WATCHES & JEWELLERY
Vacheron Constantin เผยเรือนเวลาสะท้อนการสร้างสรรค์งานฝีมือและจิวเวลรีชั้นสูงเต็มรูปแบบLes Cabinotiers Le Temps Divin และ Traditionnelle Tourbillon High Jewellery คือผลงานนาฬิกาสุดพิเศษส่งท้ายปลายปี 2024 จาก Vacheron Constantin |
เข้าช่วงเวลาแห่งกาลเฉลิมฉลองปลายปี 2024 เหล่าเมซงผู้รังสรรค์นาฬิกาชั้นยอดต่างนำเสนอผลงานอันน่าทึ่งเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองช่วงเทศกาลอันยิ่งใหญ่ Vacheron Constantin ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างมาตรฐานความมั่นคงในการรังสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งยังสามารถนำเสนอเอกลักษณ์ประกอบกับชั้นเชิงด้านศิลปะได้อย่างโดดเด่น รวมถึงการนำเสนอผลงานเรือนเวลาประดับจิวเวลรีอันล้ำค่า ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งการผสานโลกของนาฬิกาและจิวเวลรีชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน โว้กจะพาไปท่องโลกของวาเชอรอง คองสตองแตงกับเส้นทางช่วงปลายปี 2024 อันเต็มไปด้วยศิลปะและความหรูหราเหนือระดับ
- Les Cabinotiers Le Temps Divin
เริ่มต้นกันด้วยเรือนเวลา Les Cabinotiers Le Temps Divin สุดยอดผลงานการรังสรรค์ที่ผนวกเอาผลผลิตทางวัฒนธรรมเอเชียผูกโยงเข้ากับวิถีแห่งการรังสรรค์เรือนเวลาชั้นยอดในแบบฉบับสวิสดั้งเดิม ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญเรื่องเวลาตามวัฏจักรหรือ Cyclical Time นำมาสู่การเปรียบเปรยถึงการเปลี่ยนผ่านของแต่ละฤดูกาล และเกิดเป็นนาฬิกาที่มีสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการเดินทางของเวลาที่หมุนเวียนไปโดยมีหลักแสดงเป็นงานศิลปะ ชื่อนาฬิการุ่นนี้ก็มีความหมายว่า “ช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์” และมีจุดตั้งต้นไอเดียเกี่ยวกับผลงานศิลปะอันผูกโยงเข้ากับสรรพสัตว์ในตำนานที่มีสัญญะความหมายอันลึกซึ้ง
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูกาล ไล่ตั้งแต่มังกรฟ้า (Azure Dragon) ประจำฤดูใบไม้ผลิ, หงส์ไฟ (Vermillion Bird) ประจำฤดูร้อน, พยัคฆ์ขาว (White Tiger) ประจำฤดูใบไม้ร่วง และ เต่านิล (Black Tortoise) ประจำฤดูหนาว ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกตีความและสร้างภาพลงบนหน้าปัดด้วยเทคนิคการวาดลวดลายอัดลงไม้หรือ Wood Marquetry โดยสัญลักษณ์ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญอย่างมากในวัฒนธรรมเอเชีย เชื่อมสัมพันธ์ไปถึงเรื่องสัตว์ในวรรณกรรมและสัญลักษณ์แห่งดวงดาวราศี ที่ขาดไม่ได้คือความหมายเชิงลึกที่ซ่อนพลังความหมายอันเป็นความเชื่อของกลุ่มคนที่เชื่อและนับถือสิ่งเหล่านี้เป็นสาระสำคัญ
งานไม้ที่วาเชอรอง คองสตองแตงสร้างสรรค์ขึ้นครั้งนี้ละเอียดประณีตเฉกเช่นเดียวกับการสร้างกลไกเวลาอันงดงามเสมอมา โดยใช้ประเภทไม้และเฉดสีของไม้ที่หลากหลายเพื่อนำมาตัด จัดเรียง และประกอบจนเกิดเป็นงานศิลปะอันน่าทึ่ง ซึ่งนับจำนวนได้มากถึง 150 ประเภท เฉดสีรวมกว่า 60 สี ต้องใช้เวลาทดลองทำแบบกับสเกลขนาดใหญ่ก่อนจะลดขนาดเพื่อสอดรับกับขนาดหน้าปัดจริง นอกจากนี้ยังต้องเก็บรายละเอียดของลักษณะทางกายสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ให้ครบถ้วน ต้องใช้ชิ้นส่วนขนาดเล็กเพื่อสร้างรายละเอียดที่เนี้ยบที่สุด หน้าปัดแต่ละเรือนต้องใช้เวลาในการรังสรรค์ราวๆ เดือนครึ่งเลยทีเดียว
และความพิเศษอย่างที่กล่าวไปว่าเน้นย้ำเรื่อง Cyclical Time ทางเมซงจึงไม่พลาดเจาะลึกถึงประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปถึงการหยิบยกแรงบันดาลใจจากวงล้อราศีที่หมุนเวียนไปจนนำมาสู่ผลงานเรือนเวลาอันน่าประทับใจอย่าง Mercator จากยุค ‘90s และผลงานนาฬิกาตั้งโต๊ะเมื่อปี 1927 แม้จะมีการตีความที่แตกต่างกันไป แต่รากฐานของวังเวียนของเวลาที่หมุนไปเป็นวัฏจักรถูกผลิตซ้ำอีกครั้งผ่านแนวทางเชิงวัฒนธรรม สอดประสานไปกับกลไกอันสลับซับซ้อนกับ Calibre 2160 ที่สั่นไหวมากถึง 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง และแน่นอนว่ากลไกตูร์บิญงอันงดงามที่เผยให้เห็นบริเวณตำแหน่งเลข 6 พร้อมสัญลักษณ์ประจำเมซง
WATCH
- Traditionnelle Tourbillon High Jewellery
นาฬิกาอีกเรือนหนึ่งจากวาเชอรอง คองสตองแตงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรือนเวลา Traditionnelle Tourbillon High Jewellery สุดยอดการรังสรรค์ที่ผสานโลกแห่งนาฬิกาและจิวเวลรีชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน โดยเรือนเวลารุ่นคลาสสิกของเมซงถูกประดับด้วยเพชรเจียระไนทรงบาเกตต์มากกว่า 300 เม็ด แน่นอนว่าไฮไลต์สำคัญของตัวเรือนและเพชรล้ำค่า ทว่ายังรวมถึงเบื้องหลังประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่ามานานเกิน 2 ศตวรรษ ซึ่งเมซงทนุบำรุง La Fabrique จุดตั้งต้นที่รวบรวมช่างฝีมือมากกว่า 5,000 คนตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะช่างนาฬิกาและช่างทอง อันนำมาสู่รากฐานอันแข็งแกร่งในการรังสรรค์งานฝีมือชั้นสูง
แน่นอนว่าหลายคนอาจเคยเห็นนาฬิกาฝังเพชรมานับไม่ถ้วน แต่ละเรือนล้วนทรงคุณค่าและมีเอกลักษณ์ความน่าสนใจแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง จำนวนเพชร รูปแบบการเจียระไน เรื่อยไปจนถึงการจัดเซ็ตติ้ง สำหรับวาเชอรอง คองสตองแตงก็เช่นกัน แบรนด์กำลังตีความและเฟ้นหาเทคนิคใหม่ๆ มาประกอบสร้างเรือนเวลาที่หรูหราเหนือระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาฬิกาประดับเพชรเจียระไนทรงบาเกตต์ทั้งเรือนที่มาพร้อมรูปทรงของนาฬิกาสไตล์คลาสสิกอันเป็นเรือนเวลาตั้งต้นของเมซงเสมอมา
เทคนิคเซ็ตติ้งแบบล่องหน จุดตั้งแต่จากต้นศตวรรษที่ 20 ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างผลงานเรือนเวลาเรือนนี้ เพชรแต่ละเม็ดถูกเจียระไนบริเวณ Culet ให้มีลักษณะเฉพาะเพื่อสามารถสอดเรียงกันไปได้แบบไร้รอยต่อ ทุกชิ้นจะต้องถูกเจียระไนอย่างแม่นยำเพื่อความสมบูรณ์แบบ ความยากในการเจียระไนทวีคูณขึ้นในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ lugs ที่มีความโค้งมนและรูปทรงแตกต่าง รวมถึงการไล่ระดับขนาดเพชรให้กระจายออกจากส่วนตูร์บิญงที่แสดงภาพเหมือนเกลียวคลื่นหรือประกายแสงที่ระยิบระยับไล่ระดับกันอย่างน่าทึ่ง สิริรวมจำนวนเพชรทั้งหมดมากถึง 334 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 27.11 กะรัต
ความพิเศษของงานฝีมือประดับเพชรบนเรือนเวลายังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากปรายตามองจะพบความโดดเด่นเรื่องกลไกตูร์บิญง เมซงนาฬิกาไม่ละทิ้งความสำคัญด้านกลไกอันเลอค่าแน่นอน เรือนเวลาหน้าปัด 41 มิลลิเมตรนี้ ประกอบขึ้นด้วยกลไก Calibre 2160 และมีขนาดความหนาเพียง 12.46 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งโดดเด่นด้วยกลไกตูร์บิญงพร้อมสัญลักษณ์สวยสดงดงาม นอกจากนี้ภายในยังบางเฉียบ และยังเผยให้เห็นทุกรายละเอียดจากเคสแซปไฟร์ใสด้านหลัง ทำให้นาฬิกาเรือนนี้เผยความงดงามและทรงคุณค่าในทุกมิติอย่างครบถ้วน และเป็นดั่งผลงานสะท้อนภาพความเหนือระดับในเชิงความยอดเยี่ยมของโลกนาฬิกา ความหรูหราของจิวเวลรีชั้นสูง และวิถีการผสมผสานด้านงานฝีมือชั้นเลิศ นับว่าเป็นสุดยอดนาฬิกาสำหรับนักสะสมที่ออกมาในช่วงเฉลิมฉลองปลายปีโดยแท้จริง
WATCH