
MAKE UP
รู้จัก Blush Draping เทคนิคปัดแก้มที่ช่วยให้ดูเด็กลงการปัดแก้มที่ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อย ช่วยให้ลุคดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น |
ขั้นตอนการปัดแก้มไม่เพียงเป็นการเพิ่มสีสันให้พวงแก้มเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการปัดแก้ม หรือปัดบลัชออน มีเทคนิคที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเด็กลงได้ด้วย และเทคนิคการปัดแก้มนี้เองที่กำลังถูกพูดถึงมากในวงการบิวตี้ นั่นก็คือ “Blush Draping” หรือการปัดแก้มสร้างเลเยอร์ให้ใบหน้าดูมีมิติ และดูอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งวันนี้โว้กบิวตี้จะพาไปทำความรู้จักกับเทคนิคนี้ให้มากขึ้น
Blush Draping คืออะไร?
“Blush Draping” คือ เทคนิคการปัดแก้มที่เน้นการไล่เฉดสีให้มีมิติบนใบหน้า คือแทนที่จะปัดบลัชออนแค่บริเวณโหนกแก้มแบบเดิม แต่เทคนิคนี้จะใช้บลัชออนลากไล่ระดับขึ้นไปถึงขมับ หรือเบลนด์ไปยังกรอบหน้าด้วย ทำให้ได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนเยาว์ และสดใส มีชีวิตชีวา โดยเทคนิคนี้เคยได้รับความนิยมมากในยุค 70s และถูกนำกลับมาใช้ผ่านการปรับให้โมเดิร์นเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยขึ้น เทคนิคนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูละมุนและดูเด็กลง พวงแก้มจะเหมือนมีเลือดฝาด ดูสุขภาพดี พร้อมยังช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูสดใส ไม่ดูหย่อนคล้อย อีกทั้งยังสามารถปรับสมดุลของรูปหน้าให้ดูซอฟต์ขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งคอนทัวร์หนักๆ
เทคนิค Blush Draping ตามรูปหน้า
การปัดแก้มด้วยเทคนิคนี้ควรปรับให้เหมาะกับแต่ละรูปหน้า โดยการวางตำแหน่งและระดับความเข้มของสีบลัชออนที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
1.รูปหน้ากลม
มีลักษณะแก้มค่อนข้างเต็ม ทำให้หน้าดูกว้าง ฉะนั้นให้ใช้เทคนิคปัดบลัชจากโหนกแก้มด้านนอกไล่ขึ้นไปถึงขมับ เพื่อเป็นการสร้างมิติให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยดึงสายตาให้หน้าดูยกกระชับขึ้น หลีกเลี่ยงการปัดบลัชเป็นวงกลมตรงกลางแก้ม เพราะจะทำให้หน้าดูกลมขึ้นและอาจดูหย่อนคล้อย
2.รูปหน้ายาว
เป็นรูปหน้าที่มีพื้นที่แนวดิ่งค่อนข้างยาว จึงควรใช้วิธีปัดแก้มในแนวนอนจากโหนกแก้มเข้าหาข้างจมูก เพื่อช่วยให้เพิ่มความกว้างให้ใบหน้า สามารถไล่เฉดสีในแนวนอน เน้นที่หน้าแก้ม เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ใบหน้าให้ดูสมดุลและละมุนขึ้น
3. รูปหน้าเหลี่ยม
เป็นรูปหน้าที่มีโหนกแก้มและกรามที่เห็นเหลี่ยมมุมชัดเจน ให้ใช้วิธีปัดแก้มจากโหนกแก้มขึ้นไปถึงขมับ แล้วเบลนด์ให้กลมกลืนไปกับกรอบหน้าซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูซอฟต์ละมุนขึ้น แนะนำให้เลือกสีบลัชโทนพีชหรือสีชมพูนู้ดเพื่อช่วยลดความแข็งของโครงหน้า และทำให้หน้าดูเด็กลงจากการปรับลุคให้มีความอ่อนโยน
4.รูปหน้าไข่
ถือเป็นรูปหน้าที่สมส่วนและสามารถเล่นกับการปัดแก้มได้หลายแบบ เช่น การปัดบลัชจากโหนกแก้มขึ้นไปถึงขมับจะช่วยให้ลุคดูสดใส หรือถ้าเล่นกับสีบลัชแบบไล่เฉด โดยใช้สีอ่อนตรงหน้าแก้มและสีที่เข้มขึ้นตรงบริเวณขมับจะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติยิ่งขึ้น และอาจเพิ่มไฮไลต์เหนือโหนกแก้มอีกเล็กน้อย เพราะใบหน้าจะดูโกลว์และอ่อนเยาว์ขึ้นทันตา
โดยสรุปแล้ว “Blush Draping” ไม่ใช่การปัดแก้มที่ปัดแค่แก้ม แต่ยังสามารถลากบลัชไปถึงจุดอื่น เช่น ขมับ และเน้นการเบลนด์ให้สีดูละมุนละไม ซึ่งทุกคนสามารลองนำเทคนิคไปปรับใช้ให้เหมาะกับรูปหน้าของตนเองได้ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติเท่านั้น แต่ยังทำให้หน้าดูเด็กลงและลุคที่สวยโก้อีกด้วย
WATCH