BODY

เปิด 7 น้ำหอมกลิ่นหวาน แต่ละมุนละไม ไม่ฉุน ไม่รบกวนคนรอบข้าง

รวมน้ำหอมกลิ่นหวานที่ไม่ฉุน ไม่เลี่ยน สร้างเสน่ห์ได้แบบเน้นสมดุล

     ในบรรดากลิ่นน้ำหอมทั้งหมด น้ำหอมกลิ่นหวานเป็นหนึ่งในประเภทกลิ่นที่ใครหลายคนชื่นชอบ แต่กลิ่นหวานที่มากเกินไปอาจกลายเป็นความฉุน รบกวนทั้งตัวเราและคนรอบข้าง บทความนี้โว้กบิวตี้จึงขอแนะนำน้ำหอมกลิ่นหวาน แต่ละมุนละไม ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ฉุน เน้นความหอมแบบสมดุลเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งจะมีน้ำหอมจากแบรนด์ไหนบ้างตามมาดูได้ที่ด้านล่างนี้

 

1 / 7

Chanel Chance Eau Tendre (ปริมาณ 100 ml ราคา 8,000 บาท)

     น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมหวานและอ่อนโยน ผสานกลิ่นของดอกไม้หลายชนิดผสมกับกลิ่นผลไม้หอมหวาน และไม่ใช่แค่ความหอมหวานธรรมดา แต่เป็นการร้อยเรียงกลิ่นที่สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้ง มันคือความหวานที่ละมุนละไม ราวกับสายลมอ่อนๆ พัดผ่านทุ่งดอกไม้ ไม่ใช่ความหวานที่ฉุน หรือเลี่ยนจนเกินไป แต่เป็นความหวานที่อ่อนโยน เบาสบาย

 

2 / 7

Jo Malone Peony & Blush Suede (ปริมาณ 30 ml ราคา 3,100 บาท)

     น้ำหอมขวดนี้จาก Jo Malone มีกลิ่นหอมหวานสไตล์ฟลอรัลที่มีมิติซับซ้อน โดยสัมผัสแรกความหอมมาจากแอปเปิ้ล และใจกลางกลิ่นฟลอรัลที่มาจากกุหลาบและน้ำผึ้ง ผสานด้วยกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นที่สดใสและมีชีวิตชีวา ผสานกับกลิ่นหนังกลับซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล สร้างสมดุลของกลิ่นโดยรวมให้หรูหรา หอมหวานแบบไม่ฉุน ไม่รุนแรง

 

3 / 7

Marc Jacobs Daisy (ปริมาณ 75 ml ราคา 4,000 บาท)

     น้ำหอมกลิ่นหวานที่ถ่ายทอดความรู้สึกสดใส ร่าเริง และมีชีวิตชีวา ลงในขวดแก้วสุดน่ารัก มอบกลิ่นหวานที่เปรียบเสมือนสายลมพัดผ่านสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยผลไม้รสหวานฉ่ำ นิยามได้ว่าเป็นความอ่อนหวานที่ดึงดูดใจ กลิ่นหอมแตะจมูกอย่างนุ่มนวล ไม่เลี่ยน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องการความหอมที่ทั้งสดใส อ่อนหวาน และมีเสน่ห์ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง

 

4 / 7

Yves Saint Laurent Mon Paris (ปริมาณ 90 ml ราคา 7,400 บาท)

     ความหอมหวานของกลิ่นนี้เป็นความหวานที่เย้ายวน มีเสน่ห์ ราวกับความรักที่แสนหวาน แต่แฝงไปด้วยความลึกลับและน่าค้นหา โดยกลิ่นหอมนี้เกิดจากการผสมผสานกลิ่นของไวท์ ชีเพร (White Chypre), พิมเสนใบ (Patchouli) และมัสก์ (Musk) ฉีดแล้วจะให้ความรู้สึกหรูหรา มีระดับ ที่สำคัญคือติดทนนาน แต่ไม่ฉุน ความหอมจะค่อยๆ แผ่ขยาย ทำให้รู้สึกหอมหวาน แต่ไม่หนักจนเกินไป

 

5 / 7

Dolce & Gabbana Light Blue (ปริมาณ 100 ml ราคา 5,250 บาท)

     ขวดนี้มีกลิ่นหอมหลักเป็นแนวซิทรัสฟลอรัล เริ่มจากกลิ่นที่สดชื่นจากผลไม้ซิตรัสอย่าง เลมอนและแอปเปิ้ลเขียว ซึ่งสร้างความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตามด้วยกลิ่นฟลอรัลจากดอกมะลิที่ให้ความหอมละมุนและเป็นธรรมชาติ ทำให้น้ำหอมนี้มีความสมดุลระหว่างความสดชื่นของซิทรัสและความหอมอ่อนหวานของดอกไม้ นับเป็นกลิ่นหวานที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แถมยังเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยด้วย

 

6 / 7

Lancôme La Vie Est Belle (ปริมาณ 50 ml ราคา 5,500 บาท)

     น้ำหอมกลิ่นหวาน แต่ไม่เลี่ยน ออกไปทางแนวหวานละมุนและอบอุ่น โดยกลิ่นเปิดตัวด้วยความสดชื่นของแบล็คเคอร์แรนต์และลูกแพร์ ตามด้วยกลิ่นฟลอรัลจากดอกไอริส มะลิ และดอกส้มที่เพิ่มความเย้ายวน ปิดท้ายด้วยกลิ่นอบอุ่นจากวานิลลาและแพตชูลี่ ผสมผสานกลายเป็นน้ำหอมกลิ่นหวานที่เหมาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่มีความมั่นใจ สดใส และเต็มไปด้วยพลังบวก

 

7 / 7

Miss Dior Blooming Bouquet (ปริมาณ 50 ml ราคา 4,400 บาท)

     ปิดท้ายด้วยขวดนี้จาก Dior ซึ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นหวานอ่อนๆ มีความละมุน ไม่หวานหนักหรือเลี่ยนจนเกินไป โดยจะเป็นกลิ่นฟลอรัลที่ผสานความสดใสของดอกพีโอนีและกุหลาบ เข้ากับกลิ่นผลไม้อ่อนจากส้มแมนดาริน และกลิ่นเบสของไวท์มัสก์ ทำให้รู้สึกหอมหวานแบบธรรมชาติ สดใส และหรูหราในเวลาเดียวกัน เหมาะกับคนที่ชอบกลิ่นหวานแบบเบาๆ และให้ความรู้สึกสดชื่น

 

ภาพ : Courtesy of brands

WATCH