BODY
ว่าด้วยเรื่องของน้ำหอม...กลิ่นแต่ละแบบเรียกว่าอะไรบ้าง?น้ำหอมกลิ่นอะไร รู้ไว้ เรียกไม่พลาด Blind Buy ได้อย่างมั่นใจ! |
น้ำหอมจะแค่บอกว่า “หอม” นั่นอาจจะดูกว้างเกินไปหน่อย เพราะกลิ่นเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบาย จะถ่ายทอดกลิ่นผ่านหน้าจอก็คงไม่ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการอธิบายกลิ่นของน้ำหอม ส่วนใหญ่แล้วต้องใช้วิธีการพรรณนาผ่านอารมณ์ ความรู้สึก หรือเปรียบเปรยว่ากลิ่นมีคล้ายคลึงกับสิ่งใดแทน เช่น แป้ง น้ำนม หรือดอกไม้ เป็นต้น แต่เพื่อให้สามารถอธิบายแต่ละกลิ่นมีความหอมประมาณใด ในโลกของน้ำหอมได้แบ่งประเภทกลิ่นต่างๆ เอาไว้ โว้กบิวตี้จึงอยากชวนมาทำความรู้จักกับกลุ่มกลิ่นหลักๆ และชื่อของกลิ่นต่างๆ ไว้ใช้เรียกกันให้ถูกต้อง หรือ Blind Buy เลือกซื้อแบบยังไม่ดมได้อย่างมั่นใจ
ภาพถ่ายโดย Laura Chouette: https://www.pexels.com/th-th/photo/22589332/
กลิ่นฟลอรัล (Floral)
แค่ชื่อก็บ่งบอกแล่วว่าเป็นกลิ่นของมวลดอกไม้ ซึ่งมีตั้งแต่มะลิ ไปจนถึงกุหลาบ และลาเวนเดอร์ เป็นต้น โดยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดรังสรรค์กลิ่นออกมาได้มากมาย ทั้งกลิ่นหอมหวาน กลิ่นแป้งอ่อนละมุน หรือจะกลิ่นสดชื่นราวกับอยู่ท่ามกลางดอกไม้สด น้ำหอมกลิ่นฟลอรัลจึงนับเป็นกลิ่นประเภทหนึ่งที่โด่งดังที่สุดในวงการน้ำหอมเลยก็ว่าได้
กลิ่นไม้ (Woody)
น้ำหอมกลิ่นวูดดี้จะมอบความรู้สึกที่อบอุ่น ชวนให้นึกถึงกลิ่นป่าหลังฝนตก และให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟหรือกำลังเปิดหนังสือปกหนังอยู่ มักใช้ส่วนผสมของแมกไม้ต่างๆ เช่น ไม้ซีดาร์, ไม้สน, ไม้จันทน์ และต้นโอ๊ก เป็นต้น ซึ่งไม้แต่ละอย่างล้วนมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นิยมใช้เป็นเบสโน้ตของน้ำหอมเพราะมีความติดทนนาน
กลิ่นอำพัน (Amber)
กลิ่นอำพันจะให้ความรู้สึกอบอุ่นและเผ็ดร้อน และนอกจากจะเรียกว่ากลิ่น “Amber” แล้ว ก็ยังถูกเรียกว่าเป็นกลิ่น “Spicy” อีกด้วย ในอดีตกลิ่นอำพันมักอยู่ในโคโลญจน์ผู้ชายเท่านั้น แต่ปัจจุบันอำพันเป็นกลิ่นที่พบได้ในน้ำหอมทุกประเภท ตัวอย่างกลิ่นที่มักใช้ร่วมกับกลิ่นอำพัน อาทิ วานิลลา แพทชูลี่ อบเชย พริกไทย หรือกระวาน เป็นต้น
ภาพถ่ายโดย Absin: https://www.pexels.com/th-th/photo/18462567/
กลิ่นอควา (Aquatic)
น้ำหอมกลิ่น Aqua หรือ Aquatic เป็นกลิ่นหอมที่มอบกลิ่นอายของสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล มหาสมุทร หรือน้ำตก นับเป็นน้ำหอมที่นิยาม “ความสดชื่นและสะอาด” ได้อย่างแท้จริง โดยกลิ่นอควาจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกระโดดลงสระน้ำ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ หรือบางครั้งก็เหมือนนั่งชิลริมทะเลพร้อมได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันแสนบริสุทธิ์
กลิ่นเฟรช (Fresh)
ตรงตามความหมายของคำว่า “Fresh” เลยคือกลิ่นสดชื่น ซึ่งจะเป็นกลิ่นหอมกลางๆ คลีนๆ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ชวนให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เช่น ทะเล โอโซน ใบไม้ใบหญ้า เป็นต้น ทั้งนี้น้ำหอมกลิ่นเฟรชมักจะเป็นกลิ่นอ่อนโยน เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นที่หนักหน่วงหรือฉุนเกินไป และเป็นกลิ่นที่ใช้ได้ในทุกโอกาส
กลิ่นกูร์มองด์ (Gourmand)
กลิ่นกูร์มองด์ถือกำเนิดเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นประเภทน้ำหอมที่อธิบายถึงกลิ่นหอมหวานอันเย้ายวนชวนให้นึกถึงการเดินเข้าร้านเบเกอรี่ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็อยากให้ลองจินตนาการถึงน้ำหอมกลิ่นบราวน์ชูการ์ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รวมไปถึงกลิ่นของน้ำผึ้ง วานิลลา คาราเมล ช็อกโกแลต กาแฟ และคุกกี้ เป็นต้น
WATCH
ภาพถ่ายโดย Stefanie Berlin: https://www.pexels.com/th-th/photo/6754362/
กลิ่นซิตรัส (Citrus)
กลิ่นซิตรัสเป็นกลิ่นที่อธิบายตัวเองได้ดีที่สุดกลิ่นหนึ่ง โดยเป็นกลิ่นที่ได้มาจากพืชตระกูลส้ม เช่น เลมอน มะนาว ส้ม และเกรปฟรุต โดยกลิ่นที่ได้จะใช้เอสเซนเชียลออยล์ที่สกัดมาจากเปลือกของผลไม้เหล่านี้ สำหรับแนวกลิ่นนั้นจะไปทางสดใสและมีกลิ่นผลไม้แต่ไม่หวานจนเกินไป ชวนให้นึกถึงอากาศยามเช้าที่สดชื่นและวันฤดูร้อนที่แจ่มใส
กลิ่นฟรุตตี้ (Fruity)
น้ำหอมกลิ่น Fruity หรือกลิ่นผลไม้ เป็นกลุ่มกลิ่นที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมหวานสดชื่นจากผลไม้นานาชนิด เช่น แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และพลัม เป็นต้น เป็นโทนกลิ่นที่จะมอบความรู้สึกร่าเริง มีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า แต่หากเทียบกับกลิ่นซิตรัสแล้ว กลิ่นฟรุตตี้จะไปทางหวานและนุ่มละมุนแต่มีความสดชื่นน้อยกว่า
กลิ่นกรีน (Green)
น้ำหอมกลิ่นกรีนเป็นกลุ่มกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา คล้ายกับกลิ่นของพืชพรรณ ใบไม้ ใบหญ้า สร้างความรู้สึกเสมือนกำลังเดินเล่นในสวนที่เขียวชอุ่ม คล้ายกับการได้สูดอากาศบริสุทธิ์กลางป่าหรือทุ่งหญ้า โดยกลิ่นกรีนมีตั้งแต่โทนที่หอมหวานชวนย้อนวัย ไปจนถึงกลิ่นเข้มที่สร้างลุคให้สง่างาม
ภาพ : ภาพถ่ายโดย Harper Sunday: https://www.pexels.com/th-th/photo/3751226/ ภาพถ่ายโดย Yulia H.: https://www.pexels.com/th-th/photo/11028230/
WATCH