'เลเซอร์รักแร้' ช่วยปรับผิวใต้วงแขนให้ดูขาวขึ้นได้อย่างไร

     การดูแลเรื่องความงามสำหรับผู้หญิงแล้วไม่ใช่เพียงแค่เส้นผม ใบหน้าหรือผิวพรรณเท่านั้น แต่บริเวณอื่นอย่าง “ใต้วงแขน” หรือ “รักแร้” ก็เป็นอีกส่วนที่ทุกคนอยากดูแลให้ขาวใสเรียบเนียนด้วยเช่นกัน แต่การกำจัดขนไม่ว่าจะด้วยวิธีโกน ถอน หรือแว็กซ์ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้รักแร้มีสีหมองคล้ำและเกิดเป็นตุ่มหนังไก่ขึ้นมา สำหรับบางคนที่มีปัญหาไม่มากก็ยังสามารถแก้ได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงใต้วงแขนโดยเฉพาะ แต่สำหรับกรณีที่ดูแลตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น “เลเซอร์รักแร้ขาว” ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้ดี ซึ่งวันนี้โว้กบิวตี้จะพาไปรู้จักกับสาเหตุที่ทำให้ใต้วงแขนดำคล้ำ พร้อมอธิบายถึงการทำงานของเลเซอร์ว่าสามารถช่วยให้รักแร้ขาวเนียนขึ้นได้อย่างไร

 

การทำงานของเลเซอร์รักแร้ขาว

     โดยทั่วไปแล้วเลเซอร์มี 2 ประเภทหลักด้วยกัน ได้แก่ เลเซอร์ Ablative และ Non-ablative ซึ่งคลินิกส่วนใหญ่ก็จะใช้เลเซอร์ประเภท Non-ablative (เลเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดสะเก็ดแผล) เช่น IPL หรือ Pico Laser ซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทเลเซอร์ที่มีประสิทธิผลในการปรับสีผิวที่ดีที่สุด โดยการทำงานของเลเซอร์จะปล่อยพลังงานออกไปถูกเมลานิน (เซลล์เม็ดสี) เพื่อให้เม็ดสีได้ดูดซับแสง จากนั้นเซลล์เม็ดสีจะถูกทำลายแล้วสลายไปตามธรรมชาติ ทำให้รักแร้ขาวเนียนขึ้นตามลำดับ

 

 

เลเซอร์รักแร้ขาวเหมาะกับใคร 

     หากการสครับผิว ทำทรีตเมนต์ หรือทาเซรั่มบำรุงแล้วก็ยังไม่เห็นผล “เลเซอร์รักแร้ขาว” ก็ถือเป็นทางออกที่ดีกว่า อีกทั้งยังเห็นผลได้เร็วที่สุดอีกด้วยและเหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาที่ฟื้นฟูด้วยตัวเองได้ยาก เช่น ผิวรักแร้ดำคล้ำ, ผิวเป็นตุ่มหนังไก่, ผิวที่เกิดจากการแพ้สารเคมีต่างๆ จากผลิตภัณฑ์ และผิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์ โดยเลเซอร์รักแร้ขาวจะเห็นผลต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 6-8 ครั้ง และเว้นระยะประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

     เพราะปัญหาผิวใต้วงแขนหมองคล้ำทำให้หลายคนไม่มั่นใจที่จะยกแขน และหันหลังให้กับแฟชั่นเสื้อแขนกุดไปเลย ดังนั้น “เลเซอร์รักแร้ขาว” จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วที่สุด แต่ก่อนตัดสินใจไปทำก็อย่าลืมเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และความเชี่ยวชาญทั้งด้านผิวหนังและเครื่องมือ เพื่อการรักษาเป็นไปอย่างเหมาะสมและปลอดภัยพร้อมได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ