SKINCARE
เบลล์ เขมิศรา เล่าที่มาของ Butter พร้อมแชร์สกินแคร์รูทีนช่วยกู้ผิวจากจุดด่างดำและความแห้งทำความรู้จักบิวตี้รูทีนและแบรนด์ Butter Skincare ของ เบลล์ เขมิศรา |
ก่อนที่จะมาเป็นแบรนด์สกินแคร์สุดคิ้วท์ที่ชื่อว่า Butter เบลล์ เขมิศรา พลเดช เจ็บมาเยอะกับการดูแลผิวและลงทุนไปกับสกินแคร์ที่เยอะเกินความจำเป็น “ก่อนหน้านี้เบลล์หมดเงินไปกับคลีนิกเยอะมาก และมีช่วงที่ชอบลองประโคมใช้สกินแคร์เยอะเกินไปจนหน้าพังเพราะผสมกันจนมั่วไปหมด” หลังจากลองผิดลองถูกกับสกินแคร์มาเยอะเธอได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับส่วนผสมของสกินแคร์อย่างจริงจังมากขึ้นจนค้นพบสไตล์การดูแลผิวแบบน้อยแต่มาก โว้กบิวตี้พูดคุยกับเบลล์ถึงที่มาของแบรนด์ Butter พร้อมพาเจาะลึกสกินแคร์รูทีนของเธอที่กังวลเรื่องผิวแห้งและจุดด่างดำ รวมถึงเมกอัพรูทีนที่ทำให้เรารู้ว่าเธอไม่ใช่สายเมกอัพ
Behind The Brand
“Butter เป็นโปรเจคที่ใช้เวลากว่า 2 ปีก่อนได้ฤกษ์ปล่อยออกมา เป็นแบรนด์สกินแคร์แบบ Plant-Based ไม่ใช่การเอาเนยมาทาผิวนะ (หัวเราะ) แต่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยเราเลือกใช้ส่วนผสมจากข้าวแดงเป็นหลัก ซึ่งได้ผ่านการวิจัยและรับรองจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คือเบลล์เป็นคนที่ชอบอะไรที่เป็น OTOP มีความเป็นธรรมชาติแบบไทยๆ” เธอเผยว่าแรกเริ่มก่อนที่จะทำแบรนด์ Butter เธอได้หาข้อมูลจนไปพบกับโรงงานและผู้ผลิตที่เน้นการใช้ส่วนผสมของพืชและสมุนไพรที่มาจากประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในจุดมุ่งหมายในการทำแบรนด์สกินแคร์นี้ขึ้นมาก็เพื่อสนับสนุนส่วนผสมธรรมชาติของไทย ที่จริงๆ แล้วมีสรรพคุณในการบำรุงผิวที่ดีไม่แพ้ส่วนผสมของต่างชาติ
โดยเธอเสริมว่าส่วนผสมจากธรรมชาติที่ปลูกในประเทศไทยซึ่งเป็นหัวใจของแบรนด์ Butter นั้นได้ถูกนำมาพัฒนาร่วมกับนวัตกรรมความงามของประเทศเกาหลี อย่างส่วนผสมของมาส์กและเอสเซ้นส์ 2 ผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์จะมีเบสเป็นพืชไทยอย่างเช่น ข้าวแดงที่อุดมไปด้วยสารโปรไซยานิดินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและการอักเสบช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังมีส่วนผสมสำคัญอาทิ กรดไฮยาลูรอนิกแอซิด สารสกัดจากดอกดาวเรือง และสารสกัดจากใบชาเขียว
นอกจากนี้ Butter ยังเป็นแบรนด์ที่ถูกผลิตในโรงงานที่ได้รับการการันตีในเรื่องของ Sustainability ที่ใส่ใจกับการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนอีกด้วย โดยเธอเผยว่า Butter ได้มีการเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งมาหลายครั้งเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ซึ่งเธอคำนึงถึงการเลือกใช้แพ็คเกจจิ้งสกินแคร์ที่เมื่อใช้หมดแล้วสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ จึงเป็นที่มาของการใช้แพ็คเกจจิ้งที่เป็นแก้วแทนการใช้พลาสติกหรือหลอดอะลูมิเนียม นอกจากจะทำเป็นแก้วให้นำหลับมาใช้ได้ช่วยลดการเกิดขยะแล้ว เธอแชร์ว่าได้มีการตกแต่งแพ็คเกจจิ้งด้วยโลโก้ Butter ที่สะท้อนออกมาจากด้านในขวดเพื่อที่เวลานำกลับมาใช้จะได้กลายเป็นของตกแต่งบ้านน่ารักๆ อย่างแจกันใส่ดอกไม้ได้ด้วย
WATCH
หลังจากทำความรู้จักกับ Butter กันไปแล้ว โว้กบิวตี้ก็ไม่รอช้าถามถึงบิวตี้รูทีนในชีวิตประจำวันของเธอ
Morning Routine
“เราเริ่มด้วยการทำความสะอาดผิวด้วยเคลนเซอร์ Low pH Good Morning Gel Cleanser จาก Corsrx สำหรับช่วงเช้าเราจะข้ามขั้นตอนโทนเนอร์ไปเพราะเพิ่งตื่นนอนผิวไม่ได้สกปรกอะไรมาก เลยจะตามด้วยเอสเซ้นส์ Rice & Shine Intensive Essence จาก Butter ที่มีส่วนผสมของข้าวแดงที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและลดเลือนรอยสิว” เธออธิบายต่อว่าเอสเซ้นส์จาก Butter ตัวนี้มีส่วนผสมเดียวกันกับมาส์กเพียงแต่มาในรูปแบบของน้ำตบ อย่างไรก็ตามไม่ใช้น้ำตบใสๆ แต่ว่าจะมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นคล้ายเจลใสๆ มากกว่า “ช่วงนี้มีปัญหาจุดด่างดำเยอะเลยจะใช้สกินแคร์ที่โฟกัสเรื่องการลดเลือนจุดด่างดำ อย่างสเต็ปต่อมาเราจะใช้เซรั่ม Bright Plus จาก Clarins จากนั้นตามด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อโลชั่นจาก La Mer และปิดท้ายด้วยครีมกันแดด ต้องสารภาพว่าแต่ก่อนเราไม่ค่อยใช้ครีมกันแดดเพราะรู้สึกว่าสารเคมีเยอะและทำให้รูขุมขนอุดตัน แต่สุดท้ายก็เจอครีมกันแดดที่ใช่อย่าง Blue Ray Sun Gel จาก MAKE P:REM”
Makeup
“คือไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เวลาแต่งหน้าหนักๆ เบลล์จะรู้สึกปวดหัวและรู้สึกอยากจะอาเจียน (หัวเราะ) ตั้งแต่เริ่มทำงานในวงการมารู้สึกว่าเมกอัพหนาๆ มันหนักหน้าก็เลยไม่ค่อยชอบแต่งหน้าและจะใช้เมกอัพเฉพาะวันที่จำเป็นอย่างเวลาออกไปเจอผู้คนหรือมีนัดสำคัญ” ซึ่งเธอเล่าว่าสำหรับลุค Makeup No Makeup เน้นความเป็นธรรมชาติในวันชิวๆ จะมีสเต็ปที่สั้นและง่าย “เบสที่ชอบมากๆ ในตอนนี้ก็คือคุชชั่น Bright Plus Brightening Cushion foundation SPF 50/PA+++ จาก Clarins คือเราไม่ค่อยชอบคุชชั่นที่มันเนื้อหนาแบบรองพื้นจนเกินไป ซึ่งตัวนี้ตอบโจทย์เพราะบางเบา ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส และปกปิดพวกรอยแดงบนผิวได้ดีเลย” แน่นอนว่าลุคเมกอัพที่เน้นความธรรมชาติจะขาดบลัชออนไปไม่ได้ ซึ่งเธอแชร์ว่าเลือกใช้เป็นบลัชออนเนื้อครีมเพราะใช้ง่าย “ครีมบลัชที่ใช้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลย แต่ที่ใช้อยู่ตอนนี้คือครีมบลัชจากแบรนด์ Everpink โดยจะใช้ฟองน้ำในการช่วยเกลี่ยให้สีบลัชกลืนไปกับผิวอารมณ์เลือดฝาด สำหรับคิ้วจะใช้เป็นเจลปัดคิ้วจาก 3CE ส่วนลิปเราจะไม่ค่อยใช้ลิปสติกที่มีสีแต่จะใช้เป็นพวกลิปมันหรือลิปเปลี่ยนสีแทน และสุดท้ายก็ดัดขนตานิดนึง เป็นอันจบ…”
พอถามว่านี่เป็นลุคเมกอัพที่สามาถแต่งเสร็จภายใน 5 นาทีได้ไหม เธอแชร์ว่าในความง่ายก็แอบมีความพิถีพิถันและใช้เวลาในการแต่งหน้าพอสมควร พร้อมเล่าว่ามีวันที่เธอแต่งหน้าออกมาแล้วหน้าลอยเพราะสีรองพื้นไม่ตรงกับสีผิวบ้าง ลืมทาคอบ้าง หรือลืมคอนทัวร์แล้วรู้สึกกรอบหน้าไม่ชัดบ้าง ซึ่งความที่ไม่ค่อยอินกับการแต่งหน้าสักเท่าไหร่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำแบรนด์สกินแคร์ Butter ขึ้นมาเพื่อที่ให้ทุกคนกล้า Dare to be bare หรือมั่นใจกับการเปลือยผิวแบบหน้าสดก็ออกจากบ้านได้ ซึ่งสะท้อนถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่อยากให้ทุกคนใส่ใจกับสกินแคร์และการดูแลผิวให้สุขภาพดี
Night Routine
“หลังจากกลับบ้านมาเราจะทำความสะอาดผิวและลบเมกอัพด้วยเคลนซิ่งออยล์ Secret of Sahara Cleansing Oil; Deep Clean, Deep Moist จาก Huxley (Spoiler Alert: เธอกระซิบบอกโว้กบิวตี้ด้วยว่าเร็วๆ นี้ Butter กำลังจะมีสมาชิกใหม่เป็นเคลนซิ่งบาล์มออกมา คอยติดตามกันได้เลย) ต่อมาจะล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์ Advanced Night Micro Cleansing Foam จาก Estée Lauder คู่กับอุปกรณ์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่าง Foreo เราใช้สีม่วงสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งพอล้างหน้าออกรู้สึกว่าหน้าสะอาดและผิวนุ่มมาก หลังจากทำความสะอาดผิวก็จะตามด้วยเอสเซ้นส์ Rice & Shine Intensive Essence จาก Butter แล้วตามด้วยเซรั่ม The Concentrate และ เซรั่ม The Regenerating Serum จาก Lamer สำหรับสเต็ปปิดท้ายเราจะลงมอยซ์เจอไรเซอร์ Vinoperfect Glycolic Night Cream จาก Caudalie ซึ่งตอนนี้จะสลับใช้กับ Rice & Shine Overnight Sleeping Mask จาก Butter คือมาส์กตัวนี้เหมาะมากสำหรับวันที่ขี้เกียจและอยากลัดทุกขั้นตอนให้เหลือสเต็ปเดียว ซึ่งเราชอบเอาไปแช่ตู้เย็น พอทาแล้วรู้สึกสบายผิว”
สำหรับคนที่สนใจอยากลองเพิ่ม Butter เข้าไปในสกินแคร์รูทีน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจอินสตาแกรม Butter Skincare ได้เลย
เรื่องและสัมภาษณ์: แก้วสิริ ศรีสำอาง
ภาพ: @butterskincare / IG: @kemisarap
WATCH