Floral Blush Eau De Parfum จาก Coach (ราคา 2,250 บาท / 30 ml)

น้ำหอมที่สะท้อนความอ่อนหวานโรแมนติกเหมือนอยู่ในช่วงฤดูร้อนใจกลางมหานครนิวยอร์ก เป็นกลิ่นดอกไม้สบายๆ ไม่เลี่ยนจนเกินไป ให้ลุคที่สดใส น่ารัก

Top Note: Goji Berries 

Middle Note: Peony

Base Note: White Woods

Aqua Allegoria Flora Cherrysia Eau De Toilette จาก Guerlain (ราคา 3,360 บาท / 75 ml)

กลิ่นหอมแนวฟรุตตี้ ฟลอรัลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นซากุระ โดดเด่นด้วยกลิ่นของเชอร์รี่ บลอสซั่ม เพิ่มความผ่อนคลายและมอบความรู้สึกสดชื่น เหมาะกับอากาศเมืองไทย

Top Notes: Calabrian Bergamot และ Watermelon

Middle Notes: Nashi Pear, Cherry Blossom และ Rose

Base Notes: Violet, White Musk และ Woody Notes

Candy Florale Eau De Toilette จาก Prada (ราคา 3,850 บาท / 50 ml)

เป็นกลิ่นหอมหวานตามแบบฉบับของแบรนด์ แต่เพิ่มส่วนผสมของดอกไม้นานาพันธุ์ เพื่อไม่ให้กลิ่นเลี่ยนจนเกินไป กลิ่นจึงออกมาเบาบาง มีความรู้สึกโรแมนติก

Top Note: Limoncello

Middle Note: Peony

Base Notes: Caramel, Benzoin, Honey และ Musk

L'eau Eau De Toilette จาก Chloé (ราคา 5,100 บาท / 100 ml)

เป็นกลิ่นที่อ่อนโยนและหอมหวานด้วยกลิ่นของดอกกุหลาบอโรม่าผสมกับกลิ่นความสดชื่นจากลิ้นจี่และเกรปฟรุต ให้ลุคผู้หญิงมีความมั่นใจ ร่าเริง มีอิสระ และชอบใช้ชีวิตในโลกกว้าง

Top Notes: Grapefruit และ Lychee

Middle Notes: Magnolia และ Damascena Rose

Base Notes: Oak Moss, Cedar, Amber และ Musk

Si Fiori Eau De Parfum จาก Giorgio Armani (ราคา 4,200 บาท / 50 ml)

เป็นเวอร์ชั่นใหม่ของน้ำหอมคอลเล็กชั่นนี้ เพราะมีการใช้สารหอมจากเนโรลี หรือดอกไม้ขาวจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ให้ความสดชื่นแบบเต็มๆ จึงให้ลุคเป็นเฟมินิีน ดูเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง

Top Notes: Black Currant และ Green Mandarin

Middle Notes: Neroli, Patchouli, Oak Moss และ Rose

Base Notes: Vanilla และ White Musk

Bloom Ambrosia Di Fiori จาก Gucci (ราคา 5,400 บาท / 50 ml)

เป็นน้ำหอมที่ได้คุณค่าจากดอกไม้และพืชพันธุ์นานาชนิดมาผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็นอิสระที่ซ่อนอยู่ภายใน ก่อนที่จะถูกเปิดเผยออกมาเป็นกลิ่นหอมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสง่างาม

Top Notes: Jasmine Bud และ Rangoon Creeper

Middle Note: Indian Tubrose

Base Notes: Damascena Rose และ Tuscan Orris

Attrape-Rêves จาก Louis Vuitton (ราคา 9,300 บาท / 100 ml)

คำว่า Attrape-Rêves มีหมายความว่า "นักล่าฝัน" ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่คาดไม่ถึงหรือความเซอร์ไพรส์ที่จะได้จากน้ำหอมชิ้นนี้ เพราะเป็นกลิ่นหอมที่เต็มไปด้วยความหอมสดชื่นจากดอกไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ

Top Notes: Bergamot, Ginger และ Lychee

Middle Notes: Peony, Cacoa Flower และ Turkish Rose

Base Note: Patchouli Essence

Rose Prick Eau de Parfum จาก Tom Ford (ราคา 12,000 บาท / 50 ml)

เป็นกลิ่นหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสวนกุหลาบที่ปลูกเอง ซึ่งสะท้อนถึงช่อดอกไม้ป่าที่หายากอย่างกุหลาบ 3 ชนิด ได้แก่ Rose de Mai, Turkish Rose และ Bulgarian Rose ที่มอบกลิ่นหอมหรูหราและดูลึกลับ แต่ก็อบอวลไปด้วยสัมผัสที่อบอุ่น

Top Notes: Sichuan Pepper และ Turmeric

Middle Notes: May Rose, Turkish Rose และ Bulgarian Rose

Base Notes: Patchouli และ Tonka Bean

Daisy Love Eau So Sweet จาก Marc Jacobs (ราคา 2,500 บาท / 30 ml)

กลิ่นหอมหวานของดอกไม้นานาพันธุ์ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยกลิ่นจากราสเบอร์รี่ ตัดความเลี่ยนด้วยกลิ่นล้ำลึกของมัสก์ ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ขี้เล่น ที่แฝงไปด้วยความเย้ายวน

Top Notes: White Raspberry, Bergamot และ Crystallized Cloudberries

Middle Notes: Daisy Tree Petals และ Jasmin Milk

Base Notes: Sugar Musk และ White Iris Woods

Beautiful Magnolia Eau De Parfum จาก Estee Lauder (ราคา 2,800 บาท / 30 ml)

กลิ่นแนว Green Floral ที่สดชื่นแต่แอบแฝงไว้ด้วยความสดใสและขี้เล่น เปิดมาด้วยความหอมหวานจากดอกแมกโนเลียและความอบอุ่นของดอกการ์ดิเนียและกุหลาบตุรกี ปิดท้ายด้วยกลิ่นความหอมจากเปลือกไม้และมัสก์ที่ให้ความรู้สึกโรแมนติกและเย้ายวน

Top Notes: Magnolia Petals , Lotus และ Mate

Middle Notes: Magnolia , Gardenia, Solar Notes และ Turkish Rose

Base Notes: Musk , Cedar และ Sandalwood