โว้กบิวตี้พูดคุยกับ 'มารีญา พูลเลิศลาภ' กับอีกหนึ่งบทบาทด้านสิ่งแวดล้อมในโครงการ SOS EARTH

ไม่ใช่แค่ความสวยครบเครื่องที่มีในตัวเท่านั้นสำหรับ มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ความมุ่งมั่นในการให้ความรู้และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่เธอให้ความสนใจและเป็นกระบอกเสียงมาเป็นเวลานานแล้ว โว้กบิวตี้ได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์กับสาวสวยคนนี้เกี่ยวกับเรื่องราวของโครงการ SOS Earth ที่เธอก่อตั้งมาและกำลังเป็นที่สนใจในหมู่คนรุ่นใหม่ ไปทำความรู้จักกับโครงการนี้กัน

 

โครงการ SOS EARTH เริ่มต้นได้อย่างไร?

"เริ่มจากการที่คุณเจส กมลชนก แดงบุญเรือง เพื่อนสนิทของมารีญาเอง มาทาบทามเราว่าอยากทำแอพลิเคชั่นด้วยกันไหม บวกกับการที่เราพูดถึงสิ่งแวดล้อมบ่อยอยู่แล้วด้วย แล้วการใช้ชีวิตของเรามันสอดคล้องกับไอเดียเค้า เลยเริ่มต้นสร้างแอพลิเคชั่นจนกลายมาเป็นโครงการนี้ เพราะเราอยากให้คนเข้าถึงได้จริงๆ ด้วยการให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม สร้างแคมเปญที่จะสามารถช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาได้จริงๆ จึงเป็นที่มาของโครงการ SOS EARTH ค่ะ"

 

กิจกรรมหรือแคมเปญอะไรบ้างที่โครงการเราได้เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือ?

กิจกรรมแรกคือจัดตอนปลายปี 2019 คือการพาเด็กไปที่ Our Land จังหวัดกาญจนบุรี เป็น Wild Life Corridor เป็นพื้นที่ที่ให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ป่า การปลูกป่า ความสัมพันธ์ระหว่างช้างกับมนุษย์ นอกจากจะได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติแบบเต็มๆ แล้ว ยังสามารถพักผ่อนไปในตัวได้ด้วย ทำให้เรามีความสุขกับการอยู่ธรรมชาติมาก หลังจากนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทางเราก็เริ่มเปลี่ยนการทำกิจกรรมมาเป็นออนไลน์แทน โดยได้ร่วมกับสหภาพยุโรปในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอย่าง ‘Trash Me Challenge’ เป็นการเก็บขยะทุกชิ้นที่ใช้อยู่แล้วจากนั้นนำมาครีเอตเป็นภาพโพสต์ผ่านแท็ก SOS Earth มีแขกรับเชิญพิเศษเป็น วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล และครูลูกกอล์ฟ-คณาธิป สุนทรรักษ์ มาร่วมกับแคมเปญนี้ด้วย จากนั้นก็ได้จัดกิจกรรม “Canal Cleanup Day 2020” ที่คลองลาดพร้าว มีการประกวดแฟชั่นโชว์ของชุดที่เกิดจากขยะ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มารีญาชื่นชอบมากค่ะ

 

ในฐานะที่มารีญาเป็นมิสยูเวิร์สไทยแลนด์ 2017 คิดว่าตำแหน่งเราสามารถช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้มากหรือน้อยแค่ไหน

"คิดว่าช่วยได้มากเลยค่ะ เพราะเราสามารถเป็นกระบอกเสียงผ่านแพลตฟอร์มที่เราได้มาตรงนี้ เพื่อให้คนรู้จักและเข้าใจสิ่งที่จะอยากสื่อสารมากขึ้นค่ะ เราเองก็พยายามแชร์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราให้คนได้รู้ด้วย เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกทุกอย่างเสมอไป เราก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เหมือนกัน เราคิดว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน แล้วถ้าแต่ละคนเริ่มเข้าใจแล้วรู้ว่าปัญหาคืออะไรก็จะสามารถช่วยบรรเทาและแก้ปัญหาไปได้ค่ะ"

ปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องไหนที่น่ากังวลมากที่สุดในขณะนี้ แล้วคิดว่ามีทางแก้ปัญหาหรือบรรเทาได้อย่างไรบ้าง

"จริงๆ มีหลายเรื่องที่น่ากังวลมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวสุดคือการที่หลายๆ อย่างกำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น น้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย ไม่ใช่แค่การทำลายสัตว์หรือธรรมชาติรอบๆ เท่านั้น ยังทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอีก ไหนจะเอฟเฟกต์ที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งอีก เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในมหาสมุทรและสัตว์ทะเลใต้น้ำอีก ทุกอย่างมันเชื่อมกันหมดจริงๆ เหมือนเป็น Domino Effect และอีกอย่างคือฝูงของแมลงที่มาทำลายผลผลิตจากการเกษตรของชาวบ้านที่แอฟริกา ซึ่งเหตุการนี้เกิดขึ้นเพราะอุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น รวมถึงไฟป่าอีกที่เกิดขึ้นทั่วโลกเลยในขณะนี้ สิ่งพวกนี้มันเกิดจากการบริโภคของมนุษย์นี้แหละ เราจึงควรหันมาเอาใจใส่กับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้แล้ว"

มีวิธีดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมง่ายๆ ยังไงที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

"มีหลายอย่างมากเลยค่ะที่เราสามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ สิ่งที่เราทุกคนทำทุกวันคือการกิน ถ้าเราลดการรับประทานเนื้อสัตว์มันส่งผลกับสิ่งแวดล้อมโดยตรงเลย เพราะเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตในการดูแลสัตว์จนเติบโต ไปถึงขั้นตอนการนำมาแปรรูปเป็นอาหาร ไหนจะขนส่งไปยังทั่วประเทศอีก ทุกอย่างมันเป็นการรบกวนสิ่งแวดล้อมหมดเลย ฉะนั้นถ้าเราลดตรงนี้ได้ มารีญาคิดว่าก็เป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ อาจจะเริ่มจากการลดการรับประทานเนื้อสัตว์ทุกวันจันทร์ก่อนก็ได้ แถมยังได้ทำบุญอีกต่างหาก นอกจากจะสุขภาพดีขึ้นแล้ว โลกของเราก็สุขภาพดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีการแยกขยะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ ค่ะ เพราะจะช่วยลดปริมาณขยะ เพราะเมื่อแยกขยะที่รีไซเคิลได้ก็จะเหลือขยะจริงๆ เพื่อนำไปกำจัดน้อยลง

สรุปง่ายๆ คือการที่เราจะใช้ชีวิตแบบ Sustainable จะต้องมีการวางแผนในหัวก่อน เช่น ถ้าพรุ่งนี้เราจะออกจากบ้าน เราสามารถนั่งรถสาธารณะได้ไหมหรือติดรถเพื่อนได้ไปหรือเปล่า เพื่อลดการเกิดคาร์บอนของควันในท้องถนน รวมถึงถ้าเราจะหิ้วข้าวไปทานก็ให้ใส่ปิ่นโตไปหรือพกกระบอกน้ำไปเติมระหว่างวัน โดยที่ไม่ต้องซื้อน้ำเปล่าหลายๆ ขวดต่อวันเพื่อเป็นการสร้างปริมาณขยะให้เพิ่มมากขึ้นอีก ทุกอย่างมันสามารถวางแผนเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อมได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองค่ะ"

 

 

ติดตามวิดีโอสัมภาษณ์พูดคุยกับ มารีญา พูลเลิศลาภเกี่ยวกับโครงการ SOS EARTH และเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมได้ในเร็วๆ นี้...