หลายคนคงคุ้นหูและรู้จักกันดีในแวดวงความงามกับบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลกอย่าง L’Oréal Groupe ที่มีแบรนด์ความงามรอบตัวตั้งแต่สกินแคร์ที่ตอบโจทย์การดูแลและบำรุงเป็นหลัก, เมกอัป, น้ำหอม และเส้นผม ตั้งแต่แชมพู ครีมนวดผม ตลอดการทำสีจัดแต่งทรงผม เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกมิติในเรื่องบิวตี้

 

แม้ลอรีอัล จะมีแบรนด์ดังในเครือมากมายที่คุ้นหูคุ้นตาเราทุกคน อาทิ ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่, เมย์เบลลีน นิวยอร์ก, ลังโคม, คีลส์, จิออร์จิโอ อาร์มานี, เซราวี, ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเป้าหมายหลักสำคัญของบริษัทแม่ของแบรนด์เหล่านี้ คือต้องการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก "Create the Beauty that Moves the World" สะท้อนถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ดำเนินการมาเป็นเวลาหลายทศวรรษอย่างจริงจังเสมอมา อีกทั้งลอรีอัลยังมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับการทำงานด้านความยั่งยืนที่ลึกกว่าคำว่า "Green" หรือ "Clean" Beauty ด้วยการเอาใจใส่คำนึงถึงผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกระดับของการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การทำงานต้นกระบวนการไปจนถึงการผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตั้งเป้าหมายอิงหลักวิทยาศาสตร์ ตาม Science Based Targets Initiative และเคารพต่อ "ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก (Planetary Boundaries)" หรือขีดจำกัดที่โลกสามารถรับไหวอย่างชัดเจน

ซึ่งการปรับรูปแบบการดำเนินงานให้เข้มข้นขึ้น เพื่อเป้าหมายสูงสุดในครั้งนี้ครอบคลุมหัวใจหลักของการสร้างความยั่งยืน ตั้งแต่ขั้นตอนในส่วนของการผลิต อาทิ การใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานประกอบการ การรีไซเคิลน้ำและใช้ระบบหมุนเวียน การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อลดการใช้พลาสติกและทรัพยากร การใช้พลาสติกรีไซเคิล รีฟิลสำหรับครีมและน้ำหอมที่ยังคงดีไซน์ที่ดูดีสำหรับแบรนด์ ตลอดจนการวางแผนงานในอนาคตเพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน เช่น การให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยเริ่มจากแบรนด์การ์นิเย่ในรูปแบบคะแนนความยั่งยืนของแต่ละผลิตภัณฑ์ การปรับเปลี่ยนในจุดที่เป็นแก่นของลอรีอัลเองอย่าง “สูตรและส่วนผสม” ที่มีการนำวิทยาศาสตร์เพื่อความยั่งยืน (Green Science) มาใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ในเครือลอรีอัลนั้น มาจากแหล่งชีวภาพหรือแร่ที่มีมากไม่ขาดแคลน และใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในปริมาณสูงโดยคงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่ทดลองกับสัตว์ รวมทั้งผลักดันแนวทางเพื่อลดการทดลองกับสัตว์ในอุตสาหกรรมความงาม เช่น บุกเบิกโครงสร้างผิวหนังจำลองเสมือนจริง ซึ่งสามารถใช้ในการประเมินปฏิกิริยาของส่วนผสม และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบนผิวหนังของมนุษย์ ทั้งนี้ ลอรีอัล ไม่ทำการทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์มาตั้งแต่ปี 1989 อีกทั้งยังสนับสนุนโครงการด้านนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสียหายอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ ลอรีอัลยังคงให้ความใส่ใจกับสภาวะโลกร้อนที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม กลายมาเป็นภัยคุกคาม ซึ่งนำไปสู่ความเสื่อมสลายถาวรของแหล่งที่อยู่ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลก รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวน และนี่คือเหตุผลที่ตัดสินใจเร่งพัฒนาเพื่อผลักตัวเองให้ไปได้ไกลกว่าเดิมบนพื้นฐานของความยั่งยืน ตามโครงการ “L’Oréal For The Future” ที่ตั้งเป้าหมายกับพันธสัญญาของลอรีอัลด้านความยั่งยืนสำหรับปี 2030 มุ่งสู่การยกระดับเร่งการเปลี่ยนแปลงโดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่า วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และความรับผิดชอบของแบรนด์ในการต่อสู้กับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ตอกย้ำความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยการเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ได้รับคะแนนระดับ “A” ในการจัดอันดับทั้งสามด้านของ CDP ได้แก่ การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการอนุรักษ์ป่าไม้ เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน