Lisa Ruggiero Global Artistry Trainer จาก Hourglass

ตั้งแต่วันก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน Hourglass ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นแบรนด์เครื่องสำอางโมเดิร์นลักชัวรี่ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์มากที่สุด โดยมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ความงาม และความหรูหรา ผสมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นทั้งเรื่องของเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติที่มอบผลลัพท์อันน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากทะยานขึ้นเป็นแบรนด์เมกอัพที่ใช้แล้วเวิร์คจนครองใจสาวๆ ทั่วโลกแล้ว การประกาศตัวเป็นแบรนด์วีแกนอย่างเต็มตัว หรือ Cruelty Free ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ก็อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ที่ทำให้สาวกบิวตี้หลายๆ คนประทับใจกันไม่น้อย

ทำไมการผันตัวเป็นเครื่องสำอางที่เป็นวีแกนหรือ Cruelty Free แบบเต็มตัวถึงมีความสำคัญต่อ Hourglass เป็นพิเศษ?

“ฉันว่านี่คือหนทางและแนวคิดแห่งอนาคต” คุณ Lisa แสดงความคิดเห็นถึงการเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ไม่ทดลองกับสัตว์ เธอมองว่าการที่แบรนด์เมกอัพอย่าง Hourglass ผันตัวเป็นแบรนด์วีแกนแบบเต็มตัวจะเป็นการช่วยตั้งมาตรฐานให้แก่วงการบิวตี้ในอนาคต ซึ่งเธอหวังว่า Hourglass จะได้เป็นผู้นำในการใช้นวัตกรรมซึ่งผสมเข้ากับความงามในการสร้างมาตรฐานในวงการบิวตี้ที่ไม่ต้องพึ่งการทดลองกับสัตว์อีกต่อไป นอกจากจะใส่ใจในเรื่องการสรรหาเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติสุดล้ำมาทำให้สาวกบิวตี้ร้องว้าวกันแล้ว มาตรฐานและขบวนการผลิตที่ซื่อตรงของ Hourglass ก็เป็นเรื่องน่าภูมิใจของทั้งคนสร้างสรรค์และผู้ใช้อีกด้วย “ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Hourglass และหนึ่งในหลากหลายเหตุที่ทำให้ฉักรักแบรนด์นี้ก็คือความซื่อตรงในการผลิต และความตระหนักถึงจริยธรรม”

สำหรับคนที่ไม่เคยลองเครื่องสำอางที่เป็น Cruelty Free แล้วกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยต่อผิวเพราะไม่ได้ทดลองกับสัตว์ คุณมีคำแนะนำสำหรับพวกเขาไหม?

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ สิ่งแรกที่หลายๆ คนคำนึงคือจะใช้แล้วแพ้ไหม? ไม่ลองกับสัตว์แล้วจะปลอดภัยกับผิวของคนหรอ? คุณ Lisa แนะนำว่าต้องให้โอกาสแบรนด์แล้วไปซื้อมาลอง “ทุกผลิตภัณฑ์ของ Hourglass มีกระบวนการการผลิตที่ใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ โดยประกอบไปด้วยการทดลอง ค้นคว้า และพัฒนาอย่างปราณีตด้วยเทคโนโลยีและส่วนผสมที่ก้าวล้ำ ซึ่งกว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ของ Hourglass จะมาอยู่บนผิวของสาวๆ ได้นั้น ทุกชิ้นจะต้องถูกพัฒนาและสร้างสรรคออกมาจนเพอร์เฟ็คที่สุด” คุณ Lisa ยืนยันว่า Hourglass เป็นแบรนด์วีแกนที่ใช้แล้วอุ่นใจแน่นอน

หากถามว่า Hourglass เป็นแบรนด์ที่เหมาะกับสาวผิวประเภทไหน คงต้องบอกว่าทุกผิวโดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย เพราะทราบหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเครื่องสำอางของ Hourglass ถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อสาวๆ ผิวบอบบาง “ทุกผลิตภัณฑ์ของเราถูกออกแบบมาเพื่อผิวบอบบางแพ้ง่าย” คุณ Lisa เล่าว่าไม่ว่าคุณจะมีปัญหาผิวแบบไหนก็สามารถใช้เครื่องสำอางของ Hourglass ได้อย่างสบายใจ เพราะนอกจากจะช่วยให้ครีเอทลุคสวยๆ แล้ว ยังช่วยปรับสภาพผิวของเราไปในตัวอีกด้วย

หากอยากให้ผิวสวยสุขภาพดีแบบ ‘เร่งด่วน’ ต้องทำอย่างไร?

สำหรับคนไหนที่เมื่อคืนอาจจะปาร์ตี้หนักหรืองานยุ่งจนนอนน้อยทำให้ผิวหน้าดูโทรมล่ะก็ 'รองพื้น’ คือตัวช่วยของคุณ หากพูดถึง Hourglass แน่นอนว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงลุคที่เน้นงานผิว ซึ่งดาวเด่นของลุคก็ต้องยกให้รองพื้น “แบรนด์ของเราขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างสรรคลุคที่เน้นงานผิว โดยสำหรับใครที่อยากให้ผิวหน้าดูสวยสุขภาพดีแบบเร่งด่วน ฉันคิดว่า  Vanish Seamless Finish Foundation Stick  คงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการช่วยปกปิดอาการแฮงค์โอเวอร์หรือผิวที่ดูโทรม” คุณ Lisa แนะนำเป็นรองพื้นตัวนี้เพราะมีการปกปิดคล้ายคอนซีลเลอร์ เมื่อเกลี่ยเนื้อมีความเป็นลิควิดเสมือนลงรองพื้น และให้ฟินนิชแบบซาตินที่มีความเบาดั่งเนื้อผลิตภัณฑ์แบบแป้ง ที่สำคัญมีสีให้สาวๆ เลือกถึง 32 เฉดสีผิว นอกจากนี้การมาในรูปแบบแท่งสติ๊กก็ทำให้พกพาได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

คุณมีเคล็ดลับพิเศษในการลงรองพื้นให้ผิวดูเนียนสวยไร้ที่ติหรือไม่?

“ฉันเป็นแฟนตัวยงของการใช้นิ้วมือเกลี่ยรองพื้น แต่ในฐานะเมกอัพอาร์ทิสต์เรามักแนะนำให้ใช้แปรงในการเกลี่ยรองพื้น” คุณ Lisa แนะนำว่าหากอยากได้ลุคที่มีผิวสวยเนียนไร้ที่ที่ติสไตล์ Air-Brush ต้องใช้แปรงลงรองพื้นในการช่วยเกลี่ย โดยเธอแนะนำให้เลือกใช้แปรงประเภทขนสังเคราะห์คุณภาพสูง เพราะจะได้ไม่ดึงเอาผลิตภัณฑ์ของเราไปเสียหมด โดยจะช่วยให้เนื้อรองพื้นอยู่บนผิวเรา เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทั้งมือโปรและมือใหม่หัดแต่งหน้าสามารถใช้ในการลงรองพื้นดูให้ดูเนียนอย่างเป็นธรรมชาติได้ไม่ยาก

คุณคิดว่าไอเท็มที่ช่วยเบลอผิวอย่าง Veil Translucent Setting Powder คือทางเลือกที่ดีกว่าของผิวแมตต์หรือไม่ เพราะให้ทั้งการเบลอรูขุมขนและความโกลว์?

ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบคำว่าคุณสมบัติเบลอผิวบนผลิตภัณฑ์ โดยการทำงานหลักๆ ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือช่วยเบลอรูขุมขนและช่วยให้รอยดำและริ้วรอยต่างดูเรือนรางซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อแมตต์เพราะจะให้ลุคที่ดูโกลว์มีมิติมากกว่า “ในด้านของนวัตกรรม แป้งฝุ่นตัวใหม่ล่าสุดของเราอย่าง Veil Translucent Setting Powder ได้ถูกขนานนามว่าเป็นแป้งฝุ่นโปร่งแสงที่สวยที่สุดในโลก โดยให้ฟินนิชที่แตกต่างจากแมตต์ นั่นคือเมื่อใช้ผิวจะดูสวยแบบมีมิติเพราะช่วยกระจายแสงที่กระทบบนผิว อย่างไรก็ตามไม่มีส่วนผสมของกลิตเตอร์หรือชิมเมอร์จึงช่วยให้ผิวดูโกลว์เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนเพราะช่วยเบลอรูขุมขน รอยแดง และสีผิวที่ไม่เท่ากัน และช่วยเซ็ตเมกอัพพร้อมมอบผลลัพท์ผิวที่ดูเปล่งประกาย”

Veil Translucent Setting Powder

ลงคอนทัวร์หรือไฮไลต์อย่างไรให้เหมาะกับรูปหน้าของเรา?

Ambient Lighting Palette คือพาเลตต์มากความสามารถจาก Hourglass ที่เป็นไอเท็มชิ้นโปรดของสาวๆ หลายคน รวมถึงตัวคุณ Lisa เองด้วย “สิ่งที่ฉันชอบมากๆ คือมันไม่มีวิธีที่ถูกหรือผิดในการใช้พาเลตต์นี้ หลายๆ คนชอบใช้แป้งทั้ง 3 แบบรวมกันเพื่อให้ลุคผิวสวยแบบรวดเร็ว แต่ถ้าหากจะใช้สำหรับคอนทัวร์แบบเบาบาง ฉันแนะนำให้ใช้สีที่เข้มที่สุดในพาเลตต์ แล้วใช้แปรงลงเป็นเลข 3 บริเวณกรอบหน้าเพื่อเพิ่มมิติให้แก่ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ” สำหรับการลงไฮไลต์คุณ Lisa แนะนำให้ให้ลงบริเวณที่แสงมักกระทบบนใบหน้าอย่างเช่น โหนกแก้ม สันจมูก และเหนือริมฝีปากบน

อยากให้คิ้วให้ดูฟุ้งเป็นธรรมชาติต้องเขียนด้วยเทคนิคหรือใช้ไอเทมไหนเป็นพิเศษหรีอไม่?

“คำแนะนำเกี่ยวกับคิ้วที่ดีที่สุดที่ฉันแนะนำได้คือการเขียนตามทรงคิ้วธรรมชาติของตัวเอง อย่าพยายามเขียนทรงคิ้วที่ไม่เหมาะกับรูปหน้าของตัวเอง สำหรับการเขียนฉันชอบเริ่มที่การใช้ Arch Brow Sculpting Pencil โดยจะเขียนตามแนวคิ้วเริ่มจากกึ่งกลางไปที่หางคิ้ว ระหว่างเขียนฉันก็จะพลิกด้านดินสอไปที่แปรงปัดเพื่อคอยเกลี่ยผลิตภัณฑ์ไปทั่วๆ ขนคิ้วซึ่งจะช่วยให้ทรงคิ้วที่ดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น” คุณ Lisa แนะนำว่าการเขียนคิ้วที่ดูเป็นธรรมชาติควรเริ่มเขียนจากกึ่งกลางและโฟกัสน้ำหนักมือไปที่ปลายคิ้วมากวก่าหัวคิ้ว เธอยังเสริมอีกว่าการตามด้วยเจลปัดคิ้วจะช่วยทำให้เส้นคิ้วของเราดูมีรูปทรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้คิ้วของเราดูเป็นธรรมชาติ

ในวันเร่งรีบคุณแนะนำ 5 ไอเทมไหนจาก Hourglass ที่สามารถแต่งลุค Everyday Look ได้อย่างไร้ที่ติได้อย่างรวดเร็ว

“สำหรับ Everyday Look ในวันเร่งรีบ 5 อย่างที่สามารถช่วยให้ฉันได้ลุคี่ดูสวยไร้ที่ติอย่างรวดเร็วก็ต้องเริ่มด้วยปรับพื้นผิวให้เนียนด้วย Veil Mineral Primer ต่อด้วยรองพื้น  Vanish Seamless Finish Foundation Stick  จากนั้นเซ็ตด้วย  Veil Translucent Setting Powder และ Ambient Lighting Palette และท้ายสุดคงตัดสินใจอยากหน่อย ชิ้นที่ 5 ของฉันอาจเป็นคิ้วหรือไม่ก็มาสคาร่า แต่ถ้ามีเวลาฉันก็จะรีบให้ได้ทั้งคิ้วและมาสคาร่า (หัวเราะ)”

เปลี่ยนจากลุคกลางวันไปกลางคืนต้องเติมเมกอัพอย่างไรให้ได้ลุคเมกอัพสไตล์สาว Hourglass?

“อายไลเนอร์เนื้อเจล 1.5 MM MECHANICAL GEL EYE LINER เป็นผู้ช่วยที่ดีมากสำหรับการเปลี่ยนลุคจากกลางวันไปกลางคืน เป็นวิธีที่รวดเร็วที่ช่วยเติมสีสันให้ดวงตาของเราดูโดดเด่น ช่วยให้ขนตาของเราดูยาวขึ้น และที่พิเศษคือสามารถสร้างลุคสโมกกี้อายได้อย่างรวดเร็ว” สำหรับการเปลี่ยนลุคกลางวันไปเป็นไนท์ลุค คุณ Lisa แนะนำให้ประยุกติใช้เจ้าเจลไลเนอร์ในการแต่งสโมกกี้อาย โดยเธอจะเขียนบริเวณหางตาชิดโคนขนตา จากนั้นใช้แปรงหรือนิ้วเกลี่ยให้ได้ลุคสโมกกี้ นอกจากนี้การเปลี่ยนสีลิปลิปให้ดูเข้มและเติมไฮไลต์ก็สามารถช่วยอัพเกรดเดย์ลุค สู้ไนท์ลุคได้อย่างสบายๆ

สำหรับสาวๆ ที่ไม่เคยใช้ Hourglass มาก่อน คุณจะแนะนำ 5 ไอเท็มใดบ้างที่จะทำให้พวกเขาหลงรัก Hourglass?

“ถ้าคนที่ไม่เคยใช้ Hourglass และอยากลอง ฉันขอแนะนำ No. 28 ไพร์เมอร์เซรั่ม, ไพร์เมอร์ Veil Mineral Primer, รองพื้นรูปแบบสติ๊ก Vanish Seamless Finish Foundation Stick , พาเลตต์ Ambient Lighting Palette และ No. 28 Lip Treament Oil”

แน่นอนว่าสาว Hourglass จะเน้นลุคเมกอัพที่เน้นงานผิวและลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อถามถึงการเติมสีสันให้ลุคเพื่อให้ดูสดใสขึ้น คุณ Lisa ก็แนะนำว่า “ลองเลือกสีที่เราไม่คิดจะเลือกดูบ้าง เพราะสำหรับเมกอัพฉันคิดว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ และท้ายที่สุดที่มันก็คือเมกอัพ แล้วถ้าคุณไม่ชอบก็แค่ลบออก แต่ก่อนอื่นต้องสนุกไปกับมันก่อน”

สาวๆ คนไหนที่อยากเติมเต็มไลฟ์สไตล์ความสวยให้เฉิดฉายอย่างโดดเด่นไม่ซ้ำใครก็สามารถไปลองเนื้อผลิตภัณฑ์ และหาไอเท็มที่เหมาะกับความต้องการได้ที่ Hourglass Flagship Store โซน Beauty Hall ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอนและเอ็มโพเรียม 

เรื่องและสัมภาษณ์: แก้วสิริ ศรีสำอาง

Artworks: Phairam