
WATCHES & JEWELLERY
ท่องโลกแห่งสีน้ำเงินไปกับ J12 BLEU เรือนเวลาเฉลิมฉลองครบ 25 ปี J12 จาก CHANELการนิยามความคลาสสิกและเป็นอมตะเหนือกาลเวลาด้านนาฬิกาของ CHANEL อาจไม่ใช่สีเงินหรือทอง แต่เป็นสีขาว สีดำ และมาจนถึงสีน้ำเงิน ณ วันนี้ |
หากย้อนเวลากลับไปตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน คู่สีขาว-ดำ คงเป็นความคอนทราสต์ที่ถูกเนรมิตขึ้นพร้อมกับความสวยงามเชิงศิลป์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม งานประติมากรรม เรื่อยไปจนถึงแฟชั่น และศิลปะแขนงอื่นๆ มากมาย สำหรับแวดวงนาฬิกาอาจไม่ใช่เช่นนั้น สีคลาสสิกคงหนีไม่พ้นสีเงินและทอง (ในเฉดต่างๆ) เนื่องจากวัสดุสเตนเลสสตีลและทองเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตนาฬิกาโดยทั่วไป ทว่าสำหรับ CHANEL ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นไอคอนิกอย่าง J12 จะพบว่านี่คือชิ้นงานที่พาเราวิ่งหาคู่สีขาว-ดำอีกครั้ง และในงาน Watches & Wonders ประจำปี 2025 เมซงชั้นนำจากฝรั่งเศสก็หยิบยกสีไอคอนิกอีกหนึ่งสีมาถ่ายทอดเป็นเรือนเวลาที่พร้อมสะกดตาทุกคน
ปี 2025 คือปีฉลองครบรอบ 25 ปี นาฬิการุ่นไอคอนิกอย่าง J12 ย้อนกลับไปเมื่อเศษ 1 ส่วน 4 ศตวรรษก่อน จะพบว่าเรือนเวลาจากชาเนลปฏิวัติวงการนาฬิกาในปี 2000 กับ J12 สีดำแสนงดงามและสะท้อนภาพความสวยงามตามแบบฉบับเมซง ก่อนที่ 3 ปีให้หลังจะนำเสนอสีขาว ถือกำเนิดนาฬิกาคู่สีขาว-ดำ ที่โด่งดังและเป็นเอกลักษณ์อันเด่นชัดจนถึงปัจจุบัน และเมื่อการเฉลิมฉลองเริ่มขึ้นในปีนี้นาฬิกา J12 โฉมใหม่สีน้ำเงินมาพร้อมกับชื่อทุกคนคุ้นเคยว่า “BLEU” ก็ถูกเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่
Arnauld Chastaingt ผู้อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์นาฬิกา CHANEL J12 BLEU
“BLEU” คำนี้มีความสำคัญและแสดงถึงตัวตนของชาเนลเป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทผูกโยงกับสีน้ำเงิน นับเป็นตัวละครหลักของเมซงไม่แพ้สีขาว-ดำ เลยแม้แต่น้อย เชื่อว่าถ้าใครนึกถึงชาเนล น้ำหอมอย่าง “Bleu de Chanel” จะเข้ามาในสารบบความคิดแทบจะทันที สิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นกับ J12 BLEU สุดยอดการรังสรรค์เรือนเวลาที่ทั้งงดงามและเปี่ยมด้วยความยอดเยี่ยมเชิงกลไก รวมถึงวิถีการออกแบบ ซึ่งต่อยอดการพัฒนาโดย Arnaud Chastaingt แห่ง Watch Creation Studio ของแบรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ Place Vendôme กลางกรุงปารีส พร้อมส่งต่อสู่ Watch Manufacture ณ ลา โช-เดอ-ฟงส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
“House Palette” แกนหลักสำคัญที่บ่งบอกถึงรากฐานของนาฬิกาเรือนใหม่ของเมซงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่น บิวตี้ หรือแม้แต่จิวเวลรีที่สีน้ำเงินปรากฏขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์จิวเวลรีชาเนลย้อนกลับไปเกือบศตวรรษกับกล่องจิวเวลรีจากคอลเล็กชั่น “Bijoux de Diamants” ก่อนจะถูกนำมาตีความและถ่ายทอดในรูปแบบใหม่ผ่านการรังสรรค์เรือนเวลาไอคอนิก J12 นอกจากนี้ยังผสมผสานระหว่างการใช้วัสดุเซรามิกที่สร้างภาพจำว่าเป็นวัสดุอันทรงคุณค่าจากนาฬิกาเรือนดังกล่าว “ศิลปะการใช้เซรามิกคือองค์ความรู้การผลิตนาฬิกาและงานฝีมือของชาเนล (เซรามิก) เป็นวัสดุที่ยอดเยี่ยม ขอบคุณความอัจฉริยะของเหล่าวิศวกรของพวกเราที่สามารถสร้างพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์” อาโนด์กล่าว
จากเรือนเวลา J12 สีขาว-ดำ ที่โดดเด่นเรื่องความเงางามและเป็นดั่งไอเท็มชิ้นล้ำค่าของทั้งหญิงและชาย วันนี้กับ J12 BLEU มีความแตกต่างอันแสนพิเศษ เนื่องจากตัวเรือนแบบด้านกลายเป็นสัญญะอันโดดเด่นเพิ่มเติมนับจากนี้ โปรเจกต์นาฬิกาครั้งนี้กินเวลาในการค้นคว้าวิจัยนานกว่า 5 ปี เพื่อความหาโทนสีที่มีเอกลักษณ์ พร้อมพัฒนาเชิงเทคนิคให้สามารถผลิตนาฬิกาออกมาแบบกันรอยขีดข่วนและคงทนแข็งแรง “ผมวาดฝันไว้ว่าอยากเสริมแต่งสีดำให้ส่องสว่างเหลือบสีน้ำเงิน ตัวเลือกสุดท้ายกับสีน้ำเงินเฉพาะนี้เป็นเหมือนดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์” อาโนด์กล่าว พร้อมเสริมว่า “ผมอยากให้สีน้ำเงินนี้มีความสวยงามที่ชัดเจน เป็นสีน้ำเงินที่เกือบจะเป็นสีดำ หรือเป็นสีดำที่เกือบจะเป็นสีน้ำเงิน” ผลงานเรือนเวลาอันน่าทึ่งนี้จึงเกิดมีมิติความสวยงามที่ชวนค้นหากับโทนสีที่มีมิติความล้ำลึกเช่นนี้
ความงดงามของ J12 BLEU โดดเด่นทั้งในรูปแบบนาฬิกาปกติไปจนถึงนาฬิกาชั้นสูงที่เผยโฉมมาแบบน่าตราตรึงในงาน Watches & Wonders ประจำปี 2025 ความยอดเยี่ยมของเรือนเวลาที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์โฉมใหม่แต่คงความคลาสสิกของเมซง เริ่มตั้งแต่ J12 BLEU CALIBER 12.1 38 MM และ J12 BLEU CALIBER 12.2 33 MM เรือนเวลาเรียบง่ายคลาสสิก ชูความโดดเด่นเรื่องวัสดุเซรามิกและโทนสีน้ำเงินเฉพาะตัวได้อย่างเด่นชัด มาพร้อมพรายน้ำวัสดุแซปไฟร์สีน้ำเงินสอดรับกับตัวเรือนและสายเป็นอย่างดี และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือกลไก Caliber 12.1 และ 12.2 ที่เป็นหัวใจ ทำหน้าที่สูบฉีดความมีชีวิตชีวาให้เรือนเวลาอย่างเที่ยงตรงแม่นยำ
ต่อเนื่องด้วยกับเรือนเวลาขนาดหน้าปัด 38 และ 33 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับ 2 เรือนก่อนหน้า ด้วยวัสดุและองค์ประกอบของเรือนเวลาที่งดงามของ J12 BLEU CALIBER 12.1 38 MM และ J12 BLEU CALIBER 12.2 33 MM จึงมีความแตกต่างเพียงเรื่องพรายน้ำ โดยเรือนขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตรจะมาพร้อมหลักเวลาตัวเลขสีดำขัดด้าน ในขณะที่เรือนขนาดหน้าปัด 33 มิลลิเมตรจะมาพร้อมหลักเวลาฝังเพชร brilliant-cut จำนวน 12 เม็ด สะท้อนภาพความหรูหราและแสดงถึงมิติความงดงามสำหรับผู้หญิง
เมื่อก้าวสู่โลกของ J12 BLEU มาในระดับหนึ่งจะได้พบกับเรือนเวลาชั้นสูงที่ผ่านการรังสรรค์อย่างละเอียดประณีตทุกกระเบียดนิ้ว เริ่มตั้งแต่ J12 BLEU 42 MM SAPPHIRES และ J12 BLEU 28 MM SAPPHIRES สุดยอดเรือนเวลาที่โดดเด่นอย่างมากใน 2 ขนาดหน้าปัด คู่ “Mini & Maxi” คู่นี้ คือภาพสะท้อนผลงานความงดงามของเรือนเวลาชาเนลได้อย่างครบถ้วน แซปไฟร์สีน้ำเงินเจียระไนทรง Baguette-cut ถูกประดับลงบนหลักเวลา เบเซล และสาย ส่องประกายควบคู่กับโทนสีน้ำเงินเฉพาะ โดยสิริรวมแซปไฟร์สีน้ำเงินรวมกว่า 170 เม็ด (น้ำหนักรวมประมาณ 17.01 กะรัต) สำหรับเรือนหน้าปัด 42 มิลลิเมตร และ 196 เม็ด (น้ำหนักรวมประมาณ 8 กะรัต) สำหรับเรือนหน้าปัด 28 มิลลิเมตร โดยแต่ละเรือนผลิตจำกัดเพียง 12 เรือนเท่านั้น
ท่องโลกสีน้ำเงินโฉมใหม่กันอย่างต่อเนื่องไปกับ J12 BLEU DIAMOND TOURBILLON สุดยอดเรือนเวลาที่นอกจากจะงดงามด้วยการประดับแซปไฟร์สีน้ำเงิน ยังโดดเด่นด้วยกลไกตูร์บิญงประดับเพชรตรงกลาง ที่แสดงถึงสุดยอดงานฝีมือและเทคนิคการรังสรรค์เรือนเวลาชั้นสูง ทั้งยังซ่อนกลไก Caliber 5 กลไกที่พัฒนาโดยชาเนลเองที่มีเอกลักษณ์คือ ‘Flying Tourbillon’ รูปลักษณ์ทรงกลมและขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตร ถือเป็นนาฬิกาคลาสสิกที่ผสมผสานดีเอ็นเอของเมซงชาเนลได้เป็นอย่างดี มากไปกว่านั้นยังถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของเรือนเวลาชั้นสูงด้วยรูปแบบหน้าปัด ‘Open Work’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
J12 BLEU X-RAY อีกหนึ่งสุดยอดเรือนเวลาชั้นสูงจากชาเนลในปี 2025 ที่ถ้าใครเคยประทับใจกับซีรี่ส์นาฬิกาสีชมพูฉายา ‘Barbie’ เมื่อปีก่อนจะพบว่านาฬิกาเอกซเรย์ในปีนี้พิเศษเหนือระดับไม่แพ้กัน โทนสีน้ำเงินที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเลและผืนฟ้าในวันฟ้าเปิดถูกถ่ายทอดผ่านเรือนเวลารูปทรงคลาสสิกตามแบบฉบับ J12 ตัวเรือนและสายใช้เวลานานกว่า 1,600 ชั่วโมง เพื่อการแกะสลักจากวัสดุ ‘Synthetic Sapphire’ ก้อนใหญ่ก้อนเดียว ผสมผสานเข้ากับวัสดุไวต์โกลด์และแซปไฟร์สีน้ำเงินธรรมชาติ ภาพแรกเมื่อเห็นจะเห็นทะลุ ‘Open Work’ สู่กลไกที่เหมือนลอยล่องในอากาศ มาพร้อมกลไก Caliber 3.1 ที่ทำให้นาฬิกาเรือนที่เปรียบดั่งงานศิลปะชั้นสูงมีชีพจรแห่งการบอกเวลาได้อย่างแม่นยำ
ปิดท้ายด้วย J12 BLEU 38 MM SAPPHIRES นาฬิกาชั้นสูงที่เพียบพร้อมด้วยการนำเสนอความโดดเด่นของสีน้ำเงินและแซปไฟร์อย่างงดงาม ถือเป็นตระกูลเดียวกับ J12 BLEU 42 MM SAPPHIRES และ J12 BLEU 28 MM SAPPHIRES มีความแตกต่างเรื่องขนาดหน้าปัดและการเผยผิววัสดุเซรามิกสีน้ำเงินโดยปราศจากวัสดุอื่นบริเวณสาย ทำให้ได้เชยชมความสวยงามของวัสดุโฉมใหม่จากชาเนลได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกับบริเวณเบเซลและหลักบอกเวลายังรักษามาตรฐานความหรูหราด้วยการประดับแซปไฟร์สีน้ำเงินรวม 58 เม็ด (น้ำหนักรวมประมาณ 6.28 กะรัต)
บทสรุปของ J12 BLEU จึงไม่เพียงแต่เป็นการออกแบบและนำเสนอสีใหม่ของเรือนเวลาเท่านั้น แต่สำหรับชาเนล นี่คือการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของเมซงแบบล้ำลึกและเชื่อมโยงถึงรากฐานประวัติศาสตร์ ดีเอ็นเอ และวิถีของเมซงอย่างครบถ้วน รวมถึงการแสดงถึงการพัฒนาเรือนเวลาอย่างก้าวกระโดด ทั้งเชิงวัสดุ การออกแบบ กลไก เรื่อยไปจนถึงเทคนิคการประดับอัญมณีที่ลงตัว จากสีดำ สีขาว มาสู่สีน้ำเงิน การเดินทางครั้งนี้เป็นดั่งการท่องโลกนาฬิกาด้วยความโดดเด่นเฉพาะตัวของ J12 และในอนาคต นาฬิกาชาเนลจะสามารถพาทุกคนท่องไปในโลกที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติอย่างแน่นอน
(สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกา J12 ได้กับบทความ Chanel อวดเสน่ห์ของนาฬิกาข้อมือรุ่น J12 ผ่านเหล่านักแสดงหญิงหลากคาแร็กเตอร์ในแคมเปญใหม่ล่าสุด)
WATCH