่องความปลอดภัยในการเลือกใช้ โดยเฉพาะหัตถการและเสริมความงามที่ต้องเข้ารับบริการกับแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญในด้านนั้นๆ รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้และผ่านการรับรอง ผลลัพธ์ความงามที่ได้จะยั่งยืนและปลอดภัย ท้ายที่สุดแล้วท่าทีของเทรนด์ Longevity จะเป็นเทรนด์กระแสหลักในด้านการดูแลตัวเองทั้งความงามและสุขภาพไปอีกหลายปี ซึ่งก็นับเป็นข้อดีที่จะเปลี่ยนให้การดูแลตัวเองกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกวัยและทุกคนด้วยเช่นกัน
WATCH