MAKE UP

รู้หรือไม่ว่า Setting Powder กับ Finishing Powder ใช้แตกต่างกันอย่างไร

นี่คือความแตกต่างระหว่างแป้ง Setting Powder กับ Finishing Powder ที่ให้ผลลัพธ์ในการใช้งานไม่เหมือนกัน

     เชื่อว่า ‘แป้ง’ เป็นไอเท็มเมกอัปที่ใครหลายคนต้องมีติดกระเป๋าหรือติดโต๊ะเครื่องสำอางไว้อย่างน้อย 1-2 ชิ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นไอเท็มงานผิวที่จะช่วยเซ็ตเบสเมกอัปให้เข้าที่ ลดการตกร่องและเป็นคราบ พร้อมคุุมมันและเบลอรูขุมขน แต่เคยสงสัยกันไหมว่าคำลงท้ายของแป้งที่เราใช้อย่าง ‘Setting Powder’ กับ ‘Finishing Powder’ มีความแตกต่างกันอย่างไร โว้กบิวตี้พามาไขคำตอบพร้อมบอกต่อเทคนิคการใช้แป้งทั้งสองชนิดให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้งานผิวสวยและเมกอัปติดทนนานยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

Setting Powder

     แค่เห็นชื่อก็พอจะเดาได้แล้วว่า Setting Powder คือแป้งที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยล็อกเครื่องสำอางให้ติดทน ด้วยการเข้าไปเซ็ตเบสเมกอัปที่มีลักษณะเป็นครีมหรือลิควิด พร้อมกับช่วยคุมความมันและลดการเกิดคราบหรือตกร่องระหว่างวัน แป้งชนิดนี้มีทั้งที่เป็นแบบผง (Loose Powder) และแบบอัดแข็ง (Pressed Powder) ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่คล้ายๆ กันด้วยฟินิชลุคแบบแมตต์ เทคนิคการใช้แป้งเซ็ตติ้ง ขึ้นอยู่กับลุคงานผิวที่อยากได้ ถ้าอยากได้ลุคแกลม งานผิวแน่นจัดเต็ม สามารถเลือกแบบอัดแข็งและใช้คู่กับพัฟฟ์แต่งหน้า บวกกับการใช้เทคนิคกดแทนการปัด เพราะจะช่วยให้แป้งเซ็ตตัวง่ายและไม่เคลื่อนระหว่างวัน แต่ถ้าใครอยากได้งานผิวใสๆ ดูเป็นธรรมชาติที่สามารถแต่งได้ในชีวิตประจำวัน แนะนำให้เลือกแบบผงและใช้คู่กับแปรงหัวใหญ่ที่แตะนิดเดียวก็สามารถปัดได้ทั่วหน้า เทคนิคนี้จะช่วยคุมความมันบนใบหน้า แต่ยังคงดูเป็นงานผิวธรรมชาติอยู่

 

HD Skin Setting Powder จาก MAKE UP FOR EVER (ราคา 1,700 บาท)

Setting Powder จาก Kylie (ราคา 1,030 บาท)

 



WATCH



 

Finishing Powder

     บางคนอาจจะเคยเห็นคำนี้บนผลิตภัณฑ์แป้งมาก่อน Finishing Powder เป็นแป้งชนิดหนึ่งที่จะช่วยเติมสัมผัสสุดท้ายให้กับลุคเมกอัปของเราดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพราะจะเข้าไปช่วยเบลอจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูขุมขนกว้างให้เล็กลง รวมถึงริ้วรอยและร่องลึกต่างๆ ให้ดูตื้นขึ้น และมอบเอฟเฟกต์ซอฟต์โฟกัส เพื่อผลลัพธ์ผิวสวยเสมือนมีฟิลเตอร์ติดตัว แป้งชนิดนี้มักมาในลักษณะของ Pressed Powder เป็นส่วนใหญ่ เทคนิคการใช้สุดเบสิกคือใช้คู่กับแปรงหัวใหญ่และปัดให้ทั่วใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังแต่งหน้าเสร็จ นอกจากนี้อีกหนึ่งเทคนิคที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อนคือ เราสามารถใช้แป้งชนิดนี้กลบในส่วนของสีสันที่มากจนเกินไป เช่น ถ้าหากเราคิดว่าปัดแก้มชมพูเกินไปก็สามารถใช้แป้งชนิดนี้ในการกลบสีสันส่วนเกินออกได้ โดยไม่ทำให้เบสเมกอัปของเราเคลื่อนออกจากผิว

 

Airbrush Flawless Finish Powder จาก Charlotte Tilbury (ราคา 2,100 บาท)

Ambient Lighting Powder จาก Hourglass (ราคา 2,250 บาท)

 

ความแตกต่างระหว่าง Setting Powder กับ Finishing Powder

     แป้งทั้ง 2 แบบนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก โดยแป้ง Setting Powder จะสามารถใช้งานได้ครอบคลุมและหลากหลายมากกว่าเช่น การเบกกิ้งที่นิยมใช้แป้งฝุ่นกดทิ้งไว้บริเวณที่ต้องการให้เบสเมกอัปติดทนนาน แต่ในขณะเดียวกันแป้ง Finishing Powder จะมอบงานผิวที่ดูสวยฉ่ำและมีความเบาบางมากกว่า เพราะฉะนั้นการเลือกใช้แป้งทั้ง 2 ชนิดนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลุคเมกอัปที่เราอยากแต่ง รวมถึงสภาพผิว ถ้าใครมีผิวมันหรือผิวผสมก็ควรใช้แป้งเซ็ตติ้งเพื่อช่วยคุมความมัน แต่ถ้าใครมีผิวแห้งก็อาจจะลดปริมาณในการใช้ เพราะอาจทำให้เกิดคราบหรือลอกเป็นขุยได้นั่นเอง

 

ภาพ : @bbyambi, @leahbaines_mua, Courtesy of brands

WATCH