การเสริมหน้าอก เป็นอีกหนึ่งประเภทของการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมาก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักเป็นกังวลและใช้เวลาในการตัดสินใจนานมาก ก็คือการเลือกทรงซิลิโคนที่จะใช้เสริมนั่นเอง วันนี้โว้กบิวตี้เลยจะมาพูดถึงความแตกต่างของการเสริมหน้าอกระหว่าง 'ทรงหยดน้ำ' กับ 'ทรงกลม' ทรงไหนจะเนียน? ทรงไหนจะดูเป็นธรรมชาติ? มาหาคำตอบกันค่ะ

ซิลิโคนทรงหยดน้ำ
เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อยและไม่ต้องการให้หน้าอกดูอวบอึ๋มมากเกินไป ตัวซิลิโคนจะมีรูปร่างคล้ายทรงของหยดน้ำ ส่วนบนจะลีบแบนกว่าส่วนล่าง ให้รูปทรงอกที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยใกล้เคียงหน้าอกจริง แต่มีโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนตัวผิดรูปได้มากกว่าทรงกลม

ซิลิโคนทรงกลม
เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ ฐานอกกว้าง ต้องการเพิ่มความอวบอึ๋มเต่งตึงให้หน้าอก ตัวซิลิโคนจะมีรูปทรงกลม ช่วงกลางของซิลิโคนจะนูนออกมามากกว่าส่วนอื่น สำหรับใครที่อยากเสริมช่วงเนินอกให้ดูเต็มขึ้นแนะนำว่าซิลิโคนทรงกลมค่อนข้างตอบโจทย์เลยค่ะ
จริงๆ แล้วซิลิโคนทั้ง 2 ทรงถูกออกแบบมาให้มีความเป็นธรรมชาติใกล้เคียงหน้าอกจริงอยู่แล้ว แต่จะเหมาะสมต่างกันตามสรีระร่างกายและจุดประสงค์การเสริมหน้าอกของแต่ละคนนั่นเอง
5 ข้อควรรู้ก่อนเสริมหน้าอก

1. เสริมหน้าอกด้วยวิธีไหนดี ?
- เสริมหน้าอกด้วยการผ่าตัด : เป็นการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคน สามารถเลือกทรง ขนาด และเนื้อของซิลิโคนได้ตามต้องการ
- เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน : จะใช้เซลล์ไขมันดีจากร่างกายของเราเองเพื่อเสริมขนาด แต่ไซซ์ที่ได้จะไม่ใหญ่หรืออวบอึ๋ม เป็นเพียงการเติมไขมันให้เนื้อส่วนนั้นดูหนาขึ้นและในช่วงแรกอาจมีการยุบตัวลงเล็กน้อย
- เสริมหน้าอกแบบไฮบริด : คือการผสมผสานระหว่างการเสริมหน้าอกด้วยการผ่าตัดและการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน การเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้จะให้ความเป็นธรรมชาติและทำให้ตัวซิลิโคนกลืนไปกับหน้าอกได้มากกว่า
2. ผิวซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก
- ผิวเรียบ: ให้ความนิ่ม เรียบเนียน มีโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนตัวและเป็นพังผืดได้ง่าย
- ผิวทราย: ผิวสัมผัสมีความสากเล็กน้อย เพิ่มการยึดเกาะของตัวซิลิโคนไม่ให้เคลื่อนที่หรือเสียรูปร่าง
- ผิวกำมะหยี่: อยู่กึ่งกลางระหว่างซิลิโคนผิวเรียบกับซิลิโคนผิวทราย ให้ความเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับหน้าอก
3. ขนาดที่เหมาะสม
เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าการเสริมหน้าอกควรทำขนาดกี่ CC จึงจะสวย เพราะขนาดที่เหมาะสมของแต่ละคนต่างกัน ต้องดูที่ความต้องการและจุดประสงค์ของการเสริมหน้าอกก่อนเป็นอันดับแรก ควบคู่ไปกับการประเมินสรีระ การรับน้ำหนักของซิลิโคนที่เสริม รวมไปจนถึงการดูแลรักษาสุขภาพในระยะยาว
4. การดูแลหลังผ่าตัด
ทุกการผ่าตัดล้วนมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ จึงควรสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากมีอาการไม่พึงประสงค์ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลังการผ่าตัดควรพักฟื้นตามคำแนะนำของหมอ หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ที่สำคัญคือต้องทำความสะอาดและดูแลแผลผ่าตัดให้แห้งอยู่เสมอ
5. ราคา
ราคาค่าบริการสำหรับศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับประเภทของซิลิโคนที่ใช้ วิธีการผ่าตัด คอร์สของโรงพยาบาลที่เราซื้อว่าครอบคลุมไปถึงอะไรบ้าง
นอกจาก 5 ข้อข้างต้นแล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอกจริงก็สำคัญเช่นกัน โดยก่อนผ่าตัดควรตรวจเช็กร่างกายให้พร้อม งดการสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับคนที่ต้องรับประทานยาประจำตัวทุกวันควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าควรหยุดยาหรือไม่ รวมถึงการเข้ารับบริการกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับความเชื่อถือด้วยก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เราควรคำนึงถึงด้วย
BEAUTY TREATMENT7 คลินิกศัลยกรรมสายเกาในไทย ส่งตรงจากแดนกิมจิ เสกความสวยได้แบบสาวเกาหลี
BEAUTY TREATMENTปักหมุด 9 คลินิกศัลยกรรมหน้าอกยอดนิยม เสริมคัพไซซ์พลัส เพิ่มความมั่นใจ
BEAUTY TREATMENTเปิดพิกัด 8 คลินิกศัลยกรรมยกหางตา Foxy Eyes อัพลุคสวยเฉี่ยวแบบเซเลบสายฝอ
BEAUTY TREATMENTเเนะนำ 11 คลินิก ทำตาสองชั้นที่ไหนดี สวยปลอดภัย พร้อมการดูแลจากเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

