Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024
WATCHES & JEWELLERY

Watches & Wonders 2024 มหากาพย์ความยิ่งใหญ่แห่งวงการนาฬิกาที่เต็มไปด้วยความพิเศษเหนือระดับ

งานยิ่งใหญ่ประจำปีแห่งวงการนาฬิกากำลังเดินหน้าในทิศทางแห่งการพัฒนาด้วยคอนเซปต์ไอเดียการนำเสนอนาฬิกาหลากหลายรูปแบบรวมถึงการใช้เซเลบริตี้คนดังมาร่วมถ่ายทอดความน่าสนใจ

#VOGUESCOOP ตอนนี้พาทุกคนออกจากเส้นทางของวงการแฟชั่นและวงการบันเทิง สู่การเดินทาง ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับงาน Watches & Wonders ประจำปี 2024 งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีของแวดวงนาฬิกา ความยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้น ณ Palexpo สรรสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับผู้หลงใหลในศิลปะเรือนบอกเวลาทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านกลไก ความสวยงาม เรื่อยไปจนถึงเรื่องราวเบื้องหลัง สำหรับปี 2024 มีความน่าสนใจเกิดขึ้นมากมายในหลายมิติ และนี่คือการตอกย้ำว่าทำไมงานนี้ถึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงนาฬิการะดับโลก

Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

จำนวนแบรนด์น้อยใหญ่กว่า 50 แบรนด์ที่พร้อมนำเสนอความยอดเยี่ยมของนาฬิการะดับแถวหน้าของโลก นำมาสู่การเดินทางล่องไปในสายธารแห่งเรือนเวลาโดยแท้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปีสร้างมาตรฐานความยิ่งใหญ่อันเป็นดั่งหลักสำคัญราวกับแฟชั่นวีกของวงการนาฬิกา วันนี้โว้กจะพาไปสัมผัสกับงานครั้งนี้ด้วยประเด็นสำคัญและเรื่องราวของนาฬิกาจำนวนมากที่สร้างความประทับใจด้วยเอกลักษณ์แสนพิเศษจากแต่ละแบรนด์ ทั้งหมดเกิดขึ้นและถือเป็นความน่าสนใจที่แม้ไม่ใช่คอนาฬิกาก็ไม่ควรพลาด

Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

  • 1.VARIETY OF STARS

ในแวดวงแฟชั่นคงคุ้นเคยกันดีกับเหล่าซูเปอร์สตาร์คนดังที่นั่งแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์หรือถูกเชิญมาเป็นแขกคนสำคัญในงานต่างๆ สำหรับวงการนาฬิกายุคใหม่นั้นก็ไม่พลาดกับการยึดถือแนวทางนี้เช่นกัน เพราะพลังของเหล่าซูเปอร์สตาร์นั้นสามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งสำหรับแวดวงนาฬิกานั้นนอกจากจะมีเหล่าดารานักแสดง ยังมีนักกีฬาแขนงต่างๆ เรื่อยไปจนถึงนางแบบที่พร้อมถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของแต่ละแบรนด์อย่างน่าสนใจ โดยในปีนี้งาน Watches & Wonders อุ่นหนาฝาคั่งด้วยคนดังจากทั่วโลก นำโดย Piaget ที่เชิญแขกคนสำคัญของแบรนด์ อย่าง ‘อาโป-ณัฐวิญญ์’ Friend of Piaget ร่วมงานครั้งนี้เคียงคู่กับ ‘Lee Jun-ho’ แบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ ‘Ella Richards’ มาร่วมเฉลิมฉลอง 150 ปี ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานทั้ง 3 คนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น Global Ambassador อย่างยิ่งใหญ่ ด้านกีฬาต้องบอกว่าอยู่เคียงคู่กับวงการนาฬิกามาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นการเชิญนักกีฬาที่ร่วมงานกับแบรนด์ในฐานะต่างๆ ก็เป็นดั่งการสื่อสารให้เห็นถึงความสอดคล้องกันระหว่าง 2 วงการอย่างเห็นได้ชัด ‘Coco Gauff’ นักกีฬาเทนนิสหญิงก็มาร่วมงานครั้งนี้กับ Rolex หรือจะเป็น Kylian Mbappé ที่มาพร้อมกับ Hublot ด้านนางแบบก็มี Gisele Bündchen ที่มาร่วมเฉลิมฉลองความงดงามของเรื่องราวเรือนเวลา Portugieser แบรนด์ IWC นอกจากนี้ยังมีเซเลบริตี้ฝั่งเอเชียที่มาพร้อมฐานการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ อาทิ Desmond Tan กับ Zenith, Jackson Yee กับ Jaeger LeCoultre, Jing Boran กับ Mont Blanc และ Zhu Yilong แขกคนสำคัญของ Chopard ที่มาพร้อมตำนานนักแข่งรถอย่าง Jacky Ickx



WATCH




Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

  • 2.FROM FASHION TO WATCH

ภาพจำของแบรนด์อย่าง Chanel และ Hermès ผูกติดกับโลกแฟชั่นมาเป็นเวลานาน รากฐานงานฝีมือมักถูกมองเป็นเรื่องงานคราฟต์เกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องหนัง หรือแม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ตามไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรี ทว่าแท้จริงแล้วทั้ง 2 แบรนด์มีความโดดเด่นด้านการรังสรรค์นาฬิกาอย่างจริงจัง โดยชาเนลเน้นย้ำกับสตูดิโอรังสรรค์นาฬิกา ณ กรุงปารีส และโรงงานผลิตนาฬิกาในพื้นที่ ลา โช-เดอ-ฟองส์ เมืองเบื้องหลังแห่งวงการนาฬิการะดับแถวหน้า นำมาสู่การนำเสนอคอลเล็กชั่นนาฬิกาอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์พร้อมกลไกและความจริงจังระดับสูง มีไฮไลต์สำคัญเป็น Musical Clock Couture Workshop เรือนเวลากล่องดนตรีอันซับซ้อนที่มีเพียงเรือนเดียวในโลก บทเพลง ‘My Woman’ โดย Al Bowlly ขับกล่อมมนต์เสน่ห์อันงดงามพร้อมกลไกการบอกเวลาที่หรูหราเหนือระดับภายใต้คอลเล็กชั่น ‘Couture O’Clock’ กับการสื่อสารถึงเบื้องหลังความงดงามของเมซงด้วยเรือนเวลาที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแบบซ่อนรูปแบบต่างๆ การแปลงหมอนเข็มสู่เรือนเวลาหน้าปัดลวงตาอันน่าทึ่ง เรื่อยไปจนถึงนาฬิกา J12 สุดยอดนาฬิกาไอคอนิกของแบรนด์ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยรายละเอียดความพิเศษ นอกจากนี้ยังมีคอลเล็กชั่น Pink Edition ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘นาฬิกาบาร์บี้’ นำเสนอผ่านเรือนเวลา 4 รูปแบบอิงจากโมเดล J12 และ Première เป็นต้น ด้านแอร์เมสเองก็หยิบจับเอาความเรียบง่ายมาผสมผสานกับความซับซ้อนคลุกเคล้ากับกลิ่นอายด้านศิลปะที่เชี่ยวชาญ นำเสนอเรือนเวลาไฮไลต์ประจำปี 2024 เริ่มจาก Hermès Cut นาฬิกาหน้าตาเรียบง่ายที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยลูกเล่นของรูปทรง โดยมีเอกลักษณ์คือลักษณะตัวเรือนแบบ ‘Circle in Round’ หรือตัวเรือนวงกลมในกรอบทรงกลม มาพร้อมตัวเลือกทั้งสายและตัวเรือนที่หลากหลายเหมาะสำหรับรสนิยมการสวมใส่ทุกรูปแบบ ก้าวข้ามมาถึง Arceau Duc Attelé เรือนเวลากลไกตูร์บิญงที่มาพร้อมเสียงเคาะแสนไพเราะจากกลไก Minute Repeater แสดงถึงความสลับซับซ้อนด้านกลไกการผลิตนาฬิกาที่สอดประสานกับมิติความงดงามตามแบบฉบับแอร์เมสขนานแท้ ปิดท้ายด้วย Arceau Chorus Stellarum เรือนเวลาที่มีกลไกการขยับเขยื้อนของงานแกะสลักบนหน้าปัด อัดแน่นด้วยแรงบันดาลใจจากลวดลายบนผ้าพันคอ นำมาสู่การผลิตเรือนเวลาที่ดึงดูดด้วยความงดงามก่อนจะชวนให้หลงใหลด้วยความจริงจังในการรังสรรค์ทั้งเรื่องกลไกและตัวเรือนชั้นยอด

Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

  • 3.VINTAGE AESTHETIC

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคงไม่มีแวดวงไหนชื่นชอบของวินเทจไปมากกว่าวงการนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอของใหม่ล้ำหน้าเพียงใดกลิ่นอายความคลาสสิกแบบดั้งเดิมก็เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการบอกเล่าเรื่องราวของเรือนเวลาจากแต่ละแบรนด์อยู่เสมอ แบรนด์อย่าง Cartier ก็เริ่มนำเสนอความโดดเด่นของคอลเล็กชั่นด้วยซีรี่ส์ Tank หลากหลายสไตล์ อิงแบบมาจากความดั้งเดิมที่ทุกคนถวิลหา Santos-Dumont ที่เปรียบดั่งเรือนเวลาไอคอนิกของแบรนด์ หรือจะเป็น Tortue, Baignoire และ Panthére ที่มอบประสบการณ์ความคลาสสิกแม้จะเปิดตัวโฉมใหม่ แบรนด์อย่าง Piaget ก็นำเสนอเรือนเวลา Polo79 แรงบันดาลใจจากโมเดลดั้งเดิมของแบรนด์ที่ถือกำเนิดและพัฒนามาตั้งแต่ปลายยุค ‘70s มาจนถึงยุค ‘80s รูปแบบของเรือนเวลาทองอร่ามสอดแทรกรายละเอียดของลายเส้น พร้อมเอฟเฟกต์เมื่อแสงตกกระทบเหมือนกำลังพาคอนาฬิกาย้อนเวลาสู่ช่วงเวลาอันหอมหวานในอดีตที่เรือนเวลาดั้งเดิมของเพียร์เจต์สร้างปรากฏการณ์ความน่าทึ่งด้านงานออกแบบเรือนเวลามาในอดีต และที่ขาดไม่ได้สำหรับงานปีนี้คือนาฬิกา Golden Ellipse จากแบรนด์ Patek Philippe ที่ห่างหายจากไลน์ผลิตของปาเต็ก ฟิลิปป์ไปพักใหญ่ ปีนี้เรือนเวลาในความทรงจำกลับมาพร้อมสายกำไลทองอร่ามตา ให้กลิ่นอายวินเทจพร้อมสะท้อนความหรูหราและบ่งบอกถึงเรือนเวลาสุดคลาสสิกที่หลายคนถวิลหา นอกจากนี้ยังมีเรือนเวลาจากแบรนด์อย่าง Chopard, Jaeger-LeCoultre, Tudor และอีกหลายต่อหลายแบรนด์ที่หยิบยกเอากลิ่นอายแบบดั้งเดิมมานำเสนอด้วยเรือนเวลารูปแบบใหม่

Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

  • 4.SUPER PREMIERE WATCHES

ช่วงเวลาสำคัญแห่งปีแบบนี้แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์จะต้องพร้อมนำเสนอความยอดเยี่ยมขั้นสุดยอดเพื่อแสดงถึงศักยภาพในการรังสรรค์ชิ้นงานนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยกลไกอันสลับซับซ้อน แน่นอนว่าทุกคนจะต้องจับจ้องกับ Van Cleef & Arpels ที่มีไฮไลต์เป็นงาน Automaton ทุกปี ซึ่งครั้งนี้นำเสนอ Apparition des Baies กับกลไกการสร้างนกน้อยให้มีชีวิตภายในกรอบของใบไม้อันพลิ้วไหวที่ถูกรังสรรค์ขึ้นผ่านฝีมือช่างระดับชำนาญการชั้นสูงของเมซง ไล่เรียงรายละเอียดตั้งแต่การเลือกวัสดุ การทำฟินิชชิ่ง การประกอบ เรื่อยไปจนถึงการตกแต่งเพิ่มความน่าสนใจ หรือจะเป็น Bouton d’Or ที่เนี้ยบประณีตตั้งแต่กระบวนแรกไปจนถึงการตกแต่งด้วยเทคนิคชั้นสูงบนวัสดุระดับพรีเมียม จนเกิดเป็นกลไกเรือนเวลาพร้อมนางฟ้าเริงระบำอย่างงดงาม นอกจากนี้ยังมี Lady Arpels Jour Enchanté และ Lady Arpels Brise d’Été ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนในการสร้างสรรค์ผ่านงานอีนาเมลและการประกอบเลเยอร์ โดยที่เรือนหลังมีกลไกทำให้ใบไม้และดอกไม้ขยับเขยื้อนตามสายลมราวกับหน้าปัดมีชีวิต สำหรับแบรนด์อื่นๆ ก็มีไฮไลต์โดดเด่นไม่แพ้กัน อาทิ Vacheron Constantin ที่ครั้งนี้นำเสนอเรือนเวลา Les Cabinotiers The Berkley Grand Complications ซึ่งถือเป็นเรือนเวลาที่มีกลไกซับซ้อนที่สุดในโลก บ่งบอกเรื่องปฏิทินจีน ดวงดาว วัน เวลา อย่างละเอียด มาพร้อมกลไกตูร์บิญง 3 แกน รวมทั้งหมดนาฬิกาเรือนนี้มีสเปกระบุไว้มากถึง 63 รายการ ต่อกันด้วย Eternal Calendar จาก IWC กับนาฬิกาที่แสดงสุดยอดมิติแห่งความแม่นยำที่ท้าพิสูจน์ด้วยจำนวนเลขหลัก 45 ล้านปี หรือจะเป็น Jaeger-LeCoultre ที่มาพร้อมนาฬิกากลไกตูร์บิญงแบบ 3 แกนในรูปแบบของ ‘Heliotourbillon’ สะท้อนภาพมาตรฐานความแม่นยำตรงคอนเซปต์ Precision Maker ของแบรนด์ในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีเรือนเวลาไฮไลต์อย่าง Altiplano Ultimate Concept Tourbillon จากแบรนด์ Piaget ที่นำเสนอนาฬิกาเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีด้วยการทุบสถิตินาฬิกาตูร์บิญงที่บางที่สุดในโลก (อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมของนาฬิกาเรือนพิเศษของเพียเจต์ได้ ที่นี่) แบรนด์อื่นๆ อย่าง Grand Seiko ก็นำเสนอนาฬิกาเรือนพิเศษประจำปีกับกลไก Constant Force Tourbillon ที่ผสมผสานกลไกระดับสูงที่เพิ่มมิติความแม่นยำเข้าไว้ด้วยกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด หรือจะเป็น Cartier Santos-Dumont Rewind กับเรือนเวลาแสนพิเศษที่วางกลไกและหน้าปัดแบบกลับหลัง ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ที่น่าตื่นเต้นจนได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกของงาน

Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

  • 5.POPULAR COLLECTION

สำหรับคอนาฬิกาผลงานชิ้นใหม่จากแบรนด์ยอดฮิตที่หลายคนรอคอยคงหนีไม่พ้น Rolex, Patek Philippe และ Vacheron Constantin อย่างแน่นอน โดยครั้งนี้ โรเล็กซ์นำเสนอเรือนเวลารุ่นเด่นทั้ง GMT-Master II กับเบเซลสีเทาสลับดำให้กลิ่นอายลึกลับจนได้รับการขนานนามด้วยชื่อเล่นอย่างไม่เป็นทางการว่า ‘Bruce Wayne’ หรือจะเป็น Datejust รุ่นใหม่ที่มาในขนาด 36 มิลลิเมตรเป็นครั้งแรก และยังมีรุ่นหน้าปัดสี ‘Blue-Green’ ที่ตัวเรือนเอเวอโรสโกลด์รายล้อมด้วยเพชรเจียระไนทรงบาแกตต์ หรือจะเป็นรุ่น 1908 ที่มาพร้อมวัสดุแพลทินัม 950 หน้าปัดสีฟ้ากีโยเช่ นอกจากนี้ยังมีรุ่นดังอย่าง Cosmograph Daytona ที่เพิ่มเติมความหรูหราและลูกเล่นใหม่ๆ Sky-Dweller และที่สำคัญคือ Deepsea เยลโลว์โกลด์ทั้งเรือนมาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินขนาด 43 มิลลิเมตร พร้อมศักยภาพชั้นสูงสำหรับดำน้ำ ด้านปาเต็กก็ไม่น้อยหน้ากับการเผยโฉมเรือนเวลา World Time Date 5330G ที่โดดเด่นด้วยกลไกการบอกเวลาแม่นยำจากทุกโซนเวลาทั่วโลก Grand Complications Alarm Travel Time 5520RG กับกลไกการบอกเวลา 2 โซนเวลาเหมาะสำหรับนักท่องโลกตัวจริง Grand Complications Perpetual Calendar Rare Handcrafts 5160/500R นาฬิกาหน้าปัดแสดงความซับซ้อนในการบอกวันและเวลาตามปีปฏิทิน พร้อมการแกะสลักทั้งตัวเรือนในแบบฉบับศิลปะชั้นสูงจากศตวรรษที่ 18 นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่นดังทั้ง Nautilus, Aquanuat, Perpetual Calendar และ Annual Calendar ปิดท้ายด้วยนาฬิกา Twenty~4 ที่ฉลองเข้าขวบปีที่ 25 พอดิบพอดี ส่วนแบรนด์ยอดนิยมอีกหนึ่งแบรนด์อย่างวาเชรอง คงสตองแตงก็มาพร้อมการตีความและนำเสนอไลน์ Overseas ที่ทุกคนรอคอย โดยไล่เรียงระดับตั้งแต่กลไกออโตเมติกที่เรียบง่าย ไปจนถึงกลไก Chronograph และ Dual Time ที่เพิ่มความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทั้งหมดมาในหน้าปัดสีเขียวเฉพาะชื่อ ‘Sunburst Green’ นอกจากนี้ยังมี Overseas ที่มาพร้อมกลไกตูร์บิญงและวัสดุตัวเรือนไทเทเนียมที่ทั้งแสดงความยอดเยี่ยมของงานนาฬิกาชั้นสูงที่มาพร้อมน้ำหนักเบาและวัสดุทนทานเหมาะสำหรับการใช้งานได้ในทุกๆ วัน ส่วนแบรนด์ที่คอนาฬิกาสายลึกรอคอยคงหนีไม่พ้น A. Lange & Söhne ที่เผยโฉม Datograph Perpetual Tourbillon Honeygold “Lumen” สุดยอดแห่งการรวมกลไกนาฬิกาชั้นสูงไว้ด้วยกัน มาพร้อมตัวเรือนสีฮันนี่โกลด์จดลิขสิทธิ์เฉพาะ และฟังก์ชั่นการเรืองแสง นำเสนอความยอดเยี่ยมตั้งแต่กลางวันยันกลางคืนในทุกมิติ

Watches & Wonders, #VogueScoop, Vogue Scoop, Watches & Wonders 2024, Watches and Wonders, Watches and Wonders 2024

  • 6.JEWELLERY ESSENTIALS

ถึงเวลาที่เหล่าสาวกนาฬิกาผู้หญิงรอคอย ในงานครั้งนี้เรือนเวลาอันโดดเด่นไม่แพ้กลไกอันซับซ้อนหรือความล้ำสมัยคือนาฬิกาจิวเวลรีที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์แห่งความหรูหรา สำหรับ Piaget มาพร้อม Swinging Sautoir นาฬิกาสร้อยคออันหรูหราที่เป็นดั่งซิกเนเจอร์ของเมซง สอดผสานกับคอนเซปต์ ‘The Art of Extraleganza’ ย้อนเวลาให้ทุกคนสัมผัสกับความงดงามที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1957 นาฬิกาสร้อยคอที่เต็มไปด้วยความสวยงามแต่ก็ยังสอดแทรกกลไกชั้นสูงที่ยึดถือคุณภาพเป็นสำคัญด้วยเช่นกัน หรือจะเป็นนาฬิกา Aura ที่นำเสนอความงดงามด้วยการประดับตัวเรือนไปจนสายด้วยจิวเวลรีล้ำค่า คราวนี้ไล่ระดับสีด้วยทับทิม แซปไฟร์สีชมพู และเพชร เฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีของนาฬิกาเลอค่าเรือนนี้พอดี ด้านแบรนด์อย่าง Chanel ก็ไม่เคยละทิ้งมิติความสวยงามหรูหรา แน่นอนว่า Bobine Cuff คือนาฬิกาจากคอลเล็กชั่น ‘Couture O’Clock’ ที่โดดเด่นด้วยการจำลองรูปทรงหลอดด้ายมาในลักษณะกำไลข้อมือประดับเพชรสุดหรู และซ่อนกลไกการหน้าปัดบอกเวลาภายใต้แซปไฟร์สีเหลืองสะดุดตา นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาสร้อยคอที่ใช้อุปกรณ์ภายในเมซงมาตีความใหม่ทั้งเข็มกลัดและปลอกนิ้ว นำเสนอเรือนเวลาหรูหราที่เน้นย้ำเรื่องความสวยงามตามแบบฉบับชาเนล Vacheron Constantin เองก็นำเสนอ Grand Lady Kalla นาฬิกาจิวเวลรีที่หยิบยกแรงบันดาลใจจากผลงาน Kallista ปี 1979 โดยนาฬิกาทั้งเรือนทำจากเพชรคุณภาพสูง เจียระไนทรงมรกตสร้างประกายแวววาย 57 เหลี่ยม สิริรวมจำนวนเพชรกว่า 131 เม็ด ปิดท้ายด้วย Cartier เมซงด้านจิวเวลรีชั้นนำจากฝรั่งเศสที่เล่าเรื่องราวผ่านตัวเรือนนาฬิกา Animal Jewellery ได้อย่างโดดเด่นด้วยการจำลองรูปทรงของสัตว์พร้อมการประดับอัญมณีเลอค่าหลากหลายประเภท ซึ่งแบรนด์ต้องการนำเสนอรูปแบบของสัตว์ประจำเมซงที่ชวนให้จินตนาการต่อตามประสบการณ์และมุมมองเชิงศิลป์ของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังมีชิ้นงาน Reflection de Cartier กับกิมมิกการบอกเวลาได้ทั้งบนหน้าปัดและเงาสะท้อน มาในรูปแบบกำไลข้อมือแบ่งข้อต่อสง่างาม นับว่าเป็นเซ็ตคอลเล็กชั่นเรือนเวลาใหม่ของคาร์เทียร์ที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับคอนาฬิกาและจิวเวลรีโดยแท้จริง

 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างไฮไลต์และเรื่องราวจากงาน Watches & Wonders ประจำปี 2024 เพียงเท่านั้น เพราะภายในงานยังมีความน่าสนใจอีกหลากหลายรูปแบบให้คอนาฬิกาได้ค้นหาอย่างเจาะลึก หรือผลงานใหม่ๆ ที่เชื้อเชิญคนที่อาจไม่เคยสนใจเรือนเวลามาสนใจกับความพิเศษเหนือระดับจากแต่ละแบรนด์ ไล่ตั้งแต่แบรนด์ระดับชั้นนำ แบรนด์ยอดนิยมชื่อก้องโลก เรื่อยไปจนถึงแบรนด์อิสระที่มาพร้อมการนำเสนอชิ้นงานนาฬิกาอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับงานครั้งนี้ต่อไปได้ที่นิตยสารโว้ก เร็วๆ นี้

WATCH

คีย์เวิร์ด: #VogueScoop