TREATMENTS

เจาะลึกถึงไขมันสะสมและเส้นทางกว่าจะมาเป็น CoolSculpting Elite ที่สลายไขมันได้อย่างปลอดภัย

ไขข้อสงสัย เทคโนโลยี CoolSculpting สลายไขมันและปรับรูปร่างให้ดูดีได้อย่างไร ปลอดภัยจริงหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรที่ต้องรู้ก่อนเข้ารับหัตถการ

     ควบคุมอาหารอย่างจริงจังแล้วแต่เหนียงก็ยังไม่ลด            

     คาร์ดิโอเป็นประจำแต่หน้าท้องก็ยังไม่หายไป

     เล่นเวทแทบตายแต่ต้นแขนและต้นขาก็ยังใหญ่เหมือนเดิม

     เชื่อว่าผู้ที่ต้องการมีรูปร่างดีหลายคนคงเคยเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้และหาทางออกไม่ได้ เพราะปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดก็เหมือนปัญหาอื่นๆ ทั่วไปที่การจะแก้ปัญหาได้ต้องจัดการที่ต้นเหตุ และการจัดการปัญหานี้ต้องทำความเข้าใจถึงหลักชีววิทยาเบื้องต้นของไขมันก่อน

     หลายคนอาจไม่รู้ว่าเซลล์ไขมันในร่างกายของคนเรานั้นมีจำนวนตายตัว แม้เซลล์ไขมันจะอยู่ทั่วไปในร่างกาย แต่จะมีบางจุดที่มีจำนวนเซลล์ไขมันมากกว่าจุดอื่น ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น บางคนอยู่บริเวณต้นแขน บางคนอยู่บริเวณหน้าท้อง หรือบางคนอยู่บริเวณใต้คาง เป็นต้น สิ่งที่กำหนดว่าจุดใดในร่างกายจะมีเซลล์ไขมันมากกว่าจุดอื่นก็คือรหัสพันธุกรรมที่ถูกเขียนอยู่ในดีเอ็นเอ และ ‘จำนวน’ ของเซลล์ไขมันเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่การออกกำลังกายไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะการออกกำลังกายทำได้เพียง ‘ลดขนาด’ ของเซลล์ไขมันเท่านั้น ไม่สามารถ ‘ลดจำนวน’ ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม แม้จะออกกำลังกายอย่างมีวินัยและควบคุมอาหารอย่างเข้มข้น จนรูปร่างโดยรวมดูผอมลง แต่อวัยวะบางส่วนก็ยังมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับส่วนอื่นอยู่ดี

     อย่างไรก็ตาม เมื่อองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ว่า “เมื่อแช่แข็งเซลล์ไขมันที่ความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้เซลล์ไขมันสลายไปตามธรรมชาติอย่างถาวร” จากนั้นองค์ความรู้นี้ก็เป็นเหมือนแนวทางในการคิดค้นและพัฒนาการสลายไขมันวิธีใหม่ที่ปลอดภัยกว่าเดิม เพื่อแก้ปัญหาไขมันสะสมที่การออกกำลังกายสู้ไม่ไหว

     หลังจากคิดค้นและพัฒนาอยู่หลายปี เทคนิคการสลายไขมันด้วยความเย็นก็ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเป็นการแช่แข็งเซลล์ไขมันที่อุณหภูมิ -4 องศาเซลเซียสในระยะเวลา 35-60 นาที โดยผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนเซลล์ไขมันที่ลดลงสูงสุดถึง 27% ในขณะที่เซลล์ข้างเคียงอย่างเซลล์ประสาทหรือเซลล์กล้ามเนื้อไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย เมื่อทดลองจนมั่นใจในความปลอดภัยแล้ว ในปี 2010 เครื่อง CoolSculpting ที่ใช้เทคนิคการสลายไขมันด้วยความเย็นเครื่องแรกของโลกก็ถือกำเนิดขึ้นมาให้ผู้คนได้ใช้บริการ โดยมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิที่จะตัดการทำงานของเครื่องทันทีเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์อื่นๆ ที่ไม่ใช่เซลล์เป้าหมายถูกทำลายจากอาการน้ำแข็งกัด (Frostbite)

     เนื่องจากเป็นหัตถการที่สามารถทำได้ภายในเวลา 35-60 นาที ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น การสลายไขมันด้วยความเย็นจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงานที่ยุ่งจนแทบไม่มีเวลา หลายเคสเลือกรับหัตถการช่วงเย็นหลังเลิกงานก่อนจะไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อนๆ ต่อทันที และมีหลายเคสที่แวะมารับหัตถการช่วงพักกลางวันก่อนจะกลับไปทำงานตามปกติ โดยหัตถการนี้ไม่ส่งกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแต่อย่างใด



WATCH



     ข้อมูลที่น่าเหลือเชื่อคือ 80% ของผู้รับหัตถการไม่ใช่คนที่มีรูปร่างอวบอ้วน แต่เป็นคนรูปร่างสมส่วนที่ต้องการกำจัดไขมันสะสมบริเวณบั้นเอว เนินอก ต้นแขน หรือจุดอื่นๆ เพื่อให้สวมใส่เสื้อผ้าแล้วมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องพะวงเรื่องไขมันส่วนเกินนูนออกมาจนสังเกตได้ โดยอาศัยจุดเด่นของเครื่อง CoolSculpting ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครอบคลุมเกือบทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใหญ่อย่างหน้าท้อง ต้นขาด้านใน ต้นขาด้านนอก หรือพื้นที่เล็กอย่างใต้คาง เนินอก ต้นแขน

     ถึงแม้การทำงานจะมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และปลอดภัยเป็นทุนเดิม แต่เครื่อง CoolSculpting สามารถทำงานได้ครั้งละ 1 จุด ผู้พัฒนาจึงต้องการยกระดับเครื่อง CoolSculpting ขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้ผู้รับหัตถการได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น การศึกษาค้นคว้าจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้โลกก็ได้รู้จักกับ CoolSculpting Elite เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาลง เสียงขณะใช้งานเงียบกว่าเดิม และรูปร่างกะทัดรัดคล่องตัวขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำงานพร้อมกัน 2 จุดเพื่อประหยัดเวลายิ่งขึ้น และถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่แต่ก็ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก FDA ของสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย

     อย่างไรก็ตาม ถึงเทคโนโลยี CoolSculpting จะมีข้อดีและจุดเด่นมากมายดังที่กล่าวไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อจำกัดเสียทีเดียว เพราะเทคโนโลยี CoolSculpting ไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับรูปร่างเท่านั้น ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้คือรูปร่างที่ตรงใจมากขึ้นแต่น้ำหนักตัวจะไม่ลดลง

     สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจว่าแม้จะไม่มีการผ่าตัด แต่เทคโนโลยี CoolSculpting ก็ถือว่าเป็นหัตถการทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับบริการจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปร่างด้วยความเย็นถึงข้อจำกัดและการเตรียมตัวก่อนเข้ารับหัตถการ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งปัจจุบันเครื่อง CoolSculpting Elite ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ถูกนำมาใช้งานในประเทศไทยแล้วโดยสถาบันความงามชั้นนำกว่า 7 แห่ง ได้แก่ APEX Medical Clinic, Sureephorn Clinic, Hertitude Clinic, Sincere Beauty Clinic, Dr. Supranee Laser Clinic, Doctor Yada Clinic, Jantarat Clinic และ Rassapoom Clinic

WATCH