SKINCARE

เผย 5 ข้อผิดพลาดในการใช้อายครีม

นี่คือสิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้อายครีม ใช้อย่างไรถึงจะเห็นผลกับผิวรอบดวงตาของเรามากที่สุด

     ‘อายครีม’ เป็นไอเท็มบำรุงผิวที่ใครหลายคนอาจมองข้าม บางคนใช้ไม่ถูกวิธีอย่างการใช้ผิวลำดับขั้นตอนหรือเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ในการบำรุงผิวมาใช้แทนอายครีม เพราะคิดว่าเติมความชุ่มชื้นเหมือนกัน แต่ในความจริงแล้วการเลือกใช้อายครีมอย่างถูกต้องจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวเห็นผลลัพธ์ได้ชัดมากกว่าที่ิคิด ผิวรอบดวงตาดูสดชื่นขึ้น ริ้วรอยต่างๆ เล็กลง จึงทำให้ใบหน้าของเราดูอ่อนเยากว่าเดิม ฉะนั้นใครที่กำลังใช้อายครีมแบบผิดๆ มาดูกันว่า 5 ความเชื่อและข้อผิดพลาดในการใช้อายครีมนั้นมีอะไรบ้าง

 

ใช้ผิดลำดับการลงสกินแคร์

     ย้ำกันเสมอว่าการใช้สกินแคร์ที่ถูกต้อง นอกจากเลือกให้เข้ากับสภาพผิวของเราแล้ว ควรลงผิวให้ถูกต้องตามลำดับ เพื่อให้เนื้อครีมของสกินแคร์ต่างๆ สามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรเริ่มจากสกินแคร์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาไปจนถึงเนื้อครีมที่มีความหนา โดยเริ่มต้นการโทนเนอร์, เซรั่ม, และตามด้วยการลงอายครีมหรือเฟซมอยส์เจอไรเซอร์ แล้วแต่ว่าเนื้อสัมผัสของชิ้นไหนมีความหนากว่ากัน ถ้าชิ้นไหนเนื้อครีมหนากว่าให้ลงทีหลัง เพื่อที่ครีมที่จะได้ซึมซาบได้ดี จากนั้นปิดท้ายด้วยการบำรุงริมฝีปากตามปกติ 

 

Double Serum Eye จาก Clarins (ราคา 3,600 บาท)

 

เลือกอายครีมไม่เหมาะกับสภาพผิวของเรา

     หนึ่งในเทคนิคการใช้สกินแคร์ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดคือเลือกชนิดของสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา ซึ่งอายครีมก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่เราควรเลือกให้เหมาะกับผิว หากใครมีผิวมันหรือผิวผสม แนะนำให้เลือกอายครีมที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เช่น อายเจลหรืออายเซรั่ม เพราะสามารถทาแล้วซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ไม่กองอยู่บนผิวให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ หรือถ้าใครมีสภาพผิวแห้งหรือมีริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา ควรเลือกไอเท็มที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเนื้อครีม เพื่อให้สามารถเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกได้ รวมถึงโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสดชื่นได้อย่างยาวนาน

 

ทาหรือนวดลงบนผิวแรงเกินไป

     ผิวรอบดวงตาเป็นผิวที่มีความบอบบางมากที่สุดบนใบหน้า ฉะนั้นการทาลงบนผิวแรงๆ ไม่ได้แปลว่าจะช่วยให้การบำรุงผิวดีขึ้น แต่จะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยตามมาทีหลังได้ แนะนำให้บีบหรือแตะลงบนผิวประมาณ 2-3 จุดรอบดวงตา และใช้นิ้วกลางนวดวนเบาๆ จนครีมซึมซาบลงสู่ผิว หรือสามารถใช้อุปกรณ์เสริมช่วยได้ เช่น เครื่องนวดรอบดวงตา เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้น

 

Bear™ 2 Eyes & Lips จาก FOREO (ราคา 8,900 บาท)

 

คิดว่ามอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไปใช้แทนอายครีมได้

     สกินแคร์แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ในแต่ละส่วนของใบหน้าแตกต่างกันไป เช่น เอสเซนซ์กับโทนเนอร์ ซึ่งเป็นสกินแคร์ที่ใครหลายคนมักสับสนถึงคุณสมบัติและคิดว่าใช้ทดแทนกันได้ แต่จริงๆ แล้วเอสเซนส์จะเน้นเรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวสดชื่น แต่โทนเนอร์จะช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนที่สามารถใช้ได้ทุกวันแทนการใช้เฟซสครับนั่นเอง อายครีมก็เหมือนกัน หากใครอยากได้การบำรุงอย่างล้ำลึก ควรเลือกใช้อายครีมให้เหมาะกับผิวและถูกวิธี จึงจะช่วยให้รอบดวงตาของเราดูชุ่มชื้นและชอลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

 

ใช้เป็นครั้งคราว ไม่สม่ำเสมอ

     แน่นอนว่าการมีผิวที่ดีและแข็งแรง ควรทำให้เป็นประจำและมีรูทีนที่สม่ำเสมอ อายครีมมีความสำคัญไม่แพ้กับสกินแคร์ชิ้นอื่นๆ ที่เราควรเอาใจใส่และใช้อย่างเป็นประจำ นอกจากนี้ควรเริ่มใช้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ควรรอให้อายุเยอะจนสายเกินแก้ เมื่อผิวของเรามีความชุ่มชื้นตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว เมื่ออายุเยอะขึ้นก็จะมีพื้นฐานของผิวที่แข็งแรง ทำให้เกิดริ้วรอยได้ช้าลงนั่นเอง

 



WATCH



Smart Clinical Repair™ Wrinkle Correcting Cream จาก Clinique (ราคา 3,750 บาท)

ภาพ : @carladysonmakeup, @tingting_lai, Courtesy of brands

WATCH