SKINCARE

นี่คือ 5 ระดับความเข้มข้นของกลิ่นน้ำหอมที่ควรรู้ก่อนจะลงทุนซื้อสักขวด

น้ำหอมประเภทไหนตอบโจทย์กับความต้องการของเรามากที่สุด

เคยสงสัยไหมว่าทำไมน้ำหอมต้องแยกประเภทเป็น EDP, EDT, Colonge หรืออื่นๆ คำตอบคือ เพราะจริงๆ แล้วน้ำหอมนั้นได้มาจากออยล์สกัดบริสุทธิ์หรือออยล์สังเคราะห์ที่เรียกว่าเป็น "หัวน้ำหอม" ซึ่งกลิ่นจะเข้มข้นเกินกว่าจมูกคนปกติจะรับได้ ในกระบวนการสร้างสรรค์น้ำหอมจึงต้องเติมน้ำหรือเอทิลแอลกอฮอล์ลงไป เพื่อทำให้ส่วนผสมเจือจางและได้กลิ่นหอมที่พอดี ดังนั้นความแตกต่างระหว่างน้ำหอมแต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนความเข้มข้นของออยล์กับแอลกอฮอล์นี่เอง นอกจากนี้ความเข้มข้นดังกล่าวยังมีผลในเรื่องความติดทนนานของน้ำหอมมากน้อยต่างกันอีกด้วย ปัจจุบันน้ำหอมจึงแบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

 

Eau Fraiche

เป็นน้ำหอมที่เจือจางที่สุดเพราะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมแค่ 1-3% เท่านั้น น้ำหอมประเภทนี้จึงมีกลิ่นค่อนข้างอ่อนและไม่ค่อยติดทนนัก เพียงแค่ประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ให้สัมผัสอ่อนเบากว่า เพราะไม่ค่อยมีแอลกอฮอล์แต่ผสมน้ำแทน จุดประสงค์การใช้คือเน้นให้ความสดชื่นหลังอาบน้ำ จึงเป็นเหมือนน้ำที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สำหรับใช้ลูบไล้ผิวให้เกิดความสดชื่น

Flora Eau Fraiche จาก Gucci

 

Eau de Cologne (EDC)

เป็นกลิ่นหอมที่มีความเข้มข้นขึ้นมาอีกนิดหรือที่เรามักเรียกกันสั้นๆ ว่า "โคโลญจน์" นั่นเอง น้ำหอมประเภทนี้จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 2-4% กลิ่นของโคโลญจน์จึงติดได้นานขึ้นอีกนิดเมื่อเทียบกับ Eau Fraiche โดยอยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง มักเป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่มาก ข้อดีคือเป็นน้ำหอมที่ประพรมแล้วให้ความสดชื่น เย็นสบาย ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบของน้ำหอมผู้ชาย แต่ในปัจจุบันในหลายแบรนด์ได้ผลิตออกมาตอบโจทย์ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ฉะนั้นถ้าอยากให้ติดทนแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

Les Exclusifs de Chanel Eau de Cologne จาก Chanel

 

Eau de Toilette (EDT)

จัดว่าเป็นน้ำหอมยอดนิยมอีกประเภทหนึ่ง มีระดับความเข้มข้นของหัวน้ำหอมอยู่ที่ 5-15% ให้กลิ่นติดทนประมาณ 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นน้ำหอมชนิดนี้มักจะนิยมใช้ในตอนกลางวัน หรือใช้ฉีดทัชอัพระหว่างวัน เหมาะกับการใช้เมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมช่วงสั้นๆ เช่น งานอีเวนต์หรือดินเนอร์ มีบ้างที่น้พหอมบางกลิ่นอาจปรับสูตรให้เป็นเวอร์ชั่น EDT เพื่อขายในแถบเอเชียที่มีอากาศร้อนกว่ายุโรป



WATCH



Dolce Rosa Eau de Toilette จาก Dolce & Gabbana

 

Eau de Parfum (EDP)

เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นอยู่ที่ 15-20% ให้กลิ่นหอมติดทนนานประมาณ 4-6 ชั่วโมง แม้จะมีสัดส่วนของแอลกอฮอล์สูงขั้นจาก Parfum แต่ก็ยังจัดอยู่ในระดับของน้ำหอมที่มีราคาแพงตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น เป็นตัวเลือกของน้ำหอมที่เหมาะจะใช้ได้ทุกวัน ทุกโอกาส รวมทั้งการไปงานแต่งงาน สังสรรค์ในปาร์ตี้ หรือทำกิจกรรมยามเช้าหรือเที่ยงที่เราสามารถกลับมาเติมกลิ่นได้เสมอ

For Her Eau De Parfum จาก Narciso Rodriguez

 

Parfum

เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูงสุด ผสานด้วยหัวน้ำหอมประมาณ 15-40% เมื่อเทียบกับบรรดาทั้งหมดแล้วน้ำหอมประเภทนี้จะมีความติดทนนานที่สุดถึง 8-10 ชั่วโมง มักจะมาในรูปแบบของขวดเล็กๆ เวลาใช้แค่หยดแต้มก็จะได้กลิ่นหอมซึ่งเพียงพอแล้ว ด้วยระดับความเข้มข้นของออยล์สกัดที่ผสมผสานอยู่ จึงส่งผลให้ราคาของน้ำหอมค่อนข้างแพง สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือแพ้แอลกอฮอล์ น้ำหอมชนิดนี้ก็ดูเหมาะสม เพราะไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง

Vaniglia del Madagascar Parfum จาก Farmacia SS. Annunziata

ภาพ : Courtesy of the brands

WATCH

คีย์เวิร์ด: fragrance perfume