SKINCARE
Q: Gel กับ Gel-Cream แตกต่างกันอย่างไร? เหมาะสำหรับสภาพผิวแบบไหน?เนื้อสัมผัสที่ให้ความชุ่มชื้นเหมือนกันแต่แตกต่างตรงคุณสมบัติ |
Photo: @valentinacabassi
การลงสกินแคร์บนผิวหน้าที่บวกกับอากาศเมืองไทย คงไม่มีใครชอบเนื้อหนาๆ ซึมซาบอยาก ออกจากบ้านแค่เพียงไม่ถึงชั่วโมงหน้าละลายแล้ว ดังนั้นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาอย่าง "เจล" หรือ "เจลครีม" จะช่วยลดปัญหาหน้าเหนียวหนะกวนใจไปได้ระดับหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ว่าเนื้อสัมผัสสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร โว้กบิวตี้มีคำตอบมาให้ทุกคน คราวนี้จะได้เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบไม่ต้องกลัวหน้าเหนียวแล้ว
Gel
ลักษณะของเนื้อเจล
- มีส่วนประกอบของน้ำเป็นหลัก ซึ่งมักมีน้ำหนักเบาและซึมเข้าผิวได้ง่าย ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยไม่ทิ้งคราบมันไว้
- สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันและผิวผสม เพราะเป็นผิวที่มีลักษณะของรูขุมขนกว้าง มีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าผิวประเภทอื่น ฉะนั้นเพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำมันในผิว ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัมผัสแบบครีมหนักๆ หรือน้ำมัน
- เนื้อสัมผัสชนิดนี้มักมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างล้ำลึก ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ
1 / 3
2 / 3
3 / 3
Gel-Cream
ลักษณะของเนื้อเจลครีม
- เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ลูกผสมระหว่างเนื้อเจลกับเนื้อครีม ไม่เบาบางเท่าเนื้อเจลแต่ก็ไม่หนาเท่าเนื้อครีม เนื้อซึมซาบเร็วและให้ความรู้สึกชุ่มชื่นดี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นกว่าเนื้อเจล
- ใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนผิวแห้งที่ต้องการความชุ่มชื้นของผิวเป็นพิเศษ แต่ก็ยังอยากได้ความสบายผิว ไม่เหนอะหนะด้วย รวมถึงผิวมันหรือผิวผสมก็สามารถใช้ได้ เพราะเนื้อไม่หนาเกินไป จึงไม่ทิ้งความมันไว้บนผิว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการของผู้ใช้
WATCH
1 / 3
2 / 3
3 / 3
WATCH