Squalane + Vitamin C Rose Oil จาก Biossance (ราคา 1,340 บาท)

Marula

เป็นน้ำมันสกัดจากเมล็ดมารูล่าที่มีสารอาหารผิวเข้มข้น ช่วยเรื่องชะลอริ้วรอย กระชับรูขุมขน มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากกว่าน้ำมันทั่วไป รวมถึงวิตามินหลากหลายจากธรรมชาติ แถมยังอยู่ในกลุ่ม Non-Comedogenic Rating คือเป็นน้ำมันที่มีโอกาสอุดตันน้อยที่สุด

เหมาะสำหรับผิว: ผิวแห้ง / ผิวมีริ้วรอย

Virgin Marula Luxury Facial Oil จาก Drunk Elephant (ราคา 1,400 บาท)

Rosehip

เป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัดจากเมล็ดโรสฮิปมีต้นกำเนิดอยู่แถบประเทศชิลี เนื่องจากน้ำมันโรสฮิปมีส่วนประกอบของกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า และด้วยปริมาณวิตามิน C ที่มีมากก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวออกมา ซึ่งช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น แถมมีเนื้อสัมผัสเบา สามารถซึมลงสู่ผิวเราได้เร็ว เพิ่มความชุ่มชื่นได้แบบเต็มๆ

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมีริ้วรอย / ผิวมัน / ผิวเป็นสิว

Rosehip BioRegenerate Oil จาก Pai Skincare (ราคา 1,200 บาท)

Grape Seed

ภายในน้ำมันเมล็ดองุ่นประกอบด้วย Polyphenols ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอริ้วรอย พร้อมปกป้องคอลลาเจนและผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ยืดอายุของเซลล์ผิวและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ แถมช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และลดการเกิดสิวอักเสบ

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมัน / ผิวเป็นสิว

VineActiv Overnight Detox Oil จาก Caudalie (ราคา 2,030 บาท)

Jojoba

เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดโจโจ้บาร์ ซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีที่คล้ายกับไขมันในร่างกายของเรา นั่นก็คือ ซีบัม (Sebum) โดยสิวจะขึ้นก็ต่อเมื่อไขมันร่วมกับสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน น้ำมันชนิดนี้จะช่วยให้ลดการหลั่งไขมันของผิวหนัง ลดการอุดตันรูขุมขน พร้อมทั้งรักษาอาการคันหรือระคายเคืองของผิวให้บรรเทาลง

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมัน / ผิวผสม / ผิวเป็นสิว

Rose Oil Blend จาก PIXI (ราคา 960 บาท)

Argan

น้ำมันที่ได้จากผลอาร์แกนในประเทศโมรอกโก ซึ่งเต็มไปด้วยโคเอนไซม์ คิว เทน (Coenzyme Q10) ช่วยลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย รวมถึงวิตามินหลากชนิดอย่างวิตามิน A, E และ F ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ แถมยังไม่ต้องกลัวว่าจะอัดตันรูขุมขน เพราะน้ำมันชนิดนี้จะเข้าไปปรับสมดุลให้ผิว ทำให้ผิวเก็บความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น

เหมาะสำหรับผิว: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมีริ้วรอย

100% Organic Cold-Pressed Moroccan Argan Oil จาก The Ordinary (ราคา 400 บาท)

Hamp Seed

น้ำมันเฮมพ์ได้มาจากการบีบน้ำมันที่อยู่ในเมล็ดกัญชง ไม่มีสาร CBD หรือสารแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) แต่จะอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ เช่น วิตามิน อี บี บี1 บี2 โพแทสเซียม แมกนีเซียม และกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ซึ่งช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดการเกิดความมันในชั้นผิว และปัญหาผิวต่างๆ อย่างริ้วรอยและสิว เป็นต้น

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมัน / ผิวผสม / ผิวเป็นสิว

Emerald Hemp Seed Deep Moisture Glow Oil จาก Herbivore (ราคา 2,000 บาท)

Tea Tree

น้ำมันที่สกัดจากการกลั่นส่วนใบของต้นทีทรี เป็นพืชพื้นเมืองประเทศออสเตรเลีย มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบของสิว รวมถึงรักษาบาดแผลติดเชื้อและบรรเทาผิวไหม้แดด แผลพุพอง แมลงกัดต่อย แต่สำหรับผิวแพ้ง่ายควรทดลองก่อนว่าแพ้หรือไม่

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมัน / ผิวเป็นสิว

U.F.O. Ultra-Clarifying Face Oil จาก Sunday Riley (ราคา 1,470 บาท)

Sea Buckthorn

เป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้ผิวดูเรียบเนียน และกรดไขมันโอเมก้า 3 5 7 9 ซึ่งเป็นกรดไขมันชั้นดีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและถือเป็นส่วนผสมสำคัญในการเสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว ทำให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น

เหมาะสำหรับผิว: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมีริ้วรอย

Very Gentle Restoring Oil จาก Trilogy (ราคา 1,280 บาท)

Sunflower

เป็นน้ำมันพืชที่สกัดจากเมล็ดของดอกทานตะวัน มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะกรดลิโนเลอิก (Linoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดที่จำเป็นในกลุ่มโอเมก้า 6 เป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของวิตามินอี ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของผิวชั้นนอกและทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น ปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด เป็นสาเหตุของความหมองคล้ำและริ้วรอยที่อาจตามมาทีหลัง

เหมาะสำหรับผิว: ผิวแห้ง / ผิวแพ้ง่าย

Noni Glow Face Oil จาก Kora Organics (ราคา 2,390 บาท)

Source: https://www.honestdocs.co/