TREATMENTS
ทำไม 'ฟิลเลอร์คาง' ถึงขึ้นแท่นหัตถการปรับรูปหน้าให้ดูสวยเป๊ะที่คนกลัวเจ็บนิยมพาทำความรู้จัก 'ฟิลเลอร์คาง' หัตถการยุคใหม่เพื่อการปรับรูปหน้าให้สมส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ |
ไม่ว่าจะมีความเชื่อส่วนตัวเรื่องโหวงเฮ้งที่มาจากใบหน้าที่สมดุลหรือต้องการเพิ่มความมั่นใจด้วยการปรับใบหน้าให้ดูสมส่วนยิ่งขึ้นด้วยการปรับรูปคางให้เข้ารูป ‘ฟิลเลอร์คาง’ คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 ความต้องการ โดยเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในแวดวงบิวตี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณสมบัติที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่แก้ปัญหาหน้าสั้น คางสั้น ใบหน้าอ้วนกลม คางบุ๋ม คางเบี้ยว ซึ่งการเติมฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการปรับรูปหน้าที่เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วและไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ช่วยปรับใบหน้าให้ดูได้รูปและมีมิติยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใครบ้าง
ฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการปรับรูปคางเพื่อแก้ไขรูปหน้าให้ออกมาสวยได้รูปที่เห็นผลไว โดยมีข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่มีรอยแผลเป็นหลังทำ และสามารถดูแลตัวเองหลังทำได้ง่าย ทั้งนี้มีข้อด้อยคือเป็นการปรับรูปคางที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์แบบไม่ถาวรนั่นเอง ซึ่งรูปคางที่เหมาะกับเติมฟิลเลอร์จะมีดังนี้
- รูปคางสั้น
- รูปคางตัด
- รูปคางถอยหลัง
- คนที่มีผิวคางไม่เรียบเนียน
ทั้งนี้หากมีปัญหาคางสั้นหรือคางถอยมากๆ วิธีการผ่าตัดเสริมซิลิโคนจะเป็นวิธีการปรับรูปหน้าที่เหมาะสมมากกว่า
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม อยากคางสวยปลอดภัย ไม่เป็นก้อน ควรรู้อะไรบ้าง
ความแตกต่างของฟิลเลอร์คาง และ การผ่าตัดเสริมคาง
- ฟิลเลอร์คาง
หัตถการที่เติมสารเข้าไปช่วยเติมเต็มรูปคางและปั้นรูปทรงคางให้มีความเรียวยาวได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการปรับรูปคางที่ไม่ถาวร โดยขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ ทั้งนี้หากหลังทำไม่พอใจกับผลลัพธ์สามารถแก้ไขได้ง่ายเพียงแค่ใช้เทคนิคการสลายฟิลเลอร์ และสามารถเติมฟิลเลอร์ใหม่ได้ตลอด หลังทำอาจมีแค่รอยเข็มจึงไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเป็น ข้อจำกัดของการทำฟิลเลอร์คางคือสามารถเพิ่มความยาวของรูปคางได้เพียงแค่ 1 เซนติเมตรเท่านั้น
- การผ่าตัดเสริมคาง
คือการผ่าตัดเสริมซิลิโคนเข้าไปในผิว วิธีนี้เป็นการปรับรูปคางที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างถาวร และสามารถเสริมความยาวของคางได้มากกว่า 1 เซนติเมตร แต่ก็ต้องแลกมากับการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพราะถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดที่มีแผลอยู่ในปาก แต่ก็ต้องมั่นรักษาความสะอาดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ และหากทำแล้วไม่พอใจกับผลลัพธ์เช่น ยาวเกิน คางเบี้ยว มีวิธีเพียงแค่การผ่าตัดเอาซิลิโคนออก นอกจากนั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
ฟิลเลอร์คางที่ได้รับความนิยม
หากกำลังแพลนเพิ่มความมั่นใจด้วยการปรับรูปคางด้วยการเติมฟิลเลอร์ หนึ่งในเรื่องที่ควรให้ความสำคัญก่อนตัดสินใจทำคือยี่ห้อของฟิลเลอร์ โว้กได้รวมเกร็ดความรู้คร่าวๆ เกี่ยวฟิลเลอร์ที่ได้การรับรองตามมาตรฐานสากลและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยมีแนะนำทั้งหมด 2 ยี่ห้อ ดังนี้
- ยี่ห้อ Restylane
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ยอดนิยมสัญชาติสวีเดน ขึ้นชื่อว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตมายาวนานที่สุดในโลก โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้มีความสามารถในการดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามาเก็บไว้กับตัวยาฟิลเลอร์จึงจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวด้วย สามารถคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- ยี่ห้อ Juvederm
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Jevederm คืออีกหนึ่งแบรนด์ฟิลเลอร์ยอดนิยมสัญชาติอเมริกา ซึ่งได้มีการพัฒนาด้วยการนำเทคโนโลยีเฉพาะ 2 ประเภทมาผนวกกัน โดยมี Hylacross ที่มีจุดเด่นเรื่องค่าความอุ้มน้ำ ยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับ และ Vycross Technology ที่เด่นเรื่องการช่วยยกกระชับ มีโมเลกุลหนาแน่น มีอัตรการบวมน้ำน้อย โดยปัจจุบันฟิลเลอร์คางยี่ห้อ Jevederm จะมี 3 รุ่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่- รุ่น Ultra, รุ่น Voluma และ รุ่น Vobella ซึ่งสามารถคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
ราคาฟิลเลอร์คางแพงไหม
ถือเป็นอีกข้อสำคัญที่ทำเอาใครหลายๆ คนต่างพากันสงสัยว่าทำไมราคาของการทำฟิลเลอร์คางของแต่ละคลินิกถึงมีราคาที่ไม่เท่ากันทั้งที่ใช้ยี่ห้อและปริมาณเท่ากัน โดยราคาที่แตกต่างสามารถขึ้นอยู่กับการบวกค่าแพทย์ ค่าบริการและค่าอุปกรณ์ต่างๆ ของคลินิก ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มอยู่ที่ราคาประมาณ 8,000-20,000 บาท ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ด้วย นอกจากนี้ยังต้องรวมถึงตัวแพทย์ หากเป็นแพทย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและมีประสบการณ์สูงหรือได้รับรางวัลต่างๆ ก็จะทำให้การทำฟิลเลอร์คางมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
ปัจจุบันฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่ถือว่าปลอดภัย ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลก่อนทำเสมอ โดยเฉพาะประเภทของฟิลเลอร์ที่ถูกนำมาใช้ในคลินิกนั้นว่าเป็นของแท้และได้รับการรับรองความปลอดภัย ซึ่งขั้นตอนโดยคร่าวๆ ของการทำฟิลเลอร์นั้นค่อนข้างเรียบง่าย โดยแพทย์จะทำการประเมินจากลักษณะคางเดิมและรูปทรงใหม่ที่เราต้องการ
การเตรียมต่อก่อนเติมฟิลเลอร์คางและการดูแลตัวเองหลังทำ
เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย นอกจากจะเลือกฟิลเลอร์ให้ถูกรุ่นเข้ากับตัวเอง เลือกฟิลเลอร์แท้ เลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเตรียมตัวก่อนและหลังทำฟิลเลอร์คางก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้
ก่อนทำ
- ศึกษาข้อมูลฟิลเลอร์ก่อนทำ
- เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน มีใบอนุญาต และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้คำปรึกษา
- งดยาและวิตามินบางชนิดที่มีผลเกี่ยวกับเลือด
- หากมีโรคประจำตัว มียาที่กินเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เลือดสูบฉีด เพราะอาจส่งผลให้มีอาการบวมช้ำมากขึ้น
หลังทำ
- หากมีอาการบวม อาการปวด หลังเติมฟิลเลอร์ที่คาง สามารถทานยาแก้ปวด ยาลดบวมได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะสามารถหายไปเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
- ห้ามกด แคะ แกะ เกา นวด หรือปั้นทรงคางหลังเติมฟิลเลอร์ด้วยตัวเอง
- ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การนั่งหน้าเตา ไม่ว่าจะหมูกะทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรือ การอบซาวน่า
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการนั่งท้าวคาง การนอนคว่ำ หรือการนอนตะแคงเพื่อไม่ให้เกิดการกดทับบริเวณคาง เพราะอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ผิดรูปได้
- งดทำเลเซอร์ผิว ที่ทำให้เกิดความร้อนใต้ชั้นผิวอย่างน้อย 30 วัน
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะส่งผลให้อาการบวมยุบช้าลง และอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็วขึ้น
- ควรดื่มน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ หรือมากกว่านั้น จะส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์ฟูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ทางกังนัมคลินิก คลินิกเสริมความงามที่ได้รับมาตรฐานสากล มีบริการด้านฟิลเลอร์คางทั้งยี่ห้อ Restylane และ Juverderm โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8,623 บาท ต่อ 1cc โดยทั่วไปแล้วสำหรับคางจะใช้ฟิลเลอร์อยู่ที่ 1-2cc เท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะคางเดิมและผลลัพธ์ที่ต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจฟิลเลอร์คาง สามารถขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์ของทางกังนัมคลินิกได้ที่ไลน์ @gangnamclinic
WATCH
WATCH