Decadence Eau So Decadent จาก Marc Jacobs (ราคา 4,600 บาท)

น้ำหอมกลิ่นสไตล์วู้ดดี้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงเซ็กซี่ มีความเย้ายวนอยู่ในตัวและรักความสนุก จึงได้หยิบเอากระเป๋ารุ่นยอดฮิตของ Marc Jacobs มาเป็นดีไซน์ของขวดนี้

Classique Cabaret EDP Limited Edition จาก Jean Paul Gaultier (ราคา 3,700 บาท)

น้ำหอมที่ผสมผสานกลิ่นหอมสองสไตล์เข้าด้วยกันอย่างฟรุตตี้และโอเรียนทัลให้ความรู้สึกเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ โดยการออกแบบขวดเป็นชุดของโชว์คาบาเร่ต์ในยุค 70s แต่แต่งเติมความโมเดิร์นด้วยกลิตเทอร์สีแดงเข้าไปให้ดูเซ็กซี่แบบนางโชว์สมัยนั้น

Aqua Allegoria Coconut Fizz จาก Guerlain (ราคา 3,500 บาท) 

น้ำหอมยูนิเซ็กส์กลิ่นแนวฟรุตตี้ที่ได้ท็อปโน๊ตจากกลิ่นหอมหวานของมะพร้าวและเบอร์กามอต ดีไซน์ขวดจึงออกมาในโทนสีฟ้าอ่อนๆ พร้อมประดับด้วยตาข่ายสีทองด้านบน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเช่นเดียวกับกลิ่นของน้ำหอม

Omnia Crystalline จาก Bvlgari (ราคา 3,950 บาท)

คอลเล็กชั่นของ Omnia น้ำหอมที่ได้อัญมณีต่างๆ มาเป็นแรงบันดาลใจในการปรุงน้ำหอม สำหรับรุ่น Crystalline ได้แรงบันดาลใจมาจากคริสตัล อัญมณีสีขาวที่สัมพันธ์ไปกับกลิ่นของน้ำหอมที่เป็นกลิ่นแนววู้ดดี้ที่ได้พื้นด้วยกลิ่นสะอาดของดอกบัว ชาและไม่ไผ่เขียวๆ จึงสามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับวันที่อากาศร้อนๆ ได้เป็นอย่่างดี

Olympea Legend จาก Paco Rabanne EDP (ราคา 3,700 บาท)

น้ำหอมกลิ่นแนวเครื่องเทศที่ได้ท็อปโน๊ตจาก Sea Salt, Plum และ Apricot เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกของหญิงแกร่ง เฉลียวฉลาดเหมือนคลีโอพัตรา จึงทำให้ดีไซน์ของขวดออกมาในรูปแบบของชาวโอลิมปิกส์ในยุคของกรีกโบราณ

Fantasia Mermaid Eau de Toilette จาก Anna Sui (ราคา 2,900 บาท)

น้ำหอมกลิ่นซิตรัสที่เปิดด้วยกลิ่นสดชื่นของส้ม Blood Orange ตามด้วยกลิ่นส้มแมนดารินและกลิ่นนุ่มลึกของกระวาน ปิดท้ายด้วยกลิ่นอ่อนโยนจากดอกพีโอนี ดอกมะลิ และลิ้นจี่ จึงทำให้การออกแบบแพ็กเกจจิ้งออกมาในลักษณะสีเขียวคล้ายน้ำทะเล พร้อมประดับด้วยเมอร์เมดสีทอง