SKINCARE
7 ปัจจัยทำร้ายผิว รู้แล้วต้องเลี่ยง ป้องกันปัญหาผิวเสียที่ต้นตอปัญหาผิวเสียจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนหากรู้จักที่จะป้องกันตั้งแต่แรก |
ปัญหาผิวเสีย ไม่ว่าจะเป็น ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน ผิวโทรม ผิวเหี่ยวย่นมีริ้วรอย ปัญหาผิวเหล่านี้กว่าจะฟื้นฟูให้กลับมาสุขภาพดีได้อีกครั้งนั้นไม่ง่ายและต้องใช้เวลา ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าเราป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวเสียตั้งแต่แรก ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ทำร้ายผิว ดังต่อไปนี้
1. แสงแดด
แสงแดดและรังสียูวีตัวการทำร้ายผิวให้คล้ำเสีย ทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง และเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวสร้างอนุมูลอิสระ จึงทำให้ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอย
Editor’s tips: ป้องกันตัวเองจากแสงแดดโดยใช้วิธีกฎของเงา ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจนกว่าเงาจะยาวกว่าตัวของเรา คือ ช่วงเช้าก่อน 11.00 น. และช่วงเย็นหลัง 14.00 น. ซึ่งจะเป็นช่วงที่ปลอดภัย เพราะจะมีแสงยูวีบี (UVB) น้อย และควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ โดยทาบริเวณผิวหนังที่ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยเสื้อผ้า เช่น ใบหน้า ลำคอ และหลังมือ เป็นต้น
Try this: Proteccion UV CUT Water screen SPF 50+ PA++++ 40 ml จาก The 28 (ราคา 580 บาท)
WATCH
2. แสงจากจอ
Blue light (แสงสีฟ้า) เป็นแสงที่อยู่รอบตัวเรา พบได้จากจอมือถือ คอมพิวเตอร์ และหลอดไฟ แสงสีฟ้านี้จะมีคลื่นแสงอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 นาโมเมตร ใกล้เคียงกับ UVA และ UVB สามารถทำลายชั้นผิวได้ลึก ส่งผลให้ผิวเข้ม เกิดริ้วรอย กระตุ้นให้ผิวเกิดจุดด่างดำและฝ้า
Editor’s tips: ป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าได้ด้วยการทาครีมกันแดด และใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของลูทีน เบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยปกป้องผิวและลดเลือนริ้วรอยได้ หรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
Try this: Vitamin C Skin Reviver Instant Smoother จาก The Body Shop 30 ml (ราคา 990 บาท)
3. มลภาวะในอากาศ
มลภาวะในอากาศ ทั้งฝุ่นควัน ก๊าซ และฝุ่น PM 2.5 ล้วนมีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว กระตุ้นการเกิดสิว และทำให้ผิวแพ้ง่าย อีกทั้งยังส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระของผิวลดลง ภูมิต้านทานผิวหนังแย่ลง และทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น
Editor’s tips: ปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน รับประทานผักและผลไม้ เพื่อรับสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกายไว้ใช้ต่อสู้กับมลภาวะ และใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี โคเอนไซม์คิวเท็น
Try this: Ultra-Sensitive Q10X Day จาก EUCERIN 50 ml (ราคา 1,350 บาท)
4. อากาศแห้ง
อากาศแห้งพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว รวมถึงการอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำ ก่อเกิดเป็นปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแตกเป็นขุย หากไม่ได้รับการดูแลอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดผื่นแดงคันและอักเสบได้
Editor’s tips: วิธีป้องกันทำได้ด้วยการจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังที่เสียความชื้นให้แก่อากาศไป และทาโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
5. คาเฟอีน
แม้สครับกากกาแฟจะช่วยให้ผิวสวยขาวใสได้ก็จริง แต่คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ ชา และเครื่องดื่มต่างๆ กลับทำให้ผิวขาดน้ำ มีผลทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น และผิวขาดความยืดหยุ่น
Editor’s tips: ควรดื่มกาแฟหรือชาในปริมาณที่เหมาะสม หรือวันละไม่เกิน 2 แก้ว ถ้าต้องการแก้ง่วงและเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย หันมาดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวแทนจะดีกว่า
6. ความเครียด
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าความเครียดก็ทำให้ผิวเสียได้ แถมยังทำให้ผิวเสียได้หลายด้านเลยทีเดียว เช่น ฮอร์โมนความเครียดกระตุ้นการผลิตไขมันซึ่งจะทำให้เกิดสิวตามมา, ความเครียดทำให้นอนไม่หลับซึ่งเป็นสาเหตุของผิวใต้ตาดำคล้ำ อีกทั้งความเครียดยังทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังถูกทำลาย ผิวจึงหย่อนคล้อยและทำให้ดูแก่กว่าวัย
Editor’s tips: หาวิธีการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย, ใช้กลิ่นหอมบำบัด เป็นต้น
7. สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ทำลายผิวได้มากทีเดียว ทั้งทำให้หน้าแก่กว่าวัยและเกิดริ้วรอยเนื่องจากเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี รวมถึงนิโคตินในบุหรี่ยังทำลายเส้นใยผิว จึงทำให้ผิวหย่อนคล้อย แตกลาย อีกทั้งยังส่งผลให้ผิวแห้ง และสีผิวไม่สม่ำเสมอด้วย
Editor’s tips: วิธีป้องกันผิวเสียที่ดีที่สุดคือการเลิกสูบบุหรี่ และเพื่อเป็นการชดเชยผิวที่ถูกทำลายไปแล้ว แนะนำให้ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีไนอาซินาไมด์ เปปไทด์ และ Glycerin ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว และเติมความชุ่มชื่นที่หายไปได้
Try this: Facial Moisturising Lotion จาก CeraVe 52 ml (ราคา 550 บาท)
ผิวสวยสุขภาพดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าดูแลบำรุงเยอะแค่ไหน แต่การปกป้องผิวจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ก็เป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้กัน อย่าปล่อยให้ผิวเสียเกินแก้ไข ด้วยการเดินสายกลาง ทั้งบำรุงผิวจากภายในและภายนอก รวมถึงเลี่ยงตัวการทำร้ายผิวข้างต้นควบคู่กันไปด้วย
WATCH