SKINCARE
เขย่าวงการคลีนบิวตี้ เมื่อ Shiseido ตัดสินใจซื้อ Drunk Elephant แบรนด์สกินแคร์สัญชาติอเมริกันทำไมแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Shiseido ถึงทุ่มเงินซื้อแบรนด์นี้ |
Photo: Courtesy of Brand
ทำเอาซะหลายคนงง! ล่าสุด Shiseido แบรนด์บิวตี้ยักษ์ใหญ่ได้ทำการซื้อแบรนด์สกินแคร์สายคลีนบิวตี้อย่าง Drunk Elephant ด้วยมูลค่ากว่า $845 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าทำไม Shiseido จึงเลือกที่จะซื้อแบรนด์นี้ แล้วทำไมแบรนด์คลีนบิวตี้ยอดฮิตของอเมริกาจึงยอมขายให้กับ Shiseido?
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าแบรนด์ Drunk Elephant เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่เป็นคลีนบิวตี้ 100% เพราะไม่มีการใช้สารเคมี 6 ชนิดอย่าง เอสเซนเชียล ออยล์, แอลกอฮอล์, ซิลิโคน, สารกันแดดชนิดสารเคมี น้ำหอม และ Sodium Lauryl Sulfates (SLS) มาเป็นส่วนประกอบในสกินแคร์นั่นเอง จึงส่งผลดีต่อผิวแบบไม่เกิดอาการระคายเคืองหรือสารตกค้างในร่างกายอย่างแน่นอน รวมถึงการออกแบบแพ็กเกจจิ้งที่เอาใจสายมินิมัล มาพร้อมกับสีสันสดใสน่าซื้อมาใช้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ Drunk Elephant ครองตลาดวัยรุ่นเจนเนอเรชั่นใหม่ที่สนใจเรื่องสกินแคร์ และยังได้เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในแถบประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งตอนนี้ก็ได้ขยายตลาดไปยังยุโรปและเอเชีย รวมถึงเจาะกลุ่มในทวีปออสเตรเลียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกเหตุผลหนึ่งตั้งแต่ต้นปี 2019 ที่ผ่านมา ตลาดและยอดขายสกินแคร์ในสหรัฐอเมริกามียอดสูงขึ้น 7% สวนทางกับตลาดเครื่องสำอางที่ตกไปถึง 4% โดยภาพรวมของตลาดสกินแคร์ในปี 2018 นั้นมียอดขายสูงขึ้นถึง 14% ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ Shiseido จะตัดสินใจซื้อแบรนด์คลีนบิวตี้ เพื่อขยับขยายเข้าสู่ตลาดสกินแคร์ให้มากขึ้นนั่นเอง
ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่แบรนด์ Drunk Elephant ขายแบรนด์ให้กับ Shiseido เพราะความต้องการที่จะขยายสู่ตลาดใหม่ๆ และก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง โดยทางแบรนด์จะได้รับการซัพพอร์ตจาก Shiseido ในการหาทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น เช่น การรีไซเคิลหัวปั้มหรือการรณรงค์ให้คลีนบิวตี้เป็นที่รู้จัก รวมถึงส่งทอดความเป็นแบรนด์และปรัชญาของแบรนด์ให้รู้จักในวงกว้างกว่าเดิม
โดย Tiffany Masterson ซีอีโอเจ้าของแบรนด์ Drunk Elephant ได้โพสต์รูปลงอินสตาแกรมพร้อมกับแคปชั่นที่ว่า "ฉันมีข่าวดีมาบอก ฉันได้ตัดสินใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ชิเซโด้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เจอกับผู้ร่วมอุดมการณ์ที่เข้าใจในจุดประสงค์ของแบรนด์และช่วยให้ฝันเราเป็นจริง ฉันอยากจะสร้างความมั่นใจให้กับพวกคุณว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโปรดักต์ ฉันยังคงทำตามปณิธานที่ฉันตั้งไว้ ราคายังคงเท่าเดิมและคงความเป็นแบรนด์ Cruelty-Free เอาไว้อย่างแน่นอน แต่ส่วนที่เราจะทำให้ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมคือ การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เจาะตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลก แชร์ความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ให้ทุกคนสามารถตระหนักถึงการเป็นคลีนบิวตี้ที่ถูกต้อง ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ขนาดนี้" มาติดตามกันว่าการเดินทางของแบรนด์นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
WATCH
WATCH