SKINCARE
ใช้เรตินอลกับผิวกายได้อย่างไรให้ผิวเรียบเนียน ความหมองคล้ำและริ้วรอยลดลงตัวช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ปัญหาจุดด่างดำและริ้วรอยลดลง เผยผิวเรียบเนียนเปล่งปลั่งกว่าเดิม |
‘เรตินอล’ คือ อนุพันธ์ของวิตามินเอบริสุทธิ์ เป็นสารที่จัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (retinoids) ส่วนใหญ่จะใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยและความหมองคล้ำ รวมถึงช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น เรตินอลเป็นส่วนผสมที่นิยมนำมาใช้ทั้งสกินแคร์สำหรับผิวหน้าและผิวกาย หลายคนอาจจะใช้สำหรับผิวหน้าเป็นประจำกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าสามารถใช้กับผิวกายได้เช่นกัน เพราะจะช่วยลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดด รวมถึงริ้วรอยแห่งวัยบนผิวกายของเราที่ใครบางคนอาจมองข้ามไปได้ โว้กบิวตี้มาบอกเทคนิคง่ายๆ สำหรับการใช้เรตินอลกับผิวกาย ใช้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
วิธีการใช้เรตินอลกับผิวกายที่ถูกต้อง
- เริ่มใช้ในปริมาณที่น้อย
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้เรตินอล ควรเริ่มจากเรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ เช่น ความเข้มข้น 0.1% โดยใช้ในปริมาณที่น้อยและไม่ถี่มากในช่วงเริ่มแรกประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือวันเว้นวันในช่วงสัปดาห์แรก จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 ค่อยเพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวัน และสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไปสามารถใช้ทุกคืนได้ เพื่อเป็นการปรับสภาพผิวและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองของผิวหนัง แนะนำว่าควรเริ่มใช้ในช่วงกลางคืนให้ผิวชินกับการรับส่วนผสมนี้เสียก่อน และถ้าหากอยากบำรุงเพิ่มเติมสามารถใช้กลางวันได้ แต่ควรตามด้วยครีมกันแดดอยู่เสมอ
Retinoid Body Regenerating Serum In Lotion จาก FYNE (ราคา 2,290 บาท)
- ทาครีมกันแดดตามอยู่เสมอ
ถึงแม้เมื่อเรตินอลโดนแสงแดดแล้วจะเกิดการสลายออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพที่ช่วยดูแลบำรุงผิวได้ จึงสามารถใช้ในช่วงกลางวันได้เช่นกัน รวมถึงความเชื่อที่ว่าถ้าหากใช้เรตินอลช่วงกลางวันอาจทำให้ผิวหนังบางลงและไวต่อแสงได้ จริงๆ แล้วไม่ว่าเราจะใช้เรตินอลช่วงเวลาไหนก็อาจทำให้ผิวต่อไวแดดได้ เพราะเรตินอลมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง ทางที่ดีที่สุดควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50+ ขึ้นไปก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ เช่นเดียวกันกับการใช้เรตินอลสำหรับผิวหน้า
- ไม่ควรใช้กับคนที่มีปัญหาผิวหรือผู้ที่ตั้งครรภ์
สำหรับคนที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและโรคผิวหนังอักเสบ ไม่ควรใช้เรตินอลเด็ดขาด เพราะเรตินอลจัดเป็นสารที่ออกฤทธิ์รุนแรงต่อผิวและอาจเกิดการระคายเคืองผิวได้ นอกจากนี้ยังไม่ควรใช้สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ เพราะเรตินอลเป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือกรดวิตามินเอ อาจเสี่ยงทำให้ลูกในครรภ์พิการได้ ฉะนั้นคนที่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร จึงควรหลีกเลี่ยงเรตินอยด์และกลุ่มวิตามินเอ
Ultra Renewal Retinol Body Cream จาก Kopari Beauty (ราคา 2,330 บาท)
- ผลัดเซลล์ผิวต่างจากกรด AHA และ BHA
เรตินอลไม่ได้มีกลไกการผลัดเซลล์ผิวที่เหมือนกับกรด AHA และ BHA เพราะการผลัดเซลล์ผิวของกรดทั้งสองนี้จะเป็นการทำให้ผิวด้านนอกหลุดจากการเชื่อมของเซลล์ผิวด้านใน จึงคล้ายๆ กับเวลาที่เราทำการสครับเซลล์ผิว เพื่อกำจัดเซลล์ผิวเก่าหรือขี้ไคลนั่นเอง แต่กลไกการผลัดเซลล์ผิวของเรตินอลคือจะเข้าไปกระตุ้นการผลัดเซลล์ของเซลล์ผิวใหม่ที่ขึ้นมายังไม่แข็งแรงเต็มที่ โดยเรตินอลจะเปลี่ยนเป็นกรดวิตามินเอ จึงทำให้ผิวลอกง่ายนั่นเอง ฉะนั้นเราควรดูปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้งไม่ให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวลอกเยอะเกินและเกิดการระคายเคืองได้
- เลือกเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง
ย้ำกันเสมอว่าเนื้อสัมผัสของสกินแคร์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้การบำรุงผิวมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่นเดียวกันกับการบำรุงผิวกาย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกายที่มีส่วนผสมของเรตินอลไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบของบอดี้โลชั่น, บอดี้เซรั่ม และบอดี้ออยล์ โดยโลชั่นจะมีความชุ่มชื้นสูง จึงเหมาะสำหรับบริเวณกว้าง เช่น แขน, ขา หรือหลัง แต่ถ้าเป็นเซรั่ม จะมีส่วนผสมที่ค่อนข้างเข้มข้น แต่เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบไว จึงสามารถใช้ได้ทุกส่วนของผิวกาย
WATCH
Skin-Smoothing Retinol Body Treatment จาก Paula’s Choice (ราคา 1,500 บาท)
ภาพ : www.cetaphil.com, Courtesy of brands
WATCH