MAKE UP

5 เทคนิคการแต่งหน้าตามสไตล์ของ Jung Saem Mool เมกอัพอาร์ทิสต์มือโปรสัญชาติเกาหลีใต้

เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้การแต่งหน้าง่ายและดูเป๊ะขึ้น

"Jung Saem Mool" เมกอัพอาร์ทิสต์สัญชาติเกาหลีใต้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการแต่งผิวฉ่ำโกลว์ตามสไตล์สาวเกาหลี ถึงจะดูแต่งน้อยแต่ขั้นตอนและเทคนิคค่อนข้างจะพิถีพิถันพอสมควร รวมถึงการเลือกเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่เป็นส่วนสำคัญในการครีเอตลุคให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด โว้กบิวตี้รวม 5 เทคนิคของช่างแต่งหน้ามือโปรคนนี้มาฝากกัน ไม่ใช่ใช้ได้แค่สำหรับลุคฉ่ำโกลว์เท่านั้น เทคนิคเหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้กับทุกลุคของการแต่งหน้า

 

Thin & Thick เทคนิคการเสริมสร้างและเน้นจุดเด่นบนโครงสร้างใบหน้า

ใบหน้าของแต่ละคนมีรูปทรงและลักษณะที่แตกต่างกันไป การใช้เมกอัพเข้ามาช่วยเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งทริคที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม เช่น การบรอนเซอร์ เฉดดิ้ง และไฮไลต์ ซึ่งถือเป็นทริคที่จะช่วยจึงจุดเด่นบนใบหน้าออกมา เช่น ลุค Glass Skin จะเน้นการใช้โปรดักซ์ที่ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติที่สุดอย่างการใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีม แนะนำให้ลงด้วยนิ้วมือจะดีกว่าแปรงแต่งหน้า เพราะความอุ่นบนนิ้วมือจะช่วยวอร์มเนื้อผลิตภัณฑ์ให้สมูธไปกับผิว รวมถึงการเพิ่มสีสันให้ใบหน้าไม่ซีดอย่างการปัดบลัชออนก็มีหลายเทคนิคที่จะทำให้ลุคการแต่งหน้านั่นดูแตกต่างออกไป

Warm & Cool เทคนิคการเลือกสีสันที่เหมาะสม เพื่อใบหน้าดูอ่อนเยาว์

แน่นอนว่าสีสันที่ใช้แต่ละลุคของเมกอัพเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ใบหน้าดูแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เช่น หากเราเลือกโทนสีอุ่นอย่างสีส้มมาใช้เป็นหลักของลุค โทนสีนี้จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เพราะสีส้มเป็นสีที่ช่วยกระตุ้นพลังงานและความสดชื่น สื่อถึงความมีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ความสุข เป็นต้น รวมถึงการเลือกใช้สีสันของเมกอัพให้เข้ากับสีผิวของตัวเองด้วย เพราะแต่ละเฉดสีให้ผลลัพธ์แตกต่างกันในแต่ละสีผิว เช่น ผิวขาวอมชมพูควรหลีกเลี่ยงการใช้ไฮไลเตอร์สีเงิน เพราะสีเงินจะทำให้ผิวดูซีดเหมือนคนป่วย แนะนำให้ใช้ไฮไลเตอร์สีทองมากกว่า เป็นต้น



WATCH



Wet & Dry เคล็ดลับการแต่งหน้าที่ติดทนยาวนาน ดูสดใส ไม่เลอะเลือนหรือมองระหว่างวัน

ไม่ว่าจะแต่งหน้าลุคไหน การติดทนนานเป็นสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ เพราะคงไม่มีใครปลิ้มถ้าหากเมกอัพหลุดไหลเยิ้มระหว่างวัน ฉะนั้นเรื่องเบสถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้เมกอัพติดทน ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องของไพรเมอร์หรือรองพื้นเท่านั้น สกินแคร์ก็เป็นสิ่งที่จะช่วยยึดเมกอัพของเราไว้ได้เช่นกัน เริ่มจากการทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วยการลงมอยส์เจอไรเซอร์ หากใครมีผิวแห้งมากๆ ควรลงเอสเซนซ์ก่อนหรือเพิ่มเฟซออยล์อีกชั้นก็ได้

Simple & Complex เทคนิคการเน้นเฉพาะจุดและปรับแต่งส่วนอื่นอย่างเรียบง่าย

อย่างที่เคยพูดกันเสมอว่าการบาลานซ์เป็นสิ่งสำคัญในการแต่งหน้า หากเราเลือกเน้นแต่งดวงตาหนักๆ อย่างสโมกี้อาย ส่วนของผิวหน้าและริมฝีปากก็ควรเบาลงอย่างการใช้บรอนเซอร์แทนบลัชออนไปเลยหรือการทาลิปสติกสีนู้ดแทน เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งจุดเด่นบนใบหน้านั่นเอง หรืออยากได้ลุคแซ่บด้วยสีของลิปสติก อาจจะแต่งตาแค่การกรีดอายไลเนอร์เส้นเล็กให้ชิดโคนขนตามากที่สุดหรือแค่ปัดมาสคาร่าก็เพียงพอ

Old & New หลักการผสมผสานเทรนด์ความงามกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างกลมกลืน

การแต่งหน้าเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ไม่มีกฎตายตัว ถึงแม้จะมีบางเทคนิคที่ควรทำตามกฎบ้างแต่ก็ถือเป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้ใบหน้าของเราดูดีขึ้น ซึ่งถ้าพูดถึงการเทรนด์เมกอัพที่กำลังมาในช่วงนี้ก็คือการแต่งแบบไม่มีขอบเขตที่เป็นการผสมผสานเมกอัพและแฟชั่นเข้าด้วยกันอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ บนรันเวย์ในช่วงแฟชั่นวีก บางลุคอาจจะไม่ได้นำมาใช้แต่งในทุกๆ วัน แต่ก็เป็นลุคที่สื่อให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของผู้ครีเอตนั่นเอง หากใครอยากลองหยิบเมกอัพลุคสายแฟมาลองแต่ง อาจจะนำมารีเมกด้วยการบวกกับการแต่งหน้าในชีวิตประจำวันของตัวเองก็ได้

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 

데일리 메이크업부터 아트 메이크업까지! ???? 여러분의 원픽 메이크업은 무엇인가요? From daily makeup to Art???? What's your favorite?

A post shared by JUNGSAEMMOOL Beauty (@jsmbeauty_) on

WATCH