ครั้งแรกในรอบ 25 ปี Patek Philippe เผยโฉมนาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดกับรุ่น Cubitus

     Patek Philippe เป็นดั่งแบรนด์ยอดพีระมิดที่คอนาฬิกาทั่วโลกถวิลหา เรือนเวลาอย่าง Aquanuat และ Nautilus คือนาฬิกาสายสปอร์ตที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ครั้งนี้แบรนด์จึงพัฒนาและเปิดตัวนาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ครั้งแรกในรอบ 25 ปี ด้วยแนวคิดแบบ “Elegant Sporty” กับนาฬิการุ่น Cubitus ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนสี่เหลี่ยมตกแต่งด้วยมุมอันโค้งมน มาพร้อมหน้าปัดสีคลาสสิกและกลไกหลายรูปแบบตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงหน้าปัดอันซับซ้อนด้วยรายละเอียด นับเป็นข่าวเซอร์ไพรส์แห่งวงการนาฬิกาที่แบรนด์ระดับเพชรยอดมงกุฎเผยโฉมคอลเล็กชั่นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

     เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของปาเต็ก ฟิลิปป์ยังคงถูกรักษาไว้อย่างครบถ้วน เพิ่มเติมคือวิธีการปรับแต่งรูปทรงและความหนาบางให้เข้ากับผู้สวมใส่ การพัฒนาที่ผลลัพธ์ออกมาหน้าตาเรียบง่ายแต่ซ่อนด้วยรายละเอียดเบื้องหลังอันลึกซึ้ง สอดผสานกับมุมมองการเดินหน้าของเมซงที่มีเรือนเวลาแต่ละรุ่นเหมือนเป็นหมุดบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นในแต่ละยุคสมัย ซึ่งครั้งนี้เน้นย้ำเรื่องรูปทรงเรขาคณิตชวนให้นึกถึงศิลปะยุค Art Deco ทว่ามีการปรับแต่งให้มีความโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น ด้วยขนาดหน้าปัด 45 มิลลิเมตรเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกชัดเจนถึงกลิ่นอายความสปอร์ต

     รายละเอียดความพิเศษตามแบบฉบับของปาเต็ก ฟิลิปป์แอบซ่อนไว้ในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ “Calatrava Cross” เรื่อยไปจนถึง ‘Rug’ ที่มีความแตกต่างเฉพาะตัว นอกจากเรือนเวลาแล้วทางแบรนด์ยังนำเสนอคัฟลิงก์คอลเล็กชั่นใหม่ที่สอดรับกับความงดงามของตัวเรือน ทำจากวัสดุไวต์โกลด์และวัสดุสลักลายเช่นเดียวกับบนหน้าปัดนาฬิกา ถือว่าการเปิดตัวครั้งนี้คือก้าวใหญ่ของปาเต็ก ฟิลิปป์ที่ห่างหายจากการออกโมเดลใหม่มานานเกิน 2 ทศวรรษ วันนี้แฟนพันธุ์แท้นาฬิกาจะได้ยลโฉมความสดใหม่ที่สุดของสุดยอดแห่งแบรนด์นาฬิกา

• Cubitus Instantaneous Grand Date, Day and Moon Phases Reference 5822P-001

หากจะกล่าวถึงเรือนเวลารุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะต้องมุ่งหน้าสู่นาฬิกาเรือนไฮไลต์กับรหัส 5822P-001 ที่เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นแบบครบคัน ไล่เรียงองค์ประกอบได้เป็นแผงบอกวันที่ หน้าปัดย่อยระบุวัน และหน้าปัดย่อยหลักวินาที รวมถึงกลไกมูนเฟส (Moon Phase) มาพร้อมตัวเรือนแพลทินัมที่นำเสนอความหรูหราแบบไม่กระโตกกระตาก กลไกใหม่ล่าสุดอย่าง 240 PS CI J LU ก็ถูกนำมาเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน และหน้าปัดสีน้ำเงินสุดคลาสสิกก็สะท้อนภาพความอมตะเหนือกาลเวลาที่นาฬิการุ่นนี้จะเดินหน้าไปในอนาคตได้อย่างชัดเจน เรื่องขนาดหน้าปัด 45 มิลลิเมตรถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใหญ่ อาจเหมาะสำหรับข้อมือผู้ชายเป็นหลัก ทว่าด้วยการออกแบบตัวเรือนให้มีความบางสอดรับกับข้อมืออาจทำให้นาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เทอะทะจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีการประดับเพชรเจียระไนทรงบาเก็ตต์บริเวณเบเซลตำแหน่ง 6 นาฬิกาที่ระบุว่านาฬิกาเรือนนี้ทำจากวัสดุแพลทินัม และที่ขาดไม่ได้คือรายละเอียดเรื่องสายที่เติมเต็มความสปอร์ตด้วยสีเดียวกับหน้าปัด ตัดกับฝีเข็มสีครีม ทำจากวัสดุผสมพิเศษ มีความทนทานสูงและยังสามารถจำลองลักษณะของพื้นผิวผ้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปิดท้ายด้วยตัวล็อกโฉมใหม่ที่สลักลาย “CUBITUS” อย่างชัดเจน

• Cubitus Reference 5821/1AR-001

ความน่าสนใจต่อยอดคนรักนาฬิกาหน้าปัดสีน้ำเงินคือตัวเรือนรหัส 5821/1AR-001 ที่มาพร้อมความโดดเด่นแบบฉบับนาฬิกา “Two-Tone” ผสมผสานวัสดุโรสโกลด์และสตีล สร้างคอนทราสต์ด้วยรายละเอียดการขัดด้านและขัดเงาสลับกันในสไตล์ของปาเต็ก ฟิลิปป์ เหลี่ยมมุมที่ถูกปรับแต่งให้โค้งมนพร้อมความบางเฉียบสะท้อนความหรูหราและมีลูกเล่นของสีสันที่สลับกันอย่างโดดเด่น แต่ยังคงมิติความเป็นสปอร์ตไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งเลียนล้อกับแนวคิด Casual Chic ที่แบรนด์ต้องการนำเสนอผ่านนาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่นี้ หน้าปัดสลักลายสีน้ำเงินเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ มาพร้อมแผงหน้าต่างบอกวันที่บริเวณตำแหน่ง 3 นาฬิกา เข็มบอกเวลาที่ล้อมกรอบด้วยวัสดุโรสโกลด์ รายละเอียดแซปไฟร์คริสตัลใสเปิดหลังเผยโฉมกลไกอันงดงาม และสำหรับเรือนนี้เผยโฉมในรูปแบบนาฬิกาสาย “Two-Tone” ด้วยวัสดุเดียวกับตัวเรือน มอบเสน่ห์อันน่าหลงใหลในแบบที่คอนาฬิกาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

• Cubitus Reference 5821/1A-001

ปิดท้ายกันด้วยนาฬิการหัส 5821/1A-001 กับนาฬิกาวัสดุสตีลหน้าปัด 45 มิลลิเมตรเช่นกัน ซึ่งเรือนนี้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกับหน้าปัดสีเขียวมะกอกเอฟเฟกต์ “Sunburst” ขนาดตัวเรือนเท่ากันแต่เมื่ออยู่ในรูปแบบวัสดุสตีลสร้างมิติที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ สตีลมีเอฟเฟกต์การขัดด้านและเงาเช่นเดิม เพิ่มกลิ่นอายความสปอร์ตและตอบโจทย์การใช้งานอย่างจริงจังด้วยรายละเอียดเรืองแสงให้ความสว่างยามมืดมิด และมีรายละเอียดแผงหน้าต่างบอกวันที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาเช่นเดียวกับตัวเรือน 5821/1AR-001 ซึ่งภายในใช้กลไก Caliber 26-330 S C ด้วยเช่นกัน โดยตัวเรือน 2 รุ่นที่มีหน้าปัดเรียบง่ายสามารถสำรองพลังงานได้ 35 – 45 ชั่วโมง และตัวเรือนไฮไลต์ที่มาพร้อมกลไกใหม่แกะกล่องสำรองพลังงานได้ 38 – 48 ชั่วโมง นับเป็นการเปิดตัวอันน่าตื่นเต้นที่ทำให้สาวกนาฬิกาทั่วโลกได้สัมผัสกันเรือนเวลาโฉมใหม่จากปาเต็ก ฟิลิปป์ที่ไม่ได้เห็นการเดินหน้าสู่ความสดใหม่อย่างจริงจังมาแล้วร่วม 25 ปี