SKINCARE
เมื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นไม่ได้ ก็ต้องปกป้องผิวไว้ก่อน กับ 6 สกินแคร์ต่อสู้กับฝุ่นและมลภาวะปัญหาของผิวหมองคล้ำ สิว และริ้วรอย |
ช่วงนี้เรื่องฝุ่นมลภาวะเป็นปัญหาระดับชาติ เดินไปไหนก็เห็นแต่ความเทามัวเต็มท้องฟ้า และมาสก์ป้องกันฝุ่นนั้นก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยป้องกันผิวจากการโดนทำร้ายได้ อย่างเราก็คงต้องหวังพึ่งสกินแคร์ คนที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่ฝุ่นควันเยอะ เราขอแนะนำให้ทุกคนใส่ใจในการเพิ่มสเต็ปสกินแคร์ที่มีส่วนช่วยปกป้องมลภาวะเพิ่มมาอีกหนึ่งสเต็ป เพื่อป้องกันการอุดตันของฝุ่นและสิ่งสกปรกใต้ผิว ต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ สิว ริ้วรอย และจุดด่างดำ ที่สุดท้ายแล้วจะเป็นปัญหาเรื้อรังและแก้ยากเปล่าๆ
DR. BARBARA STURM ANTI-POLLUTION DROPS (5,950 บาท)
มาเริ่มที่ตัวแรก มาจากแบรนด์สกินแคร์ขวัญใจเซเล็บเอลิสต์ของแพทย์ผิวหนังสัญชาติเยอรมัน ที่กลายมาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์ที่สาวไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจ ถึงราคาจะสูงแต่ก็เป็นสกินแคร์ที่ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ชัดเจน สำหรับเซรั่มตัวนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้สุดๆ เพราะช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ หรือแม้กระทั่งแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบของผิวที่เกิดจากการทำร้ายของปัจจัยภายนอก นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นอีกด้วย จะใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ผสมกับสกินแคร์ที่ใช้อยู่ก็ได้
CHANEL UV ESSENTIEL (2,100 บาท)
ต่อด้วยงานครีมกันแดด สเต็ปสุดท้ายของการลงสกินแคร์ในตอนเช้า ที่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB สำหรับสาวๆ ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง แน่นอนว่าช่วยปกป้องมลภาวะได้ด้วย ที่สำคัญช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้นเหตุของผิวเสื่อมโทรม ในขณะเดียวก็ช่วยปรับให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วย ครีมกันแดดรุ่นนี้มีให้เลือก 3 สูตรด้วยกันทั้งรูปแบบเนื้อเจล และสูตรอิมัลชั่นที่ให้การปกป้องได้ถึง SPF 50+ สำหรับผิวไวต่อแสง และอีกสูตรคือ SPF 30 สำหรับช่วงวันที่แดดไม่จัด
WATCH
CLINIQUE Dramatically Different Hydrating Jelly (1,650 บาท)
สกินแคร์เนื้อเจลที่จะช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว แถมมาด้วยความเบาสบายซึมซาบไปกับผิวได้อย่างรวดเร็ว ใช้ได้กับทุกสภาพผิว คนที่มีสภาพผิวมันน่าจะปลาบปลื้ม เพราะไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว แต่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นได้ตลอดทั้งวัน ถ้าเป็นสาวผิวแห้งและรู้สึกว่าชุ่มชื่นไม่พอ ก็สามารถลงสกินแคร์ตัวอื่นๆ ต่อได้ นอกจากความชุ่มชื่นแล้ว คุณสมบัติสำคัญที่ขาดไม่ได้คือสามารถปกป้องผิวจากมลภาวะ เสริมเกราะป้องกันให้ผิวได้ตลอดทั้งวัน เป็นสกินแคร์ที่คุณสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
FRESH Peony Brightening UV Shield Sunscreen SPF 50+ (2,150 บาท)
มาถึงครีมกันแดดอีกตัวที่มีคุณสมบัติแบบ 3 in 1 เนื้อครีมไม่หนักผิว ไม่ทิ้งคราบขาว ใครที่กลัวการอุดตันแนะนำครีมกันแดดตัวนี้ คุณสมบัติอย่างแรกคือ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยระดับการปกป้องถึง SPF 50+ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสกินแคร์ ช่วยปรับให้ผิวแลดูสว่างกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนจุดด่างดำ จากรากของดอกพีโอนี และกรดไฮยาลูรอนที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว อย่างสุดท้ายคือ เชีย เอ็กซ์แทรก ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นและมลภาวะต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
MENARD SERUM E (2,700 บาท)
แบรนด์สกินแคร์ที่เป็นน้องใหม่ในบ้านเรา แต่เป็นที่คุ้นเคยดีในวงการความงามญี่ปุ่นมานานกว่า 60 ปี เซรั่มเข้มข้นจากวิตามินอีตัวนี้จะช่วยเติมความชุ่มชื่น ให้ผิวดูอิ่มฟูสดใสขึ้นจากกรดไฮยารูลอน และมีส่วนประกอบของโคเอนไซม์คิว 10 ปรับผิวหยาบกร้านให้เนียนนุ่มขึ้น วิตามินอีส่วนประกอบหลักสำคัญที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สาเหตุของผิวร่วงโรยก่อนวัย และช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกอย่างฝุ่น ควัน และมลภาวะ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น แนะนำให้ใช้ SERUM E ตัวนี้ก่อนแล้วตามด้วยครีมกันแดดในตอนกลางวัน ถ้าเป็นตอนกลางคืนสามารถใช้ก่อนลงครีมบำรุงผิวได้เลย
ALLIES OF SKIN 1A All-Day Pollution Repair Mask (3,405 บาท)
แบรนด์ที่ฮอตฮิตมากสำหรับเหล่าบล็อกเกอร์ต่างประเทศ เพราะเป็นสกินแคร์ถูกสร้างขึ้นในเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน ที่เร่งรีบและต้องการความรวดเร็ว อย่างมาสก์ตัวนี้ก็มาในรูปแบบมาสก์ที่สามารถใช้เป็นสกินแคร์ได้ทั้งเช้าและเย็นโดยไม่ต้องเสียเวลารอล้างออก ช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ปรับสกินโทน ลดผิวบวมน้ำ สร้างคอลลาเจนให้กับผิว และปกป้องผิวจากมลภาวะไปพร้อมกับการบำรุง เหมาะกับผิวทุกประเภทโดยเฉพาะผิวไม่สดใส ผิวที่ดูเหนื่อยล้า เป็นสกินแคร์ที่ถูกขนานนามว่า ใช้แล้วเหมือนผิวได้นอนหลับเต็มอิ่ม เนื้อครีมซึมซาบไว หลังจากทาลงผิวแล้วจะมอบผิวที่โกลว์ชุ่มชื่นสุขภาพดี
WATCH