SKINCARE
สิวขึ้นที่รักแร้เกิดจากอะไร...พร้อมวิธีรักษาและป้องกันแบบง่ายๆสิวใต้รักแร้ ปัญหากวนใจที่ใครหลายคนเจอ! พามารู้จักสาเหตุ รวมถึงวิธีการรักษาและการรับมือเพื่อไม่ให้แผลลุกลามและอักเสบในอนาคต |
หลายคนอาจเคยประสบปัญหามีตุ่มใต้รักแร้ ที่มักสร้างความเจ็บปวด หรือสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจและบางรายอาจถึงขั้นร้ายแรงไปจนถึงเป็นตุ่มสิวอักเสบเรื้อรังเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นปัญหาสิวที่ใต้รักแร้ก็ยังสามารถรักษาและป้องกันได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ สำหรับใครที่กำลังมีปัญหากับตุ่มสิวใต้รักแร้อยู่ วันนี้โว้กบิวตี้ได้รวบรวมข้อมูลพร้อมวิธีป้องกันรักษามาฝากกันเช่นเคย
สิวที่รักแร้เกิดจากอะไร
สิวที่เกิดในบริเวณใต้รักแร้ มักเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการทำงานของร่างกายที่จะทำให้เกิดตุ่มสิวในลักษณะขนคุด รวมถึงบางรายอาจมีตุ่มสิวที่เกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เกิดจากขนคุด
ขนคุดเกิดจากการถอนหรือกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดอาการอุดตัน ซึ่งนำมาสู่ปัญหาผิวที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน บางรายอาจถึงขั้นมีตุ่มแข็งๆ เป็นหนอง หรืออักเสบได้ หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้พบแพทย์
- เกิดจากต่อมเหงื่อ
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบริเวณรักแร้ เกิดจากการที่ต่อมเหงื่ออักเสบ ทำงานได้ไม่ปกติ เนื่องจากต่อมเหงื่อมีการอุดตัน ทำให้มีตุ่มแข็ง พร้อมมีกลิ่นเหม็น ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้นานๆ อาจทำให้กลายเป็นแผลอักเสบและติดเชื้อได้ หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้คอยหมั่นสังเกตอาการ หากรู้สึกว่าเริ่มรุนแรงแนะนำให้ไปพบแพทย์
- เกิดจากรูขุมขนอักเสบ
รูขุมขนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้เกิดสิวที่รักแร้ได้ โดยหากรูขุมขนเกิดการอักเสบจากการแว็กซ์ที่จะทำให้ผิวหนังได้รับความรุนแรง อาจทำให้รูขุมขนอักเสบและนำมาสู่ปัญหาสิว หรือตุ่มอักเสบ หากใครที่แว็กซ์ขนเป็นประจำ แนะนำให้หลีกเลี่ยงและเปลี่ยนไปใช้วิธีที่อ่อนโยนกว่าเพื่อป้องกันปัญหาสิวใต้รักแร้ที่เรื้อรัง
- แพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ใต้วงแขน
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสิวใต้รักแร้ นั่นคือการแพ้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม โรลออน หรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย บางรายอาจมีตุ่มที่เกิดขึ้นมีลักษณะบวมแดง เจ็บแสบ และอาจทำให้รักแร้เกิดแผลเรื้อรังได้ แนะนำให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวดังกล่าวและพบแพทย์โดยด่วน
วิธีรักษา
- สิวที่เกิดจากขนคุด
สำหรับสิวที่เกิดจากขนคุด สามารถใช้เข็มปลายแหลม จุ่มทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์มาสะกิดเพื่อเปิดบริเวณหัวสิว จากนั้นให้ใช้แหนบ หนีบขนที่คุดอยู่ออกมาให้หมด จากนั้นล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย
- ใช้ครีมแต้มสิว
สำหรับสิวที่อักเสบสามารถใช้ยาแต้มสิวมาป้ายบริเวณที่เป็นสิวได้ โดยใช้เป็นประจำหลังอาบน้ำ จะช่วยรักษาอาการบวมแดงของสิวได้
- งดถูหรือบีบบริเวณสิวและใต้รักแร้ด้วยวิธีรุนแรง
การสัมผัส ถู บีบบริเวณสิวหรือใต้รักแร้ด้วยวิธีรุนแรงจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นได้รับความรุนแรงและยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้น
WATCH
การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสิวที่รักแร้
ทำความสะอาดร่างกายบ่อยๆ
วิธีง่ายๆ ในการป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่รักแร้ด้วยการรักษาความสะอาดของร่างกายโดยการอาบน้ำ ขัดผิวและใช้ใยขัดผิวหรือสครับที่ช่วยให้ร่างกายผลัดเซลล์ผิว วิธีนี้จะช่วยลดการหมักหมมของเซลล์ที่ตายแล้ว ช่วยให้รูขุมขนสะอาด ไม่อุดตัน นอกจากนี้หลังอาบน้ำควรเช็ดตัวให้แห้งสนิท ไม่ปล่อยให้ร่างกายอับชื้น เพราะสิวอาจกลับมาได้
- หลีกเลี่ยงการกำจัดขนที่ทำให้ผิวหนังหรือรูขุมขนอักเสบ
สำหรับใครที่มีปัญหาสิวหรือผิวบริเวณรักแร้บอบบาง แนะนำให้หลีกเลี่ยงวิธีการแว็กซ์ เพราะจะยิ่งทำให้รูขุมขนอักเสบได้ นอกจากนี้หากใช้วิธีการโกนขน แนะนำว่าควรทำให้รักแร้เปียกก่อนทุกครั้ง หากโกนในขณะที่ยังแห้งจะทำให้ผิวหนังได้รับการเสียดสีที่รุนแรง นำมาสู่ปัญหาสิวได้ ทั้งนี้แนะนำวิธีที่อ่อนโยนทำร้ายผิวหนังรักแร้น้อยที่สุด คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดขน หรือวิธีการเลเซอร์
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนที่อ่อนโยนและทดสอบก่อนทุกครั้ง
ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขน เช่น โรลออน สเปรย์ระงับกลิ่น น้ำหอม รวมถึงผลิตภัณฑ์กำจัดขน แนะนำให้เลือกสูตรเฉพาะที่อ่อนโยน มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และที่สำคัญก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรทดสอบที่บริเวณหลังแขนก่อนเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้ผลิตภัณฑ์
- สวมใส่เสื้อที่ระบายอากาศได้ดี
วิธีสุดท้ายเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันการเกิดสิวที่รักแร้ได้ ด้วยการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดรูปจนเกินไป สามารถระบายอากาศได้ดี เพราะการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น จะทำให้เหงื่อทำปฏิกิริยาต่อร่างกายและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวตามลำตัวและรักแร้
ทั้งนี้สิวที่เกิดในบริเวณรักแร้ มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับขนคุดที่ไม่เป็นอันตราย สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ แต่บางรายอาจถึงขั้นสิวอักเสบ หายยากและอาจลุกลามกลายเป็นแผลเรื้อรัง แนะนำให้หมั่นสังเกตตัวเอง หากมีอาการที่รู้สึกไม่ปกติ ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีและตรงจุด
ภาพ : Canva
WATCH