
CELEBRITY
Snow White ฉบับ Live-Action การกลับมาครั้งใหม่ของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมเรื่องราวเทพนิยายสุดคลาสสิกในตำนานกลับมารีเมกใหม่ในเวอร์ชั่นคนแสดง |
“กระจกวิเศษเอ๋ย บอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพีนี้” วลีอมตะที่คุ้นหูใครหลายคนกับเรื่องราวเทพนิยายเก่าแก่สุดคลาสสิกของเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ผมดำขลับ ริมฝีปากแดงสด และผิวขาวราวหิมะ มีนามว่า ‘สโนว์ไวต์’ หญิงสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่ถูกปองร้ายโดยแม่เลี้ยงและถูกวางยาด้วยแอปเปิ้ลอาบพิษ ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าชายผ่านจุมพิตแห่งรัก ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวสโนว์ไวต์ในภาพจำที่ถูกเล่าขานมาหลายยุคสมัย
โดยล่าสุดดิสนีย์ตัดสินใจนำเรื่องราวสุดคลาสสิกนี้มาตีความใหม่ในรูปแบบของไลฟ์แอ็กชั่นที่นำแสดงโดย Rachel Zegler และ Gal Gadot ท่ามกลางกระแสการถกเถียงของชาวเน็ตเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาและไลน์อัปนักแสดง โดยการนำ Snow White กลับมาเล่าใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การรีเมกนิทานปรัมปราเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนบริบทในเรื่องให้เข้ากับสังคมตามกาลเวลา โดยเฉพาะเรื่องบทบาทของผู้หญิง อำนาจ และความยุติธรรมที่เป็นธีมหลักของเรื่อง
ดูโพสต์นี้บน Instagram
Snow White กับการตีความใหม่ในบริบทปี 2025
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดิสนีย์พยายามปรับปรุงเรื่องราวของเหล่าเจ้าหญิงผ่านรูปแบบไลฟ์แอ็กชั่น เพื่อให้มีความทันสมัยและเข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบันมากขึ้น ตั้งแต่ Maleficent, Cinderella, Beauty and the Beast และล่าสุดกับเรื่อง Little Mermaid จนมาถึงคิวของ Snow White การ์ตูนคลาสสิกเรื่องแรกของค่ายที่นำกลับมาปัดฝุ่นใหม่ เป็นข้อเท็จจริงที่ช่วงหลังๆ เราได้เห็นดิสนีย์เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตัวละครและโดนกระแสโจมตีอย่างหนักถึงภาพลักษณ์ของเจ้าหญิง จนหลายคนตั้งคำถามว่าการที่ดิสนีย์ปรับปรุงเจ้าหญิงในรูปแบบไลฟ์แอ็กชั่นจะทำให้ความขลังและภาพจำรวมถึงจิตวิญญาณในวัยเด็กสูญหายไปหรือเปล่า?
โดย Rachel Zegler นักแสดงดาวรุ่งเจ้าของบท Snow White ได้ออกมาตอบโต้ประเด็นไลน์อัปนักแสดงที่เธอถูกกล่าวหาว่าไม่เหมาะสมกับบท Snow White อย่างการที่นักแสดงเชื้อสายละตินมารับบทเจ้าหญิงผิวขาวดั่งหิมะ ซึ่งสโนว์ไวต์ในความหมายของเธอไม่ได้ถูกนิยามด้วยรูปลักษณ์แต่เป็นความกล้าหาญของตัวละคร และเส้นเรื่องนอกเหนือจากเจ้าหญิงที่รอเจ้าชายมาช่วย
ดูโพสต์นี้บน Instagram
“Who’s the Fairest of Them All?” เมื่อความงามไม่ได้หมายถึงรูปลักษณ์อีกต่อไป
อย่างในฉบับดั้งเดิมความงามของสโวน์ไวต์คือธีมหลักที่ขับเคลื่อนเรื่องราวผ่านความอิจฉาริษยาของ Evil Queen ซึ่งในฉบับ 2025 นี้ คำว่า Fairest ในบริบทสังคมปัจจุบันอาจไม่ได้หมายถึงงามเลิศเลอเสมอไป แต่มันอาจจะหมายถึงความยุติธรรม ซึ่ง Rachel เผยว่า “ประเด็นสำคัญในหนังของเราคือการตอกย้ำว่าหญิงสาวทุกคนหรือคนหนุ่มสาวทุกคนต่างมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด” โดยตรงนี้เองอาจเป็นประเด็นสำคัญของหนังที่พยายามจะสื่อออกมามากกว่าการโฟกัสเรื่องสีผิวของนักแสดง
ซึ่งหากพูดถึง Women’s Power ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้วคงต้องเอ่ยถึงชื่อของ Greta Gerwig ผู้กำกับหญิงที่มีผลงานโดดเด่นอย่าง Lady Bird, Little Women และ Barbie ภาพยนตร์เฟมินิสต์มาขึ้นแท่นเขียนบท Snow White เวอร์ชั่นใหม่ส่งให้หนังเป็นที่น่าจับตามองมากขึ้น ผนวกกับตัวละครไฮไลต์อย่าง Evil Queen ที่ได้ Gal Gadot มารับบทแสดงและเป็นหนังมิวสิคัลเรื่องแรกที่เธอต้องโชว์พลังร้องเพลง
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีเป้าหมายเพื่อให้ Snow White ทันสมัยและเข้ากับบริบทสังคมมากขึ้นจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และการตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นละทิ้งต้นฉบับเดิมหรือเปล่า? ซึ่งหากมองในเชิงวัฒนธรรม Snow White เป็นนิทานที่ถูกเล่าขานมายาวนานหลายทศวรรษ ดิสนีย์เองก็มีการปรับแต่งเนื้อเรื่องมาจากต้นฉบับของพี่น้องกริมม์ แต่หากมองในเชิงอุตสาหกรรมแล้วการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นกลยุทธ์ที่ดิสนีย์พยายามทำให้ภาพลักษณ์ของค่ายเต็มไปด้วยความหลากหลายสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องที่คนดูต้องตัดสินว่า Snow White ในวัยเด็กจะสูญเสียกลิ่นอายในความทรงจำหรือความพยายามของดิสนีย์จะประสบความสำเร็จ
Photo: Jamie McCarthy / Getty Images
WATCH