วิธีเลือกเฉดสีคอร์เร็กเตอร์ที่ถูกวิธีที่สาวๆ ทุกคนควรรู้ไว้!

Erase redness with Green

สำหรับจุดบกพร่องที่น่ากังวลใจมากที่สุดเห็นจะเป็นปัญหาสิวที่มักมาควบคู่กับอาการอักเสบจนเกิดเป็นรอยแดงหากมีการใช้ยารักษาที่ช่วยลดอาการอักเสบอาจส่งผลให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวแห้งและลอกเป็นขุยจนไม่สามารถปกปิดได้ ดังนั้นควรหมั่นบำรุงผิวด้วยสกินแคร์สูตรออยล์ฟรีก่อนเพื่อปรับพื้นผิวให้ชุ่มชื่นและเรียบเนียน

How-to: ลงคอร์เร็กเตอร์สีเขียวบริเวณที่มีรอยแดงตามด้วยการใช้คอนซีเลอร์หรือรองพื้นเฉดสีเข้มกว่าผิวประมาณ 1 เฉด และใช้แปรงพู่กันเรียวเล็กค่อยๆ เกลี่ยบริเวณขอบให้ดูเนียนเสมอกัน

Banish Blue with Pink

แสงแดดและมลภาวะต่างส่งผลให้ผิวเกิดรอยหมองคล้ำและจุดด่างดำ ดังนั้นควรใช้คอร์เร็กเตอร์หรือไพรเมอร์ที่มีเนื้อสีชมพูเป็นส่วนผสมหลักเพื่อปรับโทนสีให้สว่างขึ้น

How-to: หลังจากปรับสีผิวแล้ว Nick Barose เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังแนะนำวิธีใช้คอนซีเลอร์ว่าให้เลือกเฉดสีที่แมตช์พอดีกับผิวของเราเพราะหากเลือกสีที่อ่อนกว่าจะทำให้รอยจุดด่างดำกลายเป็นสีเทาและยิ่งเน้นย้ำให้เห็นจุดบกพร่องชัดกว่าเดิมด้วย

BRIGHTEN EYES with APRICOT

รอยหมองคล้ำรอบดวงตาที่อาจส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูอิดโรยมักจะปรากฏให้เห็นเป็นกลุ่มโทนสีน้ำเงินหรือสีฟ้า ดังนั้นควรเลือกคอร์เร็กเตอร์เฉดสีแอปริคอตหรือสีพีชสำหรับผิวขาวถึงเข้มเล็กน้อย สีส้มสำหรับผิวสีน้ำผึ้งอบอุ่น และสีแดงสำหรับผิวสีเข้มเพื่อปรับสีผิวรอบดวงตาให้ดูสว่างขึ้นโดยไม่ดูขาวโพลนจนเกินไป

How-to: ลงคอร์เร็กเตอร์บริเวณหัวตาไล่ไปจนถึงใต้เส้นโคนขนตาล่างโดยใช้นิ้วมืออุ่นๆ ค่อยๆ แทปและเกลี่ยผลิตภัณฑ์ให้เรียบเนียน ตามด้วยการลงคอนซีเลอร์ในเฉดสีที่อ่อนกว่าสีผิวจริง 2-3 เฉดเพื่อปกปิดสีของคอร์เร็กเตอร์ที่ลงไปก่อนหน้าให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

Neutralise Yellow with Lilac

ความหมองคล้ำของผิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างฉับพลันหรือแม้กระทั่งการพักผ่อนไม่เพียงพออาจส่งผลให้ผิวไม่สดใสและค่อนไปทางซีดเหลืองจนดูโทรมในบางเวลา ดังนั้นคอร์เร็กเตอร์สีม่วงจะช่วยลดโทนสีเหลืองเพื่อปรับผิวหน้าให้ดูสว่างใสขึ้น

How-to: ลงคอร์เร็กเตอร์หรือไพรเมอร์สีม่วงทั่วทั้งใบหน้าก่อนการลงรองพื้น จะช่วยปรับความหมองให้ดูสดใสคล้ายได้นอนหลับพักผ่อนมาเต็มอิ่มตลอดคืน