SKINCARE
ไขข้อข้องใจ! อายุเท่าไหร่ควรเริ่มใช้สกินแคร์ไอเท็มไหนบ้างพบกับทุกข้อควรรู้ว่าควรเริ่มใช้สกินแคร์ตอนอายุเท่าไหร่ และแต่ละช่วงวัยควรใช้อะไรบ้าง |
อายุที่เหมาะสมในการเริ่มใช้สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วแพทย์ผิวหนังจะแนะนำให้เริ่มใช้สกินแคร์ตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี หรือเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากเป็นช่วงที่ผิวหนังเริ่มเปลี่ยนแปลงและมีแนวโน้มเป็นสิวและปัญหาผิวอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการรู้จักใช้สกินแคร์อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เนิ่นๆ และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตามอายุและปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์จะช่วยคงความอ่อนเยาว์และสุขภาพดีของผิวได้ถึงอนาคต โดยบทความนี้โว้กบิวตี้จะมาแนะนำอายุที่เหมาะสมในการเริ่มใช้สกินแคร์แต่ละประเภท
อายุ 10-12 ปี
ในวัยนี้ฮอร์โมนยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ผิวจึงยังไม่มีปัญหาสิวหรือริ้วรอย แต่การเริ่มต้นดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยสร้างนิสัยที่ดีและป้องกันการเกิดปัญหาผิวในอนาคต ทั้งนี้ในช่วงอายุ 10-12 ปี ผิวจะยังบอบบางและแพ้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อาทิ
- เคลนเซอร์: เริ่มใช้เคลนเซอร์ที่อ่อนโยนเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าจากสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน
- มอยส์เจอไรเซอร์: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีรุนแรงเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว (เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวเด็กโดยเฉพาะ)
- ครีมกันแดด: ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม เพราะครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย
อายุ 13-15 ปี
วัยนี้ฮอร์โมนจะเริ่มเปลี่ยนแปลง ผิวของคุณจะเริ่มผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสิวและความมันส่วนเกิน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้สกินแคร์ที่ช่วยควบคุมความมันและป้องกันการเกิดสิว อาทิ
- เคลนเซอร์: เลือกใช้เคลนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าที่ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีรุนแรง ซึ่งจะช่วยทำความสะอาดผิวโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง
- โทนเนอร์: โทนเนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินออกจากผิว และยังช่วยกระชับรูขุมขนด้วย ทั้งนี้หากผิวมีเกณฑ์เป็นสิวง่ายก็ควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ
- มอยส์เจอไรเซอร์: มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและคัน เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
- ครีมกันแดด: อายุเท่าไหร่ก็ต้องใช้ครีมกันแดด เพราะนอกจากมันจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่แล้ว ยังป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและมะเร็งผิวหนัง
- ครีมรักษาสิว: ใช้ครีมรักษาสิวเมื่อมีสิว โดยเลือกใช้ครีมรักษาสิวให้ตรงกับประเภทสิว
อายุ 16-19 ปี
ผิวช่วงวัยรุ่นจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดสิว ผิวมัน และปัญหาผิวอื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้สกินแคร์ดูแลผิวที่จะช่วยจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้
- เคลนเซอร์และโทนเนอร์: เลือกสูตรเคลนเซอร์และโทนเนอร์ให้เหมาะกับผิวที่แตกต่างกันไปแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง, ผิวมัน, ผิวเป็นสิว หรือผิวแพ้ง่าย
- มอยส์เจอไรเซอร์: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยเลือกสูตรที่ปราศจากน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
- ครีมกันแดด: เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
- เซรั่ม: เซรั่มเป็นสกินแคร์ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ เช่น ริ้วรอย สิว และความหมองคล้ำ หลักการเลือกใช้คือเลือกเซรั่มที่ออกแบบมาสำหรับสภาพผิวและความกังวลโดยเฉพาะ
- แผ่นมาสก์: ใช้ชีทมาสก์เป็นครั้งคราวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ช่วงอายุ 20 ปี
ในช่วงอายุ 20 ปี ผิวจะยังคงอยู่ยืดหยุ่นดี แต่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น การผลิตน้ำมันน้อยลงและริ้วรอยเริ่มปรากฏขึ้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเริ่มใช้สกินแคร์ที่ช่วยรักษาสุขภาพผิวและคงความอ่อนเยาว์ เช่นเดียวกับช่วงวัยก่อนหน้าที่ยังคงต้องใช้เคลนเซอร์, โทนเนอร์, ครีมกันแดด, มอยส์เจอไรเซอร์ โดยเลือกสูตรให้เหมาะกับผิว แต่ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาคือส่วนผสมต่างๆ เช่น
- เรตินอยด์: ช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำ เหมาะสำหรับการจัดการกับทั้งสิวและความกังวลเรื่องริ้วรอย
- วิตามินซี: ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระและปรับผิวให้กระจ่างใส
- ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น: มองหาไฮยาลูโรนิกแอซิด เซราไมด์ และกลีเซอรีนเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้ง
- เปปไทด์: กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและปรับปรุงความกระชับของผิว
- ไนอาซินาไมด์: ช่วยลดการอักเสบและปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิว
WATCH
ช่วงอายุ 30 ปี
ปัญหาผิวที่มักพบในช่วงวัย 30 ปี คือริ้วรอยเล็กๆ ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น สีผิวไม่สม่ำเสมอและมีจุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ผิวเริ่มหย่อนคล้อยและสูญเสียความยืดหยุ่น จึงเป็นช่วงวัยที่ควรเน้นการป้องกันริ้วรอยก่อนวัยอันควรที่เกิดจากปัจจัยแวดล้อม และเริ่มใช้สกินแคร์ที่แก้ไขข้อกังวลที่กล่าวมา อาทิ
- สารต้านอนุมูลอิสระ: วิตามินซี, วิตามินอี, ไนอาซินาไมด์
- เรตินอยด์: เรตินอล, เรตินอลดีไฮด์
- เปปไทด์: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
- กรดไฮยาลูโรนิก: ให้ความชุ่มชื้นและเติมเต็มริ้วรอย
- เซราไมด์: เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและป้องกันการสูญเสียน้ำ
- กรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและปรับปรุงพื้นผิว
- กรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA): ขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินจากรูขุมขน รวมถึงปรับปรุงสุขภาพผิวโดยรวม ชะลอสัญญาณแห่งวัย และทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
ช่วงอายุ 40 ปี
ในช่วงวัย 40 ปีขึ้ควรเน้นจัดการกับสัญญาณแห่งวัยที่มองเห็นได้นั่นคือริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยตื้น และริ้วรอยลึก โดยควรมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพช่วยลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูความกระชับ เช่น คอลลาเจน, อีลาสติน และไฮยาลูโรนิกแอซิด อีกทั้งยังควรเพิ่มการใช้มาสก์และทรีตเมนต์เพื่อฟื้นฟูผิว นอกจากนี้การผลัดเซลล์ผิวจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับคนวัยนี้ เพราะจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเผยผิวที่เปล่งประกาย
ช่วงอายุ 50 ปีและขึ้นไป
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 50 ปีขึ้นไปจะต้องเน้นการบำรุงผิวที่แห้งและขาดความยืดหยุ่น โดยแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์, กรดไขมันจำเป็น และสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงเพิ่มการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เพื่อป้องกันริ้วรอยที่เกิดจากแสงแดด นอกจากนี้ยังควรใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสม อย่าง เซราไมด์ และกรดไฮยาลูโรนิก เพราะการรักษาความชุ่มชื้นจะกลายเป็นสิ่งสำคัญของคนวัยนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการสลายตัวของกระดูกจะทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
WATCH